กระทุ้งรัฐดันสกุลเงินบาท
ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย ในฐานะประธานกกร. เปิดเผยว่า ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐผลักดันสกุลเงินบาท หรือสกุลเงินท้องถิ่นซื้อขายในอาเซียน หรือเริ่มจากกลุ่มประเทศ CLMVT เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาค ลักษณะเดียวกับประเทศสิงคโปร์ แต่ต้องมีการหารือปรับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เอื้ออำนวยให้ได้ ซึ่งปัจจัยจากค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก จึงอยากให้ผลักดันอย่างจริงจังกับการซื้อขายเป็นสกุลเงินบาทเพื่อลดผลกระทบ ได้หารือร่วมกับรมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเห็นตรงกันว่าไทยควรลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย เพื่อดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการช้อปปิ้งใน อย่างไรก็ตาม กกร. มีมติปรับลดประมาณการตัวเลขทางเศรษฐกิจในรอบปี เป็นครั้งที่ 4 โดยปรับลดประมาณการจีดีพี ปี 62 ลงเหลือ 2.7-3% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 2.9-3.3% การส่งออกคาดติดลบ 2% ถึง 0% จากเดิมคาดติดลบ 1 ถึง 1% และเงินเฟ้อคงอยู่ที่ 0.8-1.2% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแรง เผชิญปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า เบร็กซิต และทิศทางเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลกระทบตรงกับการส่งออก เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจเดือน ก.ค. และ ส.ค. บ่งชี้ว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/62 อยู่ในภาวะที่อ่อนแรงอย่างต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก มีปัจจัยถ่วงหลักจากความเสี่ยงในภาคต่างประเทศ ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว นอกจากนี้อยากให้เร่งผลักดันกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 63 ทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง เพื่อรับมือกับความท้าทาย โดยเฉพาะปัจจัยจากต่างประเทศ ซึ่งแม้ภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 3 ต.ค. 2562