บริษัทผลิตเนื้อวัวของ สปป.ลาว เล็งส่งออกเนื้อวัวไปยังจีนมากขึ้น

กลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา กำลังจัดตั้งฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ในแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดหาเนื้อวัวให้กับตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ซึ่งกลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา ได้รับสัมปทานที่ดิน 5 แปลง จากรัฐบาล ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 3,687 เฮกตาร์ เพื่อปลูกหญ้าและเลี้ยงโค โดยประธานและผู้อำนวยการของบริษัท กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2564 และได้ทำการทดลองเลี้ยงวัว 4 สายพันธุ์ จนถึงขณะนี้ บริษัทได้ส่งออกวัวไปแล้วมากกว่า 1,000 ตัว ส่วนใหญ่ไปยังจีน ไทย และเวียดนาม ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา ได้สร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นมากกว่า 300 ตำแหน่ง มีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจในแขวงบ่อแก้ว และส่งผลให้ สปป.ลาว สามารถสร้างรายได้มากกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกสินค้าเกษตรในปี 2566 ซึ่งเกินเป้าหมายกว่า 20.18% สินค้าเกษตรหลักที่ส่งออก ได้แก่ กล้วย ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย วัว และกระบือ โดยจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด รัฐบาลลาวสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ผลิตเพิ่มการส่งออกเพื่อนำเงินตราต่างประเทศ ช่วยลดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่สูงในช่วงที่ผ่านมา

ที่มา : https://english.news.cn/asiapacific/20240223/1b37e1a966b24406a4d9d723b13ce70e/c.html

สปป.ลาว คาดว่าแขวงเวียงจันทน์จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 9 แสนคนในปีนี้

แขวงเวียงจันทน์กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศมายาวนาน และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนประมาณ 9 แสนคน ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากแขวงเวียงจันทน์มีข้อได้เปรียบมากมาย เช่น เป็นที่ตั้งของเมืองหลวง มีเมืองที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวมากมาย การผลิตทางการเกษตรที่แข็งแกร่ง ทรัพยากรธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพ และวิถีชีวิตที่หลากหลาย นับตั้งแต่เปิดประเทศอีกครั้งในปลายปี 2565 การท่องเที่ยวในแขวงเวียงจันทน์ก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามที่นายบุญจันทร์ มาลาวงศ์ ผู้ว่าเมืองวังเวียง กล่าวว่า ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 8 แสนคน มาเยือนแขวงเวียงจันทน์ และมากกว่า 6 แสนคน มาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวในวังเวียง และผู้คนมากกว่า 2 แสนคน มาเยี่ยมชมเมืองมากกว่าจำนวนที่ตั้งเป้าหมายไว้ในปี 2566

ที่มา : https://kpl.gov.la/EN/detail.aspx?id=80798

รัฐบาล สปป.ลาว ประกาศเพิ่มค่าธรรมเนียมการทำหนังสือเดินทางฉบับใหม่

กระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว ได้ประกาศว่าจะเพิ่มค่าหนังสือเดินทางเป็น 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับหนังสือเดินทางที่มีชิปอิเล็กทรอนิกส์ (e-passport) และ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับหนังสือเดินทางปกติราคาใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม 2567 โดยจะต้องชำระเงินเป็นกีบตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ค่าธรรมเนียมการดำเนินการที่เพิ่มขึ้นจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นสำหรับเงินกองทุนของรัฐบาล และช่วยให้มั่นใจว่ามีเงินทุนเพียงพอเพื่อให้ดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือเดินทางได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ค่าธรรมเนียมดังกล่าวครอบคลุมค่าอุปกรณ์ไอทีนำเข้าที่ใช้ในการผลิตหนังสือเดินทาง และค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์นี้และระบบอื่นๆ ที่เจ้าหน้าที่กรมกงสุลใช้เพื่อให้แน่ใจว่ามีการค้างในกระบวนการผลิตน้อยลง นับตั้งแต่วันที่เริ่มใช้ค่าธรรมเนียมใหม่ จะสามารถออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่ได้ภายใน 10 วันทำการ

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_40_Govt_y24.php

ธนาคารแห่ง สปป.ลาว กำหนดให้นักลงทุนต่างชาติเปิดบัญชี FDI

ธนาคารแห่ง สปป.ลาว (BOL) ได้บังคับใช้กฎระเบียบใหม่ ซึ่งกำหนดให้นักลงทุนต่างชาติต้องเปิดบัญชีธนาคารเพื่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินกีบลาวหรือสกุลเงินต่างประเทศที่แปลงสภาพกับธนาคารพาณิชย์ภายใน 15 วันหลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและติดตามการไหลเวียนของเงินทุน ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศใน สปป.ลาว เมื่อโอนเงินเข้าธนาคารพาณิชย์ในประเทศลาวแล้ว ผู้ลงทุนต่างประเทศจะต้องยื่นขอ Capital Importation Certificate (CIC) ต่อฝ่ายบริหารการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศภายใน 30 วัน

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/02/22/bol-policy-mandates-foreign-investors-to-open-fdi-account/

สถิติการลาออกจากโรงเรียนของเด็กในแขวงบ่อแก้วมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ

มีเด็กมากกว่า 5,000 คนในแขวงบ่อแก้ว ลาออกจากโรงเรียนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ในช่วงปีการศึกษา 2566-2567 ตามรายงานของกรมการศึกษาและการกีฬาประจำแขวงบ่อแก้ว โดยระบุว่าอัตราการลาออกจากโรงเรียนกลางคันที่น่าตกใจนี้ เกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงระยะห่างของโรงเรียนจากบ้านเด็ก การไม่มีหอพักนักเรียน ปัญหาทางการเงินที่หลายครอบครัวต้องเผชิญ ส่งผลให้เด็กๆ ต้องหางานทำ และความเชื่อที่ว่าการศึกษาต่อไม่มีคุณค่า ซึ่งได้ขัดขวางไม่ให้เด็กจำนวนมากก้าวเข้าสู่การศึกษาในระดับอุดมศึกษา ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาของลาวระบุว่า ในปี 2566 มีเด็ก 2,772 คน ยุติการศึกษาก่อนกำหนดในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย และในปี 2567 มีเด็กที่ต้องลาออกจากโรงเรียนกลางคันอีก 3,009 คน รวมเป็นเด็ก 5,781 คน นอกจากนี้ การขาดแคลนครูก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในเขตเมืองและชนบทของประเทศ ส่งผลให้สมาชิกรัฐสภาจำนวนมากเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อรับมือความท้าทายเหล่านี้

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/02/20/bokeo-province-sheds-lights-on-student-drop-out-trend/

สปป.ลาว แสดงวิสัยทัศน์บนเวทีสหประชาชาติในฐานะประธานอาเซียน

เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวร สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียนประจำสหประชาชาติ ได้กล่าวในที่ประชุมสหประชาชาติ โดยเน้นย้ำให้ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในการจัดการกับความท้าทายระดับโลก ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ และส่งเสริมการเจรจาระหว่างประเทศ ในฐานะภูมิภาคอาเซียนยึดมั่นในหลักการพหุภาคี อาเซียนเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการประชุมสมัชชาใหญ่ที่ได้รับการฟื้นฟู ซึ่งสะท้อนถึงภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป และรับประกันว่าเสียงของทุกชาติจะถูกรับฟัง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_38_Asean_y24.php