Lao Airlines ระงับเที่ยวบินไปยังจีน

Lao Airlines จะยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดจากเวียงจันทน์ไปยังจุดหมายปลายทางสามแห่งในจีน ได้แก่ ฉางโจว เซี่ยงไฮ้และหางโจวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อควรระวังหลังจากเกิดการระบาดของโรค coronavirus ในหวู่ฮั่น ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของผู้ให้บริการธงประจำชาติกล่าวว่า“ เราวางแผนที่จะหยุดเที่ยวบินจากเวียงจันทน์ไปยังจุดหมายปลายทางทั้งสามเป็นการชั่วคราวเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส โดยจะปิดจนกว่าเราจะได้รับการแจ้งเตือนเพิ่มเติมจากรัฐบาลจีนเกี่ยวกับสถานการณ์” การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่ายังคงแพร่กระจายและไม่มีวัคซีนรักษาทำให้ จีนมีมาตราการห้ามคนเข้าและคนออกไปยังประเทศปลายทางๆอื่นร่วมถึงสปป.ลาว ในระยะยาวหากสถานการณ์กินเวลานานสิ่งที่ตามมาคือพิษทางเศรษฐกิจที่จะส่งผลไปยังนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสปป.ลาวที่จะสูญเสียนักท่องเที่ยวชาติหลักอย่างจีนในช่วงนี้ไป ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนปี 61 เข้ามาเที่ยวในสปป.ลาวมากถึง 4.9 ล้านคนรวมถึงกลุ่มลงทุนชาวจีนที่เป็นกลุ่มนักลงทุนหลักของสปป.ลาว ดังนั้นสปป.ลาวเศรษฐกิจอาจชะงักลงได้ชั่วขณะจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-airlines-suspend-flights-three-chinese-routes-112774

กาแฟพืชเศรษฐกิจในอนาคต

เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในเขตคูนแขวงเซี่ยกวงกำลังทำเงินได้ดีจากการเพาะปลูกกาแฟที่มีราคาปรับตัวสูงขึ้นจากอดีต จากข้อมูลของเว็บไซต์ laocoffeeproductprice.la เมล็ดกาแฟอาราบิก้าขายในราคาสูงสุดที่ 3,200 กีบ ต่อกิโลกรัมเพิ่มจากเดิม 1,200 กีบ สาเหตุของการที่ราคาสูงขึ้นมาจากความต้องการสูงจากร้านกาแฟจำนวนมากในเวียงจันทน์และหลวงพระบาง เกษตรกรมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ซื้อซึ่งช่วยให้พวกเขาผลิตกาแฟคุณภาพดีออกมาได้ กาแฟในอนาคตจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของปป.ลาวจากการเติบโตที่สูงและระดับราคาสามารถทำให้เกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้นได้เป็นผลดีต่อประชาชนในประเทศเพราะประชาชนส่วนใหญ่สปป.ลาวทำอาชีพเกษตรกรหากรัฐบาลมีการสนับสนุนจะทำให้กาแฟเป็นพืชที่สำคัญที่จขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ในอนาคตและมีศักยภาพมากพอที่จะแข่งขันกับนานาประเทศต่อไป

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/xieng-khuang-coffee-growers-profiting-quality-crop-112702

การประชุมคณะรัฐมนตรีประจำเดือนมกราคม

การประชุมของคณะรัฐมนตรีประจำเดือนมกราคมได้เกิดขึ้นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้มีการพูดคุยกันในหลายๆเรื่องทั้งเรื่องของอนาคตและสถานการณ์การปัจจุบันอย่างเช่นเรื่องมาตราการป้องกันเชื้อไวรัส  coronavirus โดยหนึ่งในหัวข้อที่สำคัญที่ได้มีการพูดคุยกันคือการที่รัฐบาลจะเข้ามาเสริมสร้างบรรยากาศที่ดีในการดำเนินธุรกิจหรือเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มการลงทุน นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีเรียกร้องให้มีการจัดการด้านราคาอย่างมีประสิทธิภาพในตลาดท้องถิ่นเพื่อให้มั่นใจว่าราคาสินค้าสมเหตุสมผลจากที่ในปัจจุบันกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ในด้านอุตสาหกรรมมีการเรียกร้องให้มีมาตราสนับสนุนเพิ่มมากกว่าและข้อเสนอที่ดีขึ้นเพื่อดึงดูดให้ต่างประเทศมาตั้งฐานการผลิตที่สปป.ลาว ในช่วงสุดท้ายของการประชุมมีการพูดถึงการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดความร่วมมือระดับที่ 3 ของลังโคม – แม่โขง (LMC)และการประชุมสุดยอดยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจครั้งที่ 9 – แม่น้ำเจ้าพระยา – เจ้าพระยา – แม่น้ำโขงซึ่งจะจัดขึ้นที่เวียงจันทน์ในเดือนมีนาคม การประชุมดังกล่าวจะทำให้ สปป.ลาวได้ข้อเสนอแนะที่ดีที่ดีในการพัฒนาประเทศต่อไป

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM_demands_18.php

รัฐบาลสปป.ลาวคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างมั่นคงในปี 2563

รัฐบาลสปป.ลาวคาดหวังอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศจะขยายตัวที่ 9.5% คิดเป็นมูลค่า 54,080 พันล้านกีบในขณะที่รายรับเฉลี่ยต่อหัวจะอยู่ที่ 6,120 ดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ โดยมีเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายรอบด้านทั้งการเพิ่มการลงทุนจากทั้งภาครัฐและสนับสนุนเอกชนให้มีการลงทุนเพิ่ม ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 16,700 ล้านกีบนอกจากนี้การพัฒนาให้ภาคอุตสหกรรมสำคัญอย่าง ภาคเกษตร พลังงาน อุตสาหกรรมและบริการมีการขยายตัวจะเป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกันในการทำให้ GDP ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย เป็นที่น่าจับตามองถึงอนาคตของสปป.ลาวถึงการเติบโตดังกล่าวเพราะหากทำได้ตามเป้าหมายจะเป็นผลต่อสปป.ลาวอย่างมาก ทั้งดานการลดปัญหาความยากจน การเพิ่มงานให้คนในประเทศจากการที่มีการลงทุนสร้างโรงงานมากขึ้น เศรษฐกิจที่ดีจะทำให้สปป.ลาวพัฒนาได้อย่างยั่งยืน

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/vientiane-expects-stable-economic-growth-2020-112703

การเติบโตของการท่องเที่ยวสปป.ลาว

กระทรวงข้อมูลวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวได้เปิดเผยตัวเลข การท่องเที่ยวล่าสุดแสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสปป.ลาวในปี 62 มีมากขึ้น โดยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเยอะที่สุด 4.7 ล้านคนเพิ่มขึ้น 14.44% จากปี 2561 Mr Soun Manivong ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดการท่องเที่ยวกล่าวว่าส่วนหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมามาจาก แคมเปญเยี่ยมชมปีลาว – ​​จีนซึ่งได้รับความร่วมมือจากจีนเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนจากประเทศเพื่อนบ้านทางตอนเหนือมาเที่ยว สปป.ลาวมากขึ้น ขณะนี้รัฐบาลได้เริ่มวางแผนการสำหรับการที่จะกระตุ้นให้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในปี 63 โดยจะมีการดำเนินการในเรื่องการให้บริการที่ดีขึ้นทั้งด้านสถานทีท่องเที่ยวและความสะดวกสบายสำหรับการข้ามพรมแดน นอกจากนี้การรักษาระดับของค่าเงินกีบให้เหมาะสมก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญและนำแผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในปี63 โดยรัฐบาลหวังที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 4.7 ล้านคนและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 63

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_New_17.php

อุตสาหกรรมสิ่งทออาเซียนในยุค 4.0

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีการประชุมสภาอุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งอาเซียน (AFTEX) ครั้งที่ 43 จัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มสปป.ลาวและถือว่าเป็นวันครบรอบ 40 ปีของสมาคมอีกด้วยโดยที่ประชุมได้มีการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปในอาเซียนรวมถึงมีการพิจารณาตลาดเครื่องนุ่งห่มโลกและหารือถึงวิธีการร่วมมือกันในการส่งออกเสื้อผ้าไปยังทั่วโลก ปัจจุบันในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ทำให้การค้าคล่องตัวมากขึ้น โดยผ่านการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์และการรวมตลาดภายในภูมิภาคและทั่วโลกเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการค้าในกลุ่มมากขึ้น นอกจากนี้ภายในที่ประชุมยังมีการเปิดตัวโครงการความร่วมมือการค้าเทคโนโลยีใหม่และโอกาสสำหรับตลาดใหม่ในจีนและสาธารณรัฐเกาหลีที่จะเป็นตลาดที่สำคัญของสมาคมต่อไปในอนาคต

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/asean-textile-industry-reps-eye-seamless-export-trade-112459

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์กำหนดราคาหมูใหม่

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์สปป.ลาวกำหนดราคาใหม่สำหรับเนื้อหมูเพื่อแก้ไขปัญหาราคาหมูที่สูงอยู่ ณ ตอนนี้ โดยรัฐบาลพยายามที่จะจำกัดระดับราคาให้อยุ่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพราะหากตั้งต่ำเกินไปผู้ผลิตจะขาดทุนหรือหากตั้งสูงเกินไปก็อาจทำให้การบริโภคลดลงไปด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเรียกร้องให้มีการนำเข้าหมูจากเวียดนามหรือไทยเพื่อลดปัญหาดังกล่าว แต่ข้อเรียกร้องดังกล่าวก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีเพราะ ราคาหมูในสปป.ลาว ณ ตอนนี้เมื่อเทียบกับไทยแล้วราคาหมูไทยมีราคาสูงกว่าถึงร้อยละ 33 ดังนั้นวิธีดังกล่าวจึงไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก อย่างไรก็ตามการตึงราคาไว้เป็นแค่การแก้ไขปัญหาระยะสั้น เพราะสาเหตุของการที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นมาจากการขาดแคลนหมูเพราะเกิดโรคไข้หมูรวมถึงการผันผันของค่าเงินและราคาของน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นต้นทุนการขนส่งหมูทำให้ราคาหมูสูงตามไปด้วย ปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดของรัฐาบาลเพราะหากไม่มีแนวทางแก้ไข้ปัญหาที่ดี ในระยะยาวอาจส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศได้

ที่มา :http://annx.asianews.network/content/vientiane-commerce-dept-proposes-new-pork-price-amid-limited-supply-112539