‘UOB’ คงคาดการณ์ GDP เวียดนามปี 68 โต 6% แม้เผชิญอุปสรรคการค้า

ธนาคารยูโอบี (UOB) ประเมินเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2568 โดยคงคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 6% และปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามในปีหน้า จะขยายตัวที่ 6.3% ถึงแม้ว่าจะคงตัวเลขเศรษฐกิจ แต่ทางธนาคารประเมินว่าเศรษฐกิจจะยังคงเผชิญกับความเสี่ยงในหลายด้าน โดยเฉพาะความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ สะท้อนจากเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสแรกของปีนี้ ชะลอตัวลงเหลือ 6.93% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่ธนาคารประมาณการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ขยายตัว 7.1% และ 7.55% โดยการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในครั้งนี้ มีสาเหตุบางส่วนมาจากวันหยุดตรุษจีน แต่ได้รับการบรรเทาการด้วยกิจกรรมการค้าและการลงทุนที่ยืดหยุ่น อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของตลาดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีความกังวลอย่างมากต่อการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากเวียดนามที่ได้รับอัตราภาษีสูงถึง 46% ส่งผลให้นักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนาม แต่หลังจากที่สหรัฐฯ ชะลอการเจรจาเป็นระยะเวลา 90 วัน ทางการเวียดนามเดินหน้าเจรจาอย่างต่อเนื่องกับสหรัฐฯ รวมถึงเดินหน้าส่งเสริมการค้าในระยะสั้น

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/uob-maintains-vietnams-2025-gdp-growth-forecast-at-6-despite-trade-headwinds-post1205947.vov

‘เวียดนาม’ เผย 5 เดือนแรก เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ พุ่ง 51%

หน่วยงานการลงทุนต่างประเทศ (FIA) กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไหลเข้ามาประเทศเวียดนามในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่าราว 18.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) และจากยอดเงินลงทุนรวม จำแนกออกเป็นเงินลงทุนที่มาจากโครงการใหม่ 1,549 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 7.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินลงทุนที่มาจากการเพิ่มทุนในโครงการเดิม 8,510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นแหล่งดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 56.5% ของเงินทุนจดทะเบียนทั้งหมด และนักลงทุนชาวสิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 23.8% ของเงินลงทุนจากต่างชาติทั้งหมด

นอกจากนี้ ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าการลงทุนจากต่างประเทศ มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ผ่านช่องทางหลัก 3 ช่องทาง ได้แก่ การสะสมทุนที่เพิ่มขึ้น การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการผลิต

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1718935/foreign-investment-in-viet-nam-surges-in-five-months.html

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าลงทุน 18 พันล้านเหรียญฯ ลุยแผนพัฒนาพลังงานจนถึงปี 2035

ตามข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าเวียดนามจำเป็นที่จะต้องใช้งบลงทุนประจำปี สูงถึง 16 – 18 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงปี 2035 ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติฉบับที่ 8 (PDP VIII) ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานฉบับใหม่ ได้รับการอนุมัติภายใต้มติที่ 768/QĐ-TTg ว่าด้วยการสร้างความมั่งคงด้านพลังงาน และการตอบสนองความต้องการของการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเวียดนามตั้งเป้าที่จะจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เฉลี่ยที่ 10% ต่อปี ในช่วงปี 2026 – 2030 และจะขยายตัว 7.5% ต่อปี ในช่วงปี 2031 – 2050 นอกจากนี้ เวียดนามตั้งเป้าที่จะเป็น 1 ใน 4 ประเทศอาเซียนที่มีความมั่งคงด้านพลังงานไฟฟ้ามากที่สุด และอยู่ใน 3 อันดับแรกในด้านการเข้าถึงแหล่งไฟฟ้าได้ง่าย

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1716817/viet-nam-eyes-us-18-billion-a-year-for-power-plan-through-2035.html

‘ธนาคารโลก’ หั่น GDP เวียดนามปี 68 โตลดลง 5.8%

ธนาคารโลก (WB) ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของเวียดนามในปี 2568 เหลือโต 5.8% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 6.8% เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจดังกล่าวจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกที่ขยายตัว 4% ก็ตาม

ทั้งนี้ จากรายงาน East Asia and Pacific Economic Update ระบุว่าเศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังจากเศรษฐกิจในปี 2566 อยู่ในภาวะซบเซา และกลับมาฟื้นตัวขึ้นในปี 2567 จากแรงหนุนทางด้านอุปสงค์ภายนอกที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การส่งออกสินค้าและบริการ ขยายตัว 15.5% รวมถึงภาคอสังหาฯ ที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัว อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจเวียดนามจะยังคงเผชิญกับความเสี่ยงในด้านต่างๆ เช่น ความล่าช้าของการเบิกจ่ายงบลงทุน ความผันผวนของการค้าโลก เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และความไม่แน่นอนของนโยบาย เป็นต้น ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/wb-revises-down-vietnams-2025-gdp-forecast-to-5-8/

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าเศรษฐกิจโต 8% แม้หวั่นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

รัฐบาลเวียดนามยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัวที่ 8% ในปี 2568 ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าไม่เพียงแต่มองเศรษฐกิจในเชิงบวก แต่เวียดนามมีความพร้อมในการรับมือจากปัจจัยภายนอกผ่านการประสานนโยบายและนโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่น ทั้งนี้ จากสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เพิ่มขึ้น ข้อพิพาททางการค้า การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และเวียดนามยังคงต้องเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้ว รวมถึงภาวะเงินเฟ้อ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะแรงกดดันภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีสูงถึง 46% ด้วยเหตุนี้ ทางรัฐบาลได้เรียกร้องให้กระทรวง ภาคธุรกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมรับมือกับความท้าทายอย่างตรงไปตรงมา และคว้าโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-stays-on-course-for-8-growth-despite-tariff-risks-post317714.vnp

เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสที่ 1/2568 โตชะลอที่ 6.93%YoY คาด Reciprocal Tariffs กระทบเชิงลบต่อ GDP 1.5% แต่มีปัจจัยบวกหากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ สำเร็จ

เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 1/2568 เติบโตอยู่ที่ระดับ 6.93%YoY ชะลอจากไตรมาสที่ 4/2567 ที่ 7.55%YoY เนื่องจากการนำเข้าที่เร่งตัวขึ้นถึง 16.9%YoY ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำเข้าเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้น หลังพายุไต้ฝุ่นยางิสร้างความเสียหายให้กับฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรม

เวียดนามเป็นประเทศที่ถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ในอัตรา 46% และเสี่ยงส่งผลกระทบเชิงลบต่อ GDP สูงถึง 1.5%จากการที่เศรษฐกิจเวียดนามพึ่งพาการส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดสหรัฐฯ ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอาเซียนอื่น ๆ

ในเบื้องต้น Reciprocal Tariffs คาดส่งผลให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตชะลอลงมาที่ 5.3% แต่ยังมีปัจจัยบวกหากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ประสบผลสำเร็จ

อ่านต่อ : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/Vietnam-GDP-EBR4144-KR-08-04-2025.aspx

‘ภาษีสหรัฐฯ’ กระทบส่งออกหนัก กดดันเศรษฐกิจเวียดนาม

บรรดานักเศรษฐศาสตร์และผู้นำทางธุรกิจ แสดงความกังวลกับการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นอัตราภาษีในอัตรา 46% กับสินค้าเวียดนาม เริ่มมีผลวันที่ 9 เมษายน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาคการส่งออกและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ไมเคิล โคคาลารี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของวินาแคปปิตอล (VinaCapital) กล่าวว่าการประกาศขึ้นภาษีศุลกากรในครั้งนี้ ‘เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง’ และจากการวิเคราะห์ แสดงให้เห็นว่าการขึ้นภาษีดังกล่าว ทำให้การบรรลุเป้าหมาย GDP ของเวียดนาม ขยายตัว 8% ในปีนี้ เป็นเรื่องที่ยาก

ในขณะที่นายฝ่าม ซาน ห่ง (Pham Xuan Hong) ประธานสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเมืองโฮจิมินห์ กล่าวว่าตลาดสหรัฐฯ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 40% ของการส่งออกทั้งหมดของอุตสาหกรรมนี้ โดยสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในปัจจุบัน เสียอัตราภาษี 16% หากมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 46% ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถแข่งขันได้ ดังนั้น ทางสมาคมฯ หวังว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งและความพยายามในการเจรจาของรัฐบาลเวียดนาม จะช่วยลดอัตราภาษีที่เสนอขึ้นได้ ในระหว่างนี้ ธุรกิจต่างๆ จะใช้กลยุทธ์การการกระจายตลาด เพื่อลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1695360/us-tariffs-threaten-viet-nam-s-exports-economic-growth.html

‘เวียดนาม’ ติดอันดับเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก ปี 67

จากรายงานข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเวียดนามติด 20 อันดับเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในปีนี้ และคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะขยายตัว 6.1% ซึ่งตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในข้างต้นสูงกว่ากลุ่มประเทศในภูมิภาคหลายแห่ง เช่น จีน อินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย ในขณะเดียวกัน ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะชะลอตัวลงเล็กน้อยที่ 6.8% ในปี 2568 ถึงแม้ว่าทั้งสองสถาบันจะมองเศรษฐกิจเวียดนามในเชิงบวก แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่เวียดนามตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายตัวที่ 8%

นอกจากนี้ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตทางการค้าของเวียดนาม คือ กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน เนื่องมาจากธุรกิจต่างๆ พยายามย้ายห่วงโซ่อุปทานของตนออกจากจีนไปยังประเทศอื่นๆ

ที่มา : https://borneobulletin.com.bn/vietnam-among-worlds-fastest-growing-economies-in-2024/

‘สถาบันการเงินโลก’ มองศักยภาพทางเศรษฐกิจเวียดนาม เติบโตเขิงบวก

Suan Teck Kin กรรมการบริหารฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและตลาดโลกของธนาคารของยูโอบี กล่าวว่าเศรษฐกิจเวียดนาม มีแนวโน้มขยายตัวสูงถึง 8% ต่อปี หรืออาจขยายตัวสองหลัก หลังจากปีที่แล้ว ขยายตัว 7% ถึงแม้ว่าการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นความท้าทาย แต่เวียดนามเผชิญกับความเสี่ยงสำคัญ คือ นโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ และการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม โดยเฉพาะเรื่องที่เวียดนามพึ่งพาภาคการค้าระหว่างประเทศอย่างมาก เวียดนามมีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 90% ของ GDP ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์ที่ 174% ในขณะเดียวกัน นายทิม ลีลาหะพันธ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำเวียดนามและไทยของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ กล่าวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนาม มีปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ การค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การส่งออกและการท่องเที่ยว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/intl-financial-institutions-show-positive-views-on-vietnams-growth-prospects-post310561.vnp

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้า GDP ปี 68 เติบโต 8%

นายเหงียน ชี ดุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผน และการลงทุน (MPI) กล่าวในรัฐสภาว่าเวียดนามจะปรับเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2568 ขยายตัว 8% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 6.5-7% ตามมาด้วยการนำเข้าและการส่งออก ขยายตัว 12% และประมาณการณ์เกินดุลการค้าราว 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย ในขณะที่การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ คาดว่าจะอยู่ที่ 28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทาย รวมถึงการให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อในระดับเหมาะสมและการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://www.channelnewsasia.com/business/vietnam-says-revise-up-2025-gdp-growth-target-80-65-70-4932431