“เวียดนาม” เผยไตรมาสแรกปี 66 เม็ดเงินทุนต่างชาติไหลเข้าลดลง 39%

จากรายงานของสำนักงานส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศของเวียดนาม (FIA) ระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2566 เวียดนามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ มีมูลค่าราว 5.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และจากตัวเลขการลงทุนข้างต้น มีเงินทุนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐไหลเข้าไปยังโครงการใหม่ จำนวน 522 โครงการ ตามมาด้วยเงินทุนกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐไหลเข้าไปยังโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน จำนวน 228 โครงการ

ทั้งนี้ หากพิจารณาสัดส่วนการลงทุนในสาขาอุตสาหกรรมสำคัญของเวียดนาม พบว่าอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปมีสัดส่วนการลงทุนจากต่างชาติมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 73% รองลงมาอสังหาริมทรัพย์ 14.1% ในขณะที่ประเทศที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามมากที่สุด คือ สิงคโปร์มีมูลค่าการลงทุน 1.69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 31% ของการลงทุนจากต่างประเทศ รองลงมาจีนและไต้หวัน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1502972/viet-nam-s-foreign-investment-plunges-39-per-cent-in-q1.html

กัมพูชาอนุมัติโครงการลงทุน 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติโครงการลงทุนใหม่ 3 โครงการ ด้วยเม็ดเงินลงทุนรวม 16.2 ล้านดอลลาร์ โดยโครงการแรกเป็นของ บริษัท Dazhengxuan (Cambodia) Industrial Co., Ltd., Xin Yuan Cheng Factory Co., Ltd. และ Xu Wei Garment (Cambodia) Co., Ltd. ซึ่งทั้ง 3 บริษัท จะลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตร่ม, เสื้อกันฝน, ผ้าม่าน, ผ้าเช็ดโต๊ะ, พื้นรองเท้า และเสื้อผ้า ในจังหวัดพนมเปญและจังหวัดกันดาล โดยคาดว่าจะมีการสร้างงานมากกว่า 3,000 ตำแหน่ง ให้กับคนในท้องถิ่น ขณะที่สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้อนุมัติโครงการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมูลค่ารวมกว่า 4.685 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2022 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่ง CDC ได้ออกใบรับรองการลงทะเบียนขั้นสุดท้ายสำหรับโครงการลงทุนใหม่ (นอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ: SEZ) โดยมีมูลค่ารวม 3.45 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 49 เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่โครงการลงทุนที่จดทะเบียนในเขต SEZ ลดลงร้อยละ 39 คิดเป็นมูลค่ารวม 1.24 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2023 CDC ได้อนุมัติโครงการลงทุนภาคเอกชนใหม่ 27 โครงการ มีมูลค่าสะสม 198.2 ล้านดอลลาร์ และสร้างงานทั้งหมด 39,914 ตำแหน่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501258971/three-more-investment-projects-worth-over-16-million-approved/

5 ประเทศชั้นนำของโลก เข้ามาลงทุนในเวียดนามเท่าไร?

ตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่าในปี 2564 สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เกือบ 22,940 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาจีน 16,863 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, ญี่ปุ่น เยอรมนีและสหราชอาณาจักร ตามลำดับ โดยทั้ง 5 ประเทศข้างต้นได้เข้ามาลงทุนในเวียดนามมาหลายปีแล้ว หากพิจารณาในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. 2565 ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากจำนวนโครงการใหม่ 123 โครงการ ตามมาด้วยจีนกลายมาเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 2 ในเวียดนาม สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักและเยอรมนี

นอกจากนี้ กระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม (MPI) ระบุว่าอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปเป็นสาขาการลงทุนที่น่าสนใจที่สุดสำหรับนักลงทุนชาวญี่ปุ่น

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/how-much-do-the-5-largest-economies-invest-in-vietnam-2059410.html

“อุตสาหกรรมการผลิตของเวียดนาม” ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

สำนักงานการลงทุนจากต่างประเทศ (FIA) ของเวียดนาม เปิดเผยว่าตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มีเม็ดเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลเข้ามายังภาคอุตสาหกรรมการผลิตของเวียดนาม มูลค่า 252 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 60% ของเงินทุนจากต่างประเทศทั้งหมดที่ไหลเข้าไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามรายงานของสำนักงาน ชี้ให้เห็นว่าปัจจุบัน เวียดนามมีโครงการลงทุนจากต่างชาติ จำนวน 34,898 โครงการ ด้วยมูลค่า 426.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาคอุตสาหกรรมได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของโลก อาทิ Samsung, LG, Canon, Honda และ Toyota สะท้อนให้เห็นถึงการเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องในเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-process-manufacturing-attractive-to-foreign-investors/234399.vnp

‘GDP’ เวียดนามโต 5.03% ไตรมาส 1/65

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสแรกของปี 2565 ขยายตัว 5.03% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ชะลอลงจากการขยายตัว 5.22% ในไตรมาสที่สี่ของปี 2564 การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสนี้มีปัจจัยสำคัญมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณา GDP เวียดนามในไตรมาสที่สามของปี 2564 หดตัว 6.02% นับว่าเป็นครั้งแรกที่เศรษฐกิจหดตัวตั้งแต่ปี 2543 โดยปัจจัยลบที่สำคัญ (1) ราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น สาเหตุจากการสู้รบของรัสเซีย-ยูเครน

อีกทั้ง ราคาวัสดุก่อสร้างในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตของเวียดนามและอาจกลายเป็นตัวฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และ (2) ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปั้มน้ำมันบางแห่งขาดแคลนเชื้อเพลิง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและธุรกิจ

ที่มา : https://asia.nikkei.com/Economy/Vietnam-GDP-grows-5.03-in-first-three-months-of-2022

การผลิตภาคอุตฯ ‘เวียดนาม’ เดือน ม.ค. ดีขึ้นต่อเนื่อง

ตามรายงานของ IHS Markit ได้เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเวียดนาม ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 53.7 ในเดือน ม.ค.65 จากระดับ 52.5 ในเดือน ธ.ค.64 สะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของเวียดนามมีทิศทางที่ดีขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.64 ทั้งในด้านของผลผลิตและยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นในเดือนแรกของปีนี้ เนื่องจากความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจขององค์กรต่างประเทศ ด้วยอัตราการเติบโตสูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ย.61 ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับตัวดีขึ้น บริษัทที่ตอบรับการสำรวจส่วนใหญ่ 60% คาดว่าผลผลิตในปีนี้จะเพิ่มขึ้น ตลอดจนการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือน ม.ค. เหตุจากบริษัทต่างๆ ต้องการพนักงานใหม่หลังจากการระบาดโควิด-19 “สายพันธุ์เดลตา” เมื่อปี 2564

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-manufacturing-industry-continues-improving-in-january-post923057.vov