มูลค่าการนำเข้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น 50% ในปี 2562

มูลค่าของวัสดุก่อสร้างที่นำเข้ามาในกัมพูชาเพื่อภาคการก่อสร้างเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในปี 2562 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561 โดยตัวเลขจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชา(NBC) แสดงให้เห็นว่ามูลค่ารวมของวัสดุก่อสร้างรวมถึงอุปกรณ์ก่อสร้าง ปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์เหล็กอยู่ที่ประมาณ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 มูลค่าการนำเข้าวัสดุก่อสร้างในปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งภาคการก่อสร้างเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2562 ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 7.1% จากรายงานเศรษฐกิจมหภาคและการธนาคารของ NBC ในปี 2019 โดยโครงการก่อสร้างในกัมพูชามีจำนวนทั้งสิ้น 4,446 โครงการในปี 2562 เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่การลงทุนมีมูลค่าถึง 9.3 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 78% ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการจัดการที่ดินการวางผังเมืองและการก่อสร้างกล่าวว่าภาคการก่อสร้างเติบโตได้เพราะเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของประเทศ โดยการลงทุนส่วนใหญ่ในจังหวัดพระสีหนุมาจากนักลงทุนจีน ซึ่ง NBC กล่าวในมุมมองปี 2563 ว่าเศรษฐกิจของกัมพูชายังคงแสดงสัญญาณการเติบโตที่แข็งแกร่งในปี 2563 ที่ 7% จากการส่งออก การก่อสร้างและการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677526/building-material-import-value-increased-50-percent-in-2019

ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจกัมพูชา

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่งเปิดใหม่หรือมีชื่อว่า IWF Investment Cambodia ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Tin Yuet (TY) ของสิงคโปร์ โดยบริษัทในสิงคโปร์และ Asia Union Reits จะให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์และให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แก่นักลงทุนต่างชาติในกัมพูชา ซึ่งมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างพิธีเปิดการลงทุนอย่างเป็นทางการของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ IWF Investment โดยกล่าวเสริมว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจของกัมพูชากำลังเติบโตควบคู่ไปกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งให้โอกาสมากมายแก่นักลงทุน ซึ่งจะร่วมเป็นพันธมิตรกับ TY Capital นำนักลงทุนต่างชาติที่สนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มายังกัมพูชา โดย TY Capital จะให้คำปรึกษาแก่นักลงทุนต่างชาติและจะแนะนำนักลงทุนให้กับ IWF Investment สำหรับการจัดการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งหวังว่าการเป็นพันธมิตรกับ TY Capital จะนำนักลงทุนมาที่กัมพูชามากขึ้นและยังนำความรู้ด้านเทคนิคมาสู่กัมพูชาอีกด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677277/real-estate-firms-cement-a-powerful-partnership

จำนวนนักท่องเที่ยวในกัมพูชาจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2020

การคาดการณ์ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังกัมพูชาจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2563 แม้ว่าจะมีอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตามรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะสูงถึง 7 ล้านคนในปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 6.7 ล้านคนในปี 2562 ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนยังคงเป็นตลาดหลักที่สำคัญในภาคการท่องเที่ยวของประเทศตามรายงาน โดยกล่าวว่านักท่องเที่ยวชาวจีนคิดเป็น 38% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะแนวโน้มการเข้าชมพื้นที่ชายฝั่งทะเลและการทำธุรกิจภายในประเทศ ในการเปรียบเทียบการคาดการณ์การเติบโตที่ 6.1% ในปี 2563 ลดลงจาก 10.7% ในปี 2561 และประมาณ 8.7% ในปี 2019 โดยปัญหาภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาและปัญหาภายในอื่นๆ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในจังหวัดเสียมราฐลดลง แต่กลับกันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในฝั่งของจังหวัดพรีสีหนุซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงพนมเปญ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวได้ตั้งเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 11 ล้านคนภายในปี 2568 และ 25 ล้านในปี 2573

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677162/tourist-arrivals-forecasts-continued-growth-in-2020

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน กระทบ FDI กัมพูชา

กัมพูชาและประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง จากรายงานล่าสุดของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา โดยกล่าวเสริมว่าสงครามการค้าที่ยืดเยื้อได้ผลักดันให้เกิดความท้าทายที่สำคัญ ซึ่งทำให้กิจกรรมและการลงทุนระหว่างประเทศหลายประเทศชะลอตัวลง โดยรองผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ลุ่มน้ำโขงกล่าวว่าสงครามการค้าส่งผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวต่อประเทศ ซึ่งในระยะสั้นกัมพูชาจะได้รับประโยชน์ในแง่ของการค้าเพราะบริษัทจีนบางแห่งกำลังเผชิญกับการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดสหรัฐเนื่องจากมีการเก็บภาษีที่สูง ดังนั้นหลายบริษัทจึงมองหาฐานการผลิตใหม่เช่นกัมพูชา อย่างไรก็ตามในระยะยาวสงครามการค้าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจกัมพูชาไม่มากก็น้อย เช่นส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาน้อยลงและการลงทุนจากต่างประเทศในกัมพูชาลดลง โดย Nikkei Asian Review ได้รายงานเมื่อเร็วๆนี้ว่ามี บริษัท 16 แห่งกำลังมองหาฐานการผลิตใหม่จากจีนไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯเนื่องจากข้อพิพาททางการค้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677276/us-china-trade-tension-diverts-foreign-investments-to-kingdoms-benefit

กัมพูชาลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยการเก็บภาษีซ้ำซ้อนกับฟิลิปปินส์

  กัมพูชาและฟิลิปปินส์ใกล้จะลงนามในข้อตกลงการเก็บภาษีซ้ำซ้อน (DTA) ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มการค้าและการจ้างงานแบบสองทางระหว่างทั้งสองประเทศ จากการรายงานของ Philippine Daily Inquirer ประเทศกัมพูชาได้ตกลงกับข้อเสนอส่วนใหญ่ที่ทางฟิลิปปินส์ได้เสนอมา โดยข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นข่าวดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานในกัมพูชา ซึ่งมีคนฟิลิปปินส์มากกว่า 5,000 คน ที่อาศัยและทำงานในกัมพูชา ส่วนใหญ่เป็นพนักงาน ผู้จัดการ ครูวิศวกร แพทย์ สถาปนิก นักบัญชีและตำแหน่งระดับสูงอื่นๆ โดย DTA จะอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยหรือพลเมืองของทั้งสองประเทศที่ทำงานในประเทศอื่นจ่ายหรือเสียภาษีในประเทศบ้านเกิดของตนเท่านั้น ซึ่งจากข้อมูลของสำนักรายได้ภายในระบุว่าผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศอื่นที่ฟิลิปปินส์มีสนธิสัญญาการเก็บภาษีซ้ำซ้อนอาจสามารถเรียกร้องการยกเว้นหรือยกเว้นภาษีจากทางฟิลิปปินส์บางส่วนได้จากรายได้บางประเภทในฟิลิปปินส์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677163/nation-close-to-inking-double-taxation-pact-with-philippines

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา

ธนาคารกลางคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของกัมพูชาจะคงอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 7% โดยมีอัตราเงินเฟ้อที่ 2.3% ในปี 2563 ตามรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) โดยกล่าวว่าการคาดการณ์สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปตามการคาดการณ์ของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการส่งออกการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและภาคการท่องเที่ยว ในขณะที่เศรษฐกิจของกัมพูชา จากการเติบโตที่หลากหลายและการปฏิรูปที่ครอบคลุมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน การส่งออกคาดว่าจะเติบโตมากที่สุดโดยเฉพาะการส่งออกกระเป๋าเดินทางและผลิตภัณฑ์วัตถุดิบการผลิตอื่นๆ แม้ว่าการส่งออกเสื้อผ้าจะชะลอตัวลง ซึ่งสหภาพยุโรปอาจตัดสินใจถอน EBA จากกัมพูชาในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ซึ่งการสูญเสีย EBA จะเพิ่มมูลค่าของสินค้าส่งออกของกัมพูชาไปยังตลาดยุโรปเนื่องจากภาษีเดิมคือ 0.1% มาอยู่ที่ 12.5% ​​ตามประเภทของผลิตภัณฑ์ โดยสิ่งที่กัมพูชาต้องทำในระยะยาวคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงบรรยากาศการลงทุน ปรับปรุงการเกษตรให้ทันสมัยและปกป้องสิ่งแวดล้อมที่มาอยู่ ซึ่งการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็มีความสำคัญเช่นกัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677031/kingdoms-continued-real-growth