การแข่งขันของธุรกิจขนส่งสินค้า “อีคอมเมิร์ซเวียดนาม” มีภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ‘ช้อปปี้’ (Shopee) ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวแพ็กเกจการให้บริการชุดใหญ่ อย่างไม่คาดถึง ด้วยลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าผ่านบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ และเลือกบริการขนส่งสินค้าแกร็บ (Grab) ซึ่งจะได้รับการบริการจัดส่งฟรี และได้รับสิทธิพิเศษของมูลค่าสินค้าสูงถึง 200,000 ด่อง ทั้งนี้ แพ็กเกจและโปรโมชั่นดังกล่าว จะสามารถใช้เฉพาะในเขตของนครโฮจิมินห์และฮานอยเท่านั้น และระยะเวลาในการส่งมอบภายใน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ในปี 2561 จากรายงานของบริษัท Google และ Temasek ระบุว่าตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามมีอัตราการเติบโต (CAGR) ร้อยละ 35 ต่อปี ในช่วงปี 2558-2561 คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (คำนวณเฉพาะมูลค่าของ B2C เท่านั้น) ประกอบกับคนเวียดนามมีความต้องการสินค้าและความใจร้อนสูงมาก โดยทาง MoIT คาดว่าตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามจะมีมูลค่าราว 10 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2563

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/ecommerce-delivery-battle-in-vietnam-becomes-more-costly-406314.vov

ผลผลิตเนื้อหมู ตอบสนองต่อความต้องการตลาดในประเทศ ในช่วงเดือนหน้า

ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน ผลผลิตเนื้อหมูจะอยู่ในทิศทางแจ่มใส ขณะที่ ความต้องการเริ่มเพิ่มระดับสูงขึ้นในช่วงปลายปีนี้ จากนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดร้อยละ 25 ในช่วงเทศกาลตรุษจีนเร็วๆนี้ ทางด้านผู้รักษาการอำนวยการกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าต้องมีการร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาคเกษตรกรรมกับภาคอุตสาหกรรมและการค้า ซึ่งราคาเฉลี่ยเนื้อหมูในภาคเหนือยังอยู่ในระดับเสถียรภาพอยู่ที่ 65,000-66,000 ด่องต่อกิโลกรัม ส่วนภาคใต้อยู่ที่ 60,000-61,000 ด่องต่อกิโลกรัม แต่เมื่อเร็วนี้ๆ ราคาพุ่งสูงขึ้นอยู่ที่ 75,000 ด่องต่อกิโลกรัม เป็นผลมาจากการสื่อสารที่ผิดพลาด และข้อผิดพลาดในการจำหน่ายสินค้า ทั้งนี้ จากรายงานของกรมอนามัยสัตว์ ระบุว่าโรคไข้หวัดหมูแอฟริกาได้แพร่กระจายไปยังกว่า 63 จังหวัดและทุกเมืองเวียดนาม โดยมีสุกรมากกว่า 5 ล้านตัว ได้ถูกการคัดแยกแล้ว เพื่อหยุดการแพร่กระจายเชื้อโรคดังกล่าว นอกจากนี้ ผู้ผลิตเนื้อหมูควรใช้มาตรการด้านความปลอดภัยทางชีวภาพและควบคุมปริมาณสุกรอย่างเข็มงวด

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/538566/pork-supply-to-meet-demand-on-domestic-market-next-months.html#0wkhBBOzr7y0VjeY.97

เวียดนามตั้งเป้ายอดส่งออกข้าว 6.5 ล้านตัน ภายในปี 2562

จากข้อมูลของสมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) คาดว่าจะส่งออกได้ 6.5 ล้านตัน ในปี 2562 โดยประเทศจีนเป็นตลาดส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ประกอบกับเวียดนามส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เฉลี่ยอยู่ที่ 2 ล้านตันต่อปี คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของยอดส่งออกข้าวรวมทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าเวียดนามจะมีส่วนแบ่งการตลาดสูงและมีขนาดตลาดใหญ่ แต่ในช่วงตั้งแต่ปี 2561 มีแนวโน้มลดต่ำลง เนื่องมาจากกฎระเบียบทางด้านคุณภาพสินค้า และข้อกำหนดทางด้านเทคนิคที่เข็มงวด ด้วยเหตุนี้ จึงต้องหันมาส่งออกไปยังตลาดอื่น ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) ระบุว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวไปยังประเทศจีน ลดลงร้อยละ 67 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าสถานการณ์การส่งออกข้าวลดลงก็ตาม แต่คาดว่าในปีนี้ จะสามารถส่งออกข้าวรวมตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/rice-exports-set-to-reach-65-million-tonnes-during-2019-406267.vov

ผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเวียดนาม เผชิญกับการบริโภคที่ตกต่ำ ในช่วงเดือนตุลาคม

จากข้อมูลของสมาคมเหล็กเวียดนาม (VSA) เปิดเผยว่าการบริโภคผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าลดลง โดยเฉพาะเหล็กแผ่นเคลือบสี (Colour-coated steel) ในช่วงเดือนตุลาคมของปีนี้ ขณะที่ ผลผลิตยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากจำแนกผลิตภัณฑ์เหล็กที่มีผลผลิตและการบริโภคเพิ่มขึ้น พบว่ามีเพียงผลิตภัณฑ์เหล็กก่อสร้างชนิดเดียว ส่วนผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดเย็นมีผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่การบริโภคหดตัวลงร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นเคลือบสีที่มีผลผลิตลดลงมากที่สุดในช่วงเดือนตุลาคม แตะระดับ 348,902 ตัน ลดลงร้อยละ 15.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เช่นเดียวกับการบริโภคที่หดตัวลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ จากการส่งออกลดลงอย่างมากของผลิตภัณฑ์เหล็กขั้นกลาง ขณะที่การนำเข้ายังคงเพิ่มขึ้นทุกๆปี ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน และอินเดีย ด้วยเหตุนี้ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ตัดสินใจในการป้องกันการทุ่มตลาดของผลิตภัณฑ์เหล็กเคลือบสีบางชนิดที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลีใต้ และจีน นอกจากนี้ ยังขยายการตอบโต้การทุ่มตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์สเตนเลสรีดเย็น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/steel-products-experience-slow-consumption-in-october/163815.vnp

รัฐบาลเวียดนามอนุมัติก่อสร้างสนามบินในเมืองซาปา

กระทรวงคมนาคมเวียดนามได้อนุมัติวางแผนก่อสร้างสนามบินซาปา (Sa Pa) โดยสามารถจุผู้โดยสารกว่า 3 ล้านคนต่อปี ซึ่งเป็นสนามบินภายในประเทศที่มีช่องจอดเครื่องบิน 9 ช่อง เพื่อใช้ในทางทหารและพลเรือน ด้วยจำนวนเงินทุนในการก่อสร้างสนามบินกว่า 3.09 ล้านล้านด่อง (หรือ 133 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และคาดว่าโครงการจะสำเร็จภายในปี 2561 ซึ่งวัตถุประสงค์หลักจะให้บริการนักท่องเที่ยวจากเวียดนามทางตอนใต้ และภาคตะวันตกของประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน ระบุว่าการไหลเข้าของนักท่องเที่ยวจะไม่มีเสถียรภาพมากนัก เมื่อเทียบกับสนามบินอื่น สำหรับในปีที่แล้ว ในเขตจังหวัดหล่าวกาย (Lao Cai) มีนักท่องเที่ยวมาเยือนประมาณ 4.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากปี 2560

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/government-approves-northern-highlands-airport-in-sa-pa-406165.vov

ผู้ประกอบการเวียดนามลงทุนกว่า 430 ล้านเหรียญสหรัฐฯไปยังต่างประเทศ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

จากข้อมูลของสำนักงานลงทุนต่างประเทศ ภายใต้กระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่าผู้ประกอบการเวียดนามลงทุนประมาณ 431.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปยังต่างประเทศ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยส่วนใหญ่ลงทุนในภาคการค้าปลีกค้าส่ง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.6 ของการลงทุนรวม รองลงมาภาควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเกษตรกรรม และภาคอสังหาริมทรัพย์ ตามลำดับ ซึ่งในบรรดา 30 ประเทศทั่วโลก นักการเงินเวียดนามส่วนใหญ่ลงทุนไปยังประเทศออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่า 140.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมาสเปน กัมพูชา และสิงคโปร์ ตามลำดับ ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าว ธุรกิจท้องถิ่นได้อัดฉีดเงินทุนเข้าสู่ตลาดใหม่ สังเกตได้จากเวียดนามอัดฉีดเงินทุน 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปยังสปป.ลาว สำหรับการลงทุนในประเทศ ส่วนใหญ่ลงทุนในภาคการเกษตรกรรม การเงิน ภาคธนาคาร ประกันภัยชีวิต และโทรคมนาคม เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnamese-firms-invest-over-us430-million-abroad-in-nine-months-406166.vov

เวียดนามเผยการส่งออกข้าวได้รับความเสียหาย จากระดับราคาที่ดิ่งลง

จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามส่งออกข้าวอยู่ที่ 5.56 ล้านตัน ด้วยมูลค่า 2.43 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 ในด้านปริมาณ แต่มูลค่าเม็ดเงินลดลงร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ประเทศฟิลิปปินส์ยังคงเป็นตลาดข้าวรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 35 ซึ่งในบางช่วง ราคาข้าวตกต่ำแตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 12 ปี นับว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รายได้จากการส่งออกข้าวร่วงลงในช่วงเวลาดังกล่าว  โดยราคาข้าวเฉลี่ยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 อยู่ที่ 435.6 เหรียญสหรัฐฯ 2562 ลดลงร้อยละ 13.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน ผู้ส่งออกเวียดนามต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรง และจำเป็นขจัดอุปสรรคทางการค้า เพื่อให้สามารถส่งออกไปยังประเทศจีนและตลาดอื่นๆ นอกจากนี้ ยังเน้นในการสร้างตลาดและการหาแหล่งตลาดใหม่ โดยเฉพาะประเทศแอฟริกาและอาเซียน ให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์กับความต้องการให้ตลาดเหล่านั้นได้

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/rice-export-revenue-suffers-from-price-drop-406119.vov