ชานมไข่มุก ฮิตในเวียดนาม แบรนด์แฟรนไชส์ต่างชาติรุมแบ่งเค้ก

ในปี 2013 ธุรกิจชานมไข่มุกกลับมาเริ่มบูมอีกครั้ง จากการเข้ามาทำตลาดของแบรนด์จากใต้หวันและฮ่องกง โดยเฉพาะในนครโฮจิมินห์ที่เปิดสาขาอย่างมากมายและกลุ่มเป้าหมายหลักอยู่ในวัยเรียนและกลุ่มคนทำงานที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จากข้อมูลคนเวียดนามดื่มชาพร้อมดื่มและพร้อมเสิร์ฟมากกว่ากาแฟถึง 2 เท่า โดยเฉพาะชานม โดยมีแบรนด์แฟรนไชส์ชานมไข่มุกต่างชาติ ได้แก่ ไต้หวัน ฮ่องกง ไทย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ที่เข้ามาลงทุน แนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจะโตไปจนถึงปี 2020 และปี 2560 ที่ผ่านมา โตเฉลี่ยถึง 5% ท้ายนี้ตลาดเครื่องดื่มในเวียดนามยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่จะมีอุปสรรคในเรื่องของการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะจากต่างชาติ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือประชากรส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีกำลังซื้อสูง และนิยมบริโภคสินค้าแปลกใหม่

ที่มา: http://www.thaismescenter.com/ชานมไข่มุก-ฮิตในเวียดนาม-แบรนด์แฟรนไชส์ต่างชาติรุมแบ่งเค้ก/

11 พฤษภาคม 2561

เวียดนามตอนกลาง ตลาดเนื้อหอมที่รอต้อนรับนักลงทุนต่างชาติ

ปัจจุบันเขตเมืองเศรษฐกิจอย่างนครโฮจิมินและกรุงฮานอยเริ่มแออัดและเต็มศักยภาพ พื้นที่ตอนกลางจึงเป็นจุดที่น่าสนใจในการลงทุนเพราะมีเขตเศรษฐกิจพิเศษและนิคมอุตสาหกรรมในหลายจังหวัด เช่น กว๋างหงาย กว๋างนาม กวางจิ และดานัง โดยพบว่าสิ่งที่เป็นแหล่งดึงดูดคือ ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อรองรับภาคการผลิต ระบบขนส่งทางเรือและโดยเฉพาะท่าอากาศยานนานาชาติดานัง และดานังนี่เองที่มีนิคมอุตสาหกรรมถึง 6 แห่ง ความน่าสนใจเชิงตลาด ตลาดและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น อย่างดานังมีประชากรราว 25 ล้านคน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2% ต่อปี สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ และมีรายได้เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 3,059 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 17% จาก 2,617 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2557 ความน่าสนใจเชิงพื้นที่ยุทธศาสตร เป็นพื้นที่เชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญทั้ง ระเบียงเศษฐกิจ GMS (Greater Mekong Subregion) โครงการ Belt and Road Initiative ของจีน เห็นได้ว่าเวียดนามมีศักยภาพในการรองรับทุนในหลายๆ ธุรกิจ

ที่มา: http://www.exim.go.th/doc/adn/49647_0.pdf

8 พฤษภาคม 2561

มองเวียดนามกับโอกาสของธุรกิจพลังงานหมุนเวียน

หลังจากเวียดนามประกาศยกเลิกแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกเพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าซึ่งเป็นผลจากภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันพบว่าธุรกิจพลังงานหมุนเวียนกำลังเป็นที่น่าจับตา ซึ่งจะเป็นแหล่งพลังงานสำคัญทดแทนพลังงานหลักของเวียดนามอย่างถ่านหินและพลังน้ำที่ต้องนำเข้าเป็นหลัก ทำให้รัฐบาลพยายามส่งเสริมการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนขากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเพื่อลดการนำเข้าของถ่านหิน และการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นต่อปีอยู่ที่ 10% ในอีก 5 ปีข้างหน้า ปัจจุบันแม้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่เชื่อได้ว่าเวียดนามมีศักยภาพมากพอโดยเฉพาะพลังงานจากแสงอาทิตย์และพลังงานลม ดังนั้นนักลงทุนหรือผู้ประกอบการควรศึกษาและคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้

ที่มา: http://www.exim.go.th/doc/adn/49486_0.pdf

10 กรกฎาคม 2561

สามเหลี่ยมเศรษฐกิจตอนเหนือ แหล่งลงทุนที่น่าสนใจในเวียดนาม

ปัจจุบันสามเหลี่ยมเศรษฐกิจตอนเหนือเป็นที่เนื้อหอมของนักลงทุนต่างชาติ เพราะเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง กรุงฮานอย จังหวัดไฮฟอง และจังหวัดกว๋างนิญ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นย่านเศรษฐกิจ การค้าและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และยิ่งกว่านั้นจุดเชื่อมโยงนี้ตั้งอยู่บนเส้นทางโลจิสติกส์สำคัญอย่าง โครงการ Belt Road Initiative (BRI) ของจีน และในภาคการท่องเที่ยวพบว่ามีนักเดือนทาองเพิ่มมากขึ้น 128% ของครึ่งปีแรก เห็นได้ว่าโอกาสของนักลงทุนนั้นเปิดกว้าง แต่ทั้งนี้สิ่งที่ต้องเข้าใจเป็นอันดับแรกคือ ความต่างกันของพฤติกรรมผู้บริโภคระหว่างเวียดนามเหนือที่อยู่ในเขตค่อนข้างหนา และเวียดนามใต้อากาศจะคล้ายกับไทยคือร้อนอบอ้าว และยังมีนักท่องเที่ยวที่หลากหลายและผู้บริโภคจากจีนที่จำเป็นจะต้องรู้ถึงพฤติกรรมการบริโภค

ที่มา: http://www.exim.go.th/doc/adn/49911_0.pdf

10 กรกฎาคม 2561

เศรษฐกิจ CLMV เติบโตดีต่อเนื่อง แม้เวียดนามอาจมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า

ยังคงขยายตัวสูงที่ระดับ 6-7% ในปี 2018 และ 2019 หลักๆ มาจาก มูลค่าการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ขยายตัว 21%YOY จากจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 63% ของ FDI ทั้งหมด อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงสำคัญคือการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ทั้งนี้ ค่าเงินมีทิศทางอ่อนค่าลงตั้งแต่ต้นปีตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่อ่อนค่าในระดับต่ำกว่าค่าเงินประเทศเอเชียอื่นๆ เนื่องจากอยู่ภายใต้การควบคุมจากธนาคารกลาง

 

ที่มา: https://www.scbeic.com/th/detail/product/5081

 

ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายในเวียดนามตอนใต้

การบริโภคผลิตภัณฑ์ความงามในเวียดนามเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2559 โดยกลุ่มประชากรเป้าหมายเป็นเพศหญิลอายุ 20 – 44 ปี และจากการสำรวจพบว่ากลุ่มผู้บริโภคมีอายุและตำแหน่งการงานสูงขึ้น มักหันมาสนใจดูแลผิวพรรณมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคในจังหวัดทางตอนใต้ที่มีกำลังซื้อมากกว่ากลุ่มผู้บริโภคในพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งในปัจจุบัน มีบริษัทด้านความงามในเวียดนาม 400 บริษัท สำหรับช่องทางการซื้อ ส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ รองลงมาผ่านร้านตัวแทนจำหน่าย ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ความงามจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้รับความนิยมจากคนเวียดนาม โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ แต่หากรวมผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย พบว่าผลิตภัณฑ์จากไทยกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาย่อมเยา สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกำลังเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายตลาดผลิตภัณฑ์ความงามในเวียดนาม ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ “Organic” และพิจารณาช่องทาง E-Commerce อีกด้วย

ที่มา : http://www.thaiembassy.org/hochiminh/th/business/6900/95647-ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายในเวียด.html