สปป.ลาว-เกาหลีใต้ ร่วมมือลดความซับซ้อนการโอนเงินข้ามพรมแดน

สปป.ลาวและเกาหลีใต้ ผนึกกำลังในโครงการนำร่องเพื่ออำนวยความสะดวกกระบวนการโอนเงินข้ามพรมแดนสำหรับคนงานลาวในต่างประเทศและแรงงานต่างด้าวในลาว เนื่องจากแรงงานชาวลาวในต่างประเทศมักเผชิญกับอุปสรรคในการโอนเงินข้ามพรมแดน รวมถึงปัญหาการเปิดบัญชีธนาคารในต่างประเทศ ขั้นตอนเอกสารการโอนเงินที่ซับซ้อน และต้นทุนการโอนเงินที่สูง ปัญหาเหล่านี้นำไปสู่ช่องทางการโอนเงินที่ผิดกฎหมายและมีความเสี่ยงอยู่บ่อยครั้ง กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมและธนาคารแห่ง สปป. ลาว ได้ทำการศึกษาเครื่องมือและช่องทางการชำระเงิน เพื่อสร้างระบบโอนเงินที่สะดวกมากยิ่งขึ้นสำหรับแรงงานชาวลาวส่งเงินกลับประเทศผ่านช่องทางของสถาบันการเงิน ทั้งนี้ จากความร่วมมือระหว่างธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศใน สปป.ลาว และบริษัท Global Loyalty Network Company (GLN) ของเกาหลีใต้ ได้สร้างแพลตฟอร์มการเงินดิจิทัล โดยจะนำร่องใช้งานเริ่มต้นที่เป้าหมายแรก คือ เกาหลีใต้ และแผนในอนาคตคือการขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น ไทย และญี่ปุ่น

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/10/31/laos-south-korea-partner-to-simplify-cross-border-money-transfers/

‘สปป.ลาว จะใช้มาตรการเข้มขึ้น’ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

พรรคปฏิวัติประชาชนลาว ได้มีมติในการดำเนินมาตรการที่เข้มข้นขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและรักษาเสถียรภาพของสกุลเงิน​​กีบ ในระหว่างการประชุมสมัยที่ 7 คณะกรรมพรรคฯ เห็นพ้องเกี่ยวกับมาตรการที่ไม่เพียงแต่เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ยังเพื่อเร่งบรรเทาผลกระทบจากน้ำท่วมไปพร้อมกันด้วย โดยขอให้ภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนรับมือกับไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นและทำงานหนักขึ้นเพื่อกระตุ้นการผลิตทางการเกษตร ลดการนำเข้าสินค้าที่สามารถปลูกหรือผลิตในประเทศได้ นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้แนะนำให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาชนบทและการลดความยากจนมากขึ้น ตลอดจนยกระดับมาตรฐานการศึกษาและบริการด้านสุขภาพ สร้างงานมากขึ้น และบรรเทาปัญหาสังคม รวมถึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการอย่างละเอียดถี่ถ้วนสำหรับกิจกรรมสำคัญของประเทศในปีหน้า รวมถึงการประชุมสุดยอดอาเซียนและการรณรงค์การท่องเที่ยวในปี 2567

ที่มา : https://english.news.cn/20231030/9c87d6967a994892a36a4a93e5706cfd/c.html

สปป.ลาว-ไทย กระชับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์

นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว และเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมมิตรภาพเพื่อนบ้านที่ดีและความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดของทั้งสองประเทศ ซึ่งนำไปสู่การตระหนักถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศร่วมกัน เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคีทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือในการสร้างและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงระหว่างลาวกับไทยผ่านระบบถนนและทางรถไฟ ตลอดจนโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศผ่านชุมชนระหว่างทั้งสองประเทศ รวมถึงให้คำมั่นที่จะส่งเสริมกลไกการประสานงานและความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของลาว กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยต่อไป เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าชายแดนไทย-ลาว และสนับสนุนระหว่างกันในเวทีระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/laos-thailand-strengthen-strategic-partnership/270428.vnp

นายกฯ หนุนศุลกากรหนองคาย One Stop Service ดันส่งออกชายแดน-จีน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมติดตามประเด็นปัญหาการส่งออก ขั้นตอนพิธีศุลกากร การค้าชายแดนและการพัฒนา One Stop Service ระหว่างราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ สำนักงานศุลกากร จังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยนายเศรษฐา ระบุว่า ตนต้องการให้จังหวัดได้พัฒนาระบบโลจิสติกส์ เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อผลักดันศูนย์ให้บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service :OSS) ทำให้การบริการภาครัฐรวมอยู่ในระบบเดียว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อรองรับความต้องการและส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน หากจังหวัดหนองคายดำเนินการเป็นจังหวัดแรก ที่รวมบริการทั้งหมด เพื่อขยายตัวอย่างไปจังหวัดต่างๆ สำหรับไทย-จีนมีความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งจากการพูดคุยหารือนักลงทุนประเทศจีนมีความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งสินค้าเกษตร ขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานให้เกิดความร่วมมือ นำนักลงทุนมาลงทุนในประเทศไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยปัจจุบันจุดผ่อนปรนจังหวัดหนองคายมีด่านชายแดนริมโขงอยู่ 4 จุด ซึ่งค่อนข้างแออัดหลังจากสถานการณ์โควิดปรับตัวดีขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงเปิดไม่ครบทุกจุด ด้านมูลค่าการค้า ณ จุดผ่านแดนอยู่ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ากับ สปป.ลาว มาโดยตลอด

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-1425864

‘ลาว-จีน-เมียนมา-ไทย’ เสร็จสิ้นภารกิจร่วมลาดตระเวนแม่น้ำโขง ครั้งที่ 134

หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจากลาว จีน เมียนมา และไทย สนธิกำลังเพื่อทำการลาดตระเวนร่วมในแม่น้ำโขง ครั้งที่ 134 โดยการลาดตระเวนร่วมครั้งนี้มีเรือ 5 ลำ และเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย 114 นาย จาก 4 ประเทศ ครอบคลุมเส้นทางน้ำเป็นระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร โดยปฏิบัติการดังกล่าวใช้เวลา 4 วัน 3 คืน ในระหว่างการลาดตระเวน ประเทศต่าง ๆ มุ่งเน้นไปที่การปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนเพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพริมแม่น้ำ และทำการประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งจัดขึ้นที่แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่แม่น้ำโขง ทั้งสี่ประเทศบรรลุฉันทามติในการร่วมกันต่อสู้กับการฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมและอาชญากรรมข้ามพรมแดนอื่น ๆ รวมถึงกระชับความร่วมมือในอนาคตให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทั้งนี้ แม่น้ำโขง หรือในจีนเรียกกันว่าแม่น้ำล้านช้าง เป็นแม่น้ำที่สำคัญสำหรับการขนส่งข้ามพรมแดน ทั้งสี่ประเทศได้ดำเนินการลาดตระเวนร่วมกันในแม่น้ำโขงตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 เป็นต้นมา

ที่มา : https://english.news.cn/20231027/a22c8b9f0c11468b8a5a696aa43e1758/c.html

สปป.ลาว พิจารณาปรับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% ภายในปี 2567

กระทรวงการคลัง สปป.ลาว กำลังพิจารณาเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% เป็น 10% เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐบาลและสนับสนุนเศรษฐกิจ ซึ่งอัตราดังกล่าวจะเท่ากับอัตราเดิมที่เคยบังคับใช้ในช่วงปี 2553-2564 โดยกระทรวงการคลังได้ชี้ให้เห็นปัจจัยหลายประการที่เอื้อต่อการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามูลค่าปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะนี้จำนวนธุรกิจที่จดทะเบียนภายใต้กฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มมีจำนวนต่ำกว่าคาดการณ์และรัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มรายได้เพื่อลดการขาดดุลงบประมาณ และทำให้สกุลเงินกีบมีเสถียรภาพ ตามการระบุของฝ่ายการเงินของรัฐบาล ทั้งนี้ ร่างกฎหมายใหม่เพื่อเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ และมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2567 นอกจากการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ยังพิจารณามาตรการอื่นๆ เพื่อปรับปรุงระบบภาษีของประเทศ รวมถึงการเร่งพัฒนากลไกในการคืนภาษีให้กับธุรกิจที่จ่ายไปแทนการยกเว้นภาษี ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการสูญเสียทางการเงินของรัฐบาลผ่านการยกเว้นภาษีพร้อมทั้งให้การสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่น
ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/10/27/laos-considers-raising-vat-rate-to-boost-revenue/

สปป.ลาว หารือร่วมเวียดนาม หลังเข้าร่วมประชุม GCC ที่ซาอุดีอาระเบีย

สอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีแห่ง สปป.ลาว หารือทวิภาคีร่วมกับ ฝั่ม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ในวาระเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนกับคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC Summit) ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลาวและเวียดนาม ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะผลักดันการดำเนินการตามความตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เวียดนาม-ลาวในช่วงปี 2564-2573 ข้อตกลงความร่วมมือทวิภาคีลาวและเวียดนาม ในช่วงปี 2564-2566 และการลงนามข้อตกลงและแผนในด้านต่างๆ อีกทั้งได้ตกลงร่วมกันที่จะมุ่งเน้นการขจัดอุปสรรคสำหรับโครงการความร่วมมือที่สำคัญ เช่น การพัฒนาท่าเรือหวุงอังหมายเลข 1, 2 และ 3 รวมถึงโครงการที่เชื่อมต่อการจราจรทางถนนและทางรถไฟในทิศทางตะวันออก-ตะวันตก เป็นต้น

ที่มา : https://kpl.gov.la/EN/detail.aspx?id=77599