รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้อง CP ALL ขยายการลงทุนภายในประเทศ

รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้ บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) ขยายการลงทุนมายังกัมพูชา โดยเฉพาะโรงงานกระดาษและโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เพราะเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงในตลาดกัมพูชา ซึ่งปัจจุบัน ซีพี ออลล์ ได้เปิดดำเนินการร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven หลายสาขาในกรุงพนมเปญเมืองหลวงของกัมพูชา สะท้อนถึงเป้าหมายของ ซีพี ออลล์ ในการขยายกิจการเข้าสู่ตลาดอาเซียนที่กำลังเติบโต พร้อมตอกย้ำจุดแข็งในการส่งเสริมการค้าและบริการระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยปัจจุบันการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยแตะที่มูลค่า 1.174 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501133961/govt-asks-cp-all-plc-to-invest-in-kingdom/

บ.ญี่ปุ่น เข้าซื้อหุ้น 35.1% ในบ.พลังงานเวียดนาม

สำนักข่าวนิกเคอิ (Nikkei) เปิดเผยว่าบริษัทผลิตไฟฟ้าของญี่ปุ่น JERA Co., Inc ลงนามในข้อตกลงที่จะซื้อหุ้น 35.1% ของบริษัทเวียดนาม Gia Lai Electric Joint Stock Company (GEC) ด้วยการตอบสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการลดการปล่อยคาร์บอน ทั้งนี้ บริษัทญี่ปุ่น JERA ถือเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Tokyo Electric Power และ Chubu Electric Power ที่จะเข้ามาลงทุน 15 พันล้านเยน (112 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในบริษัทพลังงานหมุนเวียนของเวียดนาม โดยการซื้อหุ้นในครั้งนี้ ทางบริษัท JERA ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน 5,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2568

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/japanese-firm-buys-351-stake-at-vietnams-power-company/235754.vnp

“อีอีซี” ทุ่มงบ 1.8 ล้านล้าน หนุนอุตสาหกรรมยุคใหม่

เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือนายคณิศ แสงสุพรรณ ออกมาเปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 4 ประจำปี 2565 ในวันจันทร์ที่ 15 ส.ค.2565 ที่ผ่านมา โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่าที่ประชุมได้มีการรับทราบ ความก้าวหน้าผลการดำเนินงานของอีอีซี ในช่วง 4 ปีแรก (2561–2565) โดยเกิดความสำเร็จและการเกิดการเติบโตที่ดีครบทุกมิติ ผลประโยชน์ตรงถึงประชาชน แบ่งได้ดังนี้ 1.เกิดการอนุมัติงบลงทุนสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท เกินเป้าหมาย 1.7 ล้านล้านบาท ใน 5 ปีที่เป็นแผนแรกของอีอีซี 2.สามารถดึงเทคโนโลยีใหม่ผ่านการลงทุน โดยใน 4 ปีที่ผ่านมา การอนุมัติการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 S-curve มีสัดส่วน 70% ของการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด และ 5 New S-Curve มีสัดส่วนการลงทุน 36% และเพิ่มขึ้นเป็น 49% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ 3.สร้างระบบการพัฒนาบุคลากรตามความต้องการของตลาด (Demand Driven) แก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่ทำงานกับนวัตกรรมใหม่ อบรมไปได้แล้ว 16,114 คน สิ้นปี 66 จะดำเนินการได้ 100,000 คน และ 4.ผลประโยชน์ตกถึงประชาชน และมีระบบดูแลอย่างยั่งยืน

ที่มา : https://www.tnnthailand.com/news/wealth/122232/

“เวียดนาม” ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

ตามข้อมูลหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลการลงทุนจากต่างประเทศของเวียดนาม (FIA) เปิดเผยตัวเลขเม็ดเงินการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 อยู่ที่ 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 6.5% ในแง่ของจำนวนโครงการ และ 48.2% ในแง่ของเงินทุน อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มในทิศทางเชิงบวกต่อการไหลเข้าของเงินทุนไปยังเวียดนามเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การปรับเพิ่มเงินทุนที่สูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อ เนื่องมาจากความตึงเครียดทางการเมืองและการค้า แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในด้านเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของเวียดนาม

ที่มา : https://en.nhandan.vn/business/item/11739302-vietnam-remains-a-safe-destination-for-foreign-investors.html

สปป.ลาว – เวียดนาม มุ่งร่วมมือส่งเสริมการค้าและการลงทุน

สปป.ลาวและเวียดนามเร่งผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าทั้งด้านการค้าและการลงทุน โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ได้มีการจัดพิธีครบรอบ 60 ปี ของความสัมพันธ์ทางการทูตและครบรอบ 45 ปี การลงนามสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือระหว่างสปป.ลาวและเวียดนาม ในพิธีการดังกล่าว ผู้นำระดับสูงของประเทศต่างๆ ได้แสดงความยินดีกับความสัมพันธ์ฉันมิตรที่มีมาอย่างยาวนาน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือในทุกด้านของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ เหงียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีเวียดนาม กล่าวถึงความจำเป็นของทั้งสองประเทศที่จะส่งเสริมศักยภาพและทรัพยากรในประเทศ เพื่อยกระดับความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน ตลอดจนเป็นเสาหลักของความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังมีการวางแผนที่จะสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่างเวียงจันทน์กับท่าเรือ และทางด่วนเพื่อเชื่อมโยงเมืองหลวงของทั้งสองประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2022_Laos139.php

CDC อนุมัติการลงทุนในกัมพูชามูลค่ารวมกว่า 3 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ออกหนังสือรับรองการสร้างโรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดกำปงสปือ ตามข้อเสนอการลงทุนสำหรับโครงการโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของ HAO JIA LI (CAMBODIA) GARMENT CO., LTD. โดยโครงการนี้ใช้เงินลงทุนประมาณ 3.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นประมาณ 700 ตำแหน่ง ถือเป็นโครงการล่าสุดที่ได้รับการอนุมัติจากสภาฯ หลังจากอนุมัติโครงการลงทุนไปแล้ว 47 โครงการ มูลค่าเม็ดเงินลงทุนรวมกันประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ตามรายงานทางสถิติเศรษฐกิจและการเงิน ไตรมาสแรกของปี 2022 โดยมีการลงทุนด้านในภาคเกษตรมากกว่า 60 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 108 การลงทุนในภาคพลังงานแตะระดับ 389 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 607 การลงทุนในอุตสาหกรรมมีมูลค่ารวม 200 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 65 ในขณะที่การลงทุนภาคการท่องเที่ยวมีมูลค่ารวม 129 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501106853/cdc-approves-factory-investment-worth-over-3-million/

Q1 การลงทุนในกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 7

ไตรมาสแรกปี 2022 จำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติจากสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (NBC) มีจำนวนถึง 47 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 สร้างเม็ดเงินลงทุนทั้งหมดมูลค่า 2,520.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานให้กับคนในประเทศได้จำนวน 7,406 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.1 โดยการลงทุนเกี่ยวข้องทั้งโครงการทั้งในและนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) โดยทางการกัมพูชาทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะให้ภาคธุรกิจกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มที่ รวมถึงทางด้านกฎหมายว่าด้วยการลงทุนฉบับใหม่ที่ทางการกำหนดขึ้น เพื่อหวังดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะจากต่างประเทศ ซึ่งในปี 2022 ทางการคาดเศรษฐกิจจะเติบโต ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอุปสงค์ภายนอกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการฟื้นตัวของภาคการลงทุนของนักลงทุน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501102954/investments-in-kingdom-rise-by-7-percent-in-q1/

สภาดิจิทัลฯ เล็งชวนต่างชาติ ลงทุนสตาร์ทอัพไทย เชื่อฟื้นเศรษฐกิจได้

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธาน สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาดิจิทัลฯ ขอขอบคุณพันธมิตรทุกรายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน หลังจากรัฐบาลได้ประกาศพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษี Capital Gains เป็นเวลา 10 ปี ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพิ่มขีดความสามารถในการระดมทุนสู่วิสาหกิจเริ่มต้น หรือสตาร์ทอัพได้มากขึ้น โดยคาดว่าจะกระตุ้นการจ้างงานทักษะดิจิทัลขั้นสูงในประเทศ 500,000 ราย ดึงดูดต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยกว่า 10,000 ราย เชื่อมั่นเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาทในปี 2568 เร่งเดินหน้าโรดโชว์ และจัดกิจกรรมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนกลุ่มเป้าหมายทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งกลุ่มสตาร์ทอัพทันที โดยตั้งเป้าหมายดึงเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าการลงทุนใน Tech Companies ในภูมิภาคอาเซียน เข้ามาลงทุนกับธุรกิจสตาร์ทอัพไทย มั่นใจจะมีจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 4 แสนตำแหน่ง และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม 790,000 ล้านบาท

ที่มา: https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7114463

ตลาดอสังหาฯเวียดนาม ดึงดูดนักลงทุนเกาหลีใต้

คุณแอนดรูว์ ลี (Andrew Lee) ผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ “ซาวิลส์” ประจำประเทศเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามมีโครงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นจากนักลงทุนสาธารณรัฐเกาหลี (ROK) เมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากนักลงทุนดังกล่าวแสวงหาโอกาสที่จะขยายกิจการ ผลสำรวจล่าสุดโดย Savills Vietnam ระบุว่านอกเหนือภาคอุตสาหกรรม ตลาดอสังหาริมทรัพย์เวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำนวนมากจากเกาหลีใต้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนการลงทุนของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 2 เท่าในปี 2561 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และตัวเลขการลงทุน ณ สิ้นปี 2564 เพิ่มขึ้น 13% จากปี 2563 ทั้งนี้ กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ เกาหลีใต้เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ 3 อันดับแรกในเวียดนาม

ที่มา: https://en.vietnamplus.vn/vietnams-real-estate-market-attractive-to-rok-investors-consultancy-company/231159.vnp

กรุงพนมเปญดึงโครงการลงทุนมูลค่ารวมกว่า 2.26 พันล้านดอลลาร์

Khuong Sreng ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ รายงานว่า ณ ปัจจุบัน กรุงพนมเปญได้ดึงดูดโครงการลงทุนใหม่รวมประมาณกว่า 1,000 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ก่อสร้าง 4.63 ล้านตารางเมตร ด้วยเงินลงทุนกว่า 2.26 พันล้านดอลลาร์ โดยภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างถือเป็นหนึ่งในโครงการที่มีความสำคัญมากที่สุด รองลงมาคือภาคการเกษตร อุตสาหกรรมการผลิต และการท่องเที่ยว เป็นสำคัญ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้นำนโยบายสนับสนุน เช่น กฎหมายการลงทุนและการปฏิรูปเพื่อให้กัมพูชาและเมืองพนมเปญเป็นสถานที่ที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน โดยจากข้อมูลของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง กล่าวว่า อัตราการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.4 ในปี 2021 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.8 ในปี 2022 เนื่องจากการลงทุนและอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501090915/phnom-penh-attracts-1000-construction-projects-worth-over-2-26-billion/