รัฐบาลสปป.ลาวคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 3.3

รัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสปป.ลาวจะเติบโตร้อยละ 3.3 ในปีนี้ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตเดียวกันที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิถุนายน แม้ว่าจะมีการจำกัดการเดินทางที่ยืดเยื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ  COVID-19 ยังคงดำเนินต่อไป นายทองเจือ สีสุลิธนายกรัฐมนตรีสปป.ลาว กล่าวเพิ่มเติมว่า“ เราประสบปัญหาทางเศรษฐกิจมาหลายปีแล้วยังมีปัจจัยด้านสภาพอากาศที่รุนแรงและการระบาดของ COVID-19 ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของสปป.ลาว” นอกจากนี้ COVID-19 ยังทำให้เกิดภาระมากขึ้นต่อความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลสปป.ลาว เป็นที่มาของการร่างแผนระยะสั้นระยะกลางและระยะยาวเพื่อจัดการกับหนี้สินและลดการขาดดุลการคลังในแต่ละปี รัฐบาลจะไม่รับเงินกู้จากต่างประเทศอีกต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลการคลัง นายกรัฐมนตรียอมรับว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงแต่มองในแง่ดีว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะสูงกว่าอัตราการเติบโตของโลกที่คาดการณ์ในปี 63 จะหดตัวถึงร้อยละ -4.4

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Economic_210.php

การขาดดุลการคลังเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลสปป.ลาว

การขาดดุลการคลังที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศท่ามกลางวิกฤตโควิด -19 รัฐบาลประเมินว่าการขาดดุลงบประมาณจะเพิ่มขึ้นจาก 6.69 ล้านล้านกีบ  เป็น 10.3 ล้านล้านกีบ ประธานคณะกรรมการการวางแผนการเงินและการตรวจสอบของสมัชชาแห่งชาติ กล่าวว่ารัฐบาลกำลังหาวิธีแก้ไขหนี้ของประเทศหลังจากที่รายได้ขาดแคลน ซึ่งหนี้มี 2 รูปแบบ คือหนี้ที่มาจากเงินทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความรับผิดที่รัฐบาลกู้ยืมมาเพื่อเป็นหลักประกันสำหรับรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้มีหลายวิธีที่รัฐบาลสามารถจัดการหนี้ได้โดยการแปลงหนี้เป็นการลงทุน เจรจาต่อรองหนี้และขายหุ้นของรัฐวิสาหกิจหรือทรัพย์สินที่รัฐบาลใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ รัฐบาลออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนมากขึ้น นักวิจารณ์กล่าวว่าการกู้ยืมเงินมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลนั้นเป็นไปได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวการขาดดุลอาจฉุดให้ประเทศกลายเป็นหนี้จากรายงานธนาคารโลกในเดือนมิ.ย. ในปี 63 หนี้สาธารณะคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 65% เป็น 68% ของ GDP  และคาดว่าภาระการชำระหนี้ต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 842 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 62 นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวกับรัฐสภาว่ารัฐบาลจะออกพันธบัตรในช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อชำระหนี้ รัฐบาลจะเปลี่ยนหนี้ที่เป็นหนี้บริษัทเอกชนซึ่งดำเนินโครงการลงทุนของรัฐไปยังธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้จะให้ความสำคัญกับการจัดเก็บรายได้และตัดการใช้จ่ายในโครงการที่ไม่จำเป็น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Fiscal162.php