คาด สปป.ลาว ได้รับประโยชน์จาก RCEP

คาด สปป.ลาว จะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) หลังมีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลของ สปป.ลาวและจีน กำลังเร่งเจรจาถึงสัดส่วนที่จะทำการลดหย่อนภาษีศุลกากรระหว่างกัน นำโดย Mr.Chanthavong Seneamatmontry รองประธาน แนวลาวส้างซาด (Lao Front for National Development) ในระหว่างการเข้าร่วมประชุม RCEP Local Governments and Friendship Cities Cooperation (Huangshan) ประจำปี 2023 ณ เวียงจันทน์ โดยนโยบายการลดภาษีจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่าง สปป.ลาวและจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งยังคาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มสมาชิก RCEP อีกด้วย ซึ่งสิ่งสำคัญคือภาคธุรกิจจำเป็นต้องปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ตลาดยอมรับ โดยปัจจุบัน สปป.ลาว พร้อมที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับจีนเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันมากขึ้น ผ่านความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในด้านธรรมาภิบาลและยกระดับความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการเกษตร รวมทั้งเพื่อประโยชน์สูงสุดของเส้นทางรถไฟ สปป.ลาว-จีน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten112_Laos_tobenefit_y23.php

นายกฯ พอใจกระทรวงพาณิชย์ ใช้กรอบ RCEP ดันส่งออกโต

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีพอใจผลงานกระทรวงพาณิชย์ ที่ผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี ตามกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership Agreement: RCEP) ทั้งนี้ นับจากวันที่ RCEP มีผลบังคับใช้เมื่อ 1 มกราคมที่ผ่านมา การค้าระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค. – มิ.ย. 2565) มีมูลค่ารวม 169,041 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปยังประเทศสมาชิก RCEP มูลค่า 78,172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 9% ตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัวได้ดี อาทิ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ กลุ่มประเภทสินค้าได้รับประโยชน์จากข้อตกลงนี้ มีการการส่งออกไปตลาดRCEP เพิ่มมากขึ้น กล่าวคือ กลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป อาทิ น้ำตาลทราย (+145%) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (+19%) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป (+10%) และอาหารสัตว์เลี้ยง (+9%) กลุ่มสินค้าเกษตร อาทิ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง (+14%) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (+24%) ข้าว (+12%) และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม อาทิ แผงวงจรไฟฟ้า (+19%) เม็ดพลาสติก (+12%) และผลิตภัณฑ์ยาง (+3%) ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรเร่งศึกษาทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ทางการค้า อัตราภาษีศุลกากร กฎถิ่นกำเนิดสินค้า และวางแผนธุรกิจพร้อมพัฒนาสินค้าให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในตลาด RCEP

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/politics/1022200

คาด RCEP-CCFTA ผลักดันการค้าระหว่าง กัมพูชา-จีน

คาดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-จีน (CCFTA) จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้กับภาคการค้าระหว่างกัมพูชาและจีนขยายตัวดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันจีนถือเป็นคู่ค้ารายสำคัญที่สุดของกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลผลิตทางการเกษตร อาทิเช่น ข้าว กล้วย มะม่วง มันสำปะหลัง ตลอดจนผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และสินค้าแปรรูป นอกจากนี้ RCEP ยังถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีประชากรรวมกันอยู่ที่ 2.2 พันล้านคน หรือร้อยละ 30 ของประชากรโลก โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมกันคิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ของ GDP โลก สำหรับกัมพูชาคาดว่าจะได้เห็นการเติบโตของภาคการส่งออกระหว่าง ร้อยละ 9.4 ถึงร้อยละ 18 ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอยู่ระหว่างร้อยละ 2 ถึงร้อยละ 3.8

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501080223/rcep-ccfta-inject-new-impetus-into-cambodia-china-trade-2/

ทางการกัมพูชาเร่งกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รองรับ RCEP

กระทรวงพาณิชย์เร่งพัฒนาภาคการส่งออกสินค้าเกษตรของกัมพูชาเพื่อรองรับข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ ในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2022 ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสมาชิกมาจากกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ และพันธมิตรการค้าเสรีอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และนิวซีแลนด์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จากผลการศึกษาของสถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) กล่าวถึงการส่งออกของกัมพูชาจะเติบโตถึงร้อยละ 7.3 และการลงทุนขยายตัวร้อยละ 23.4 จากการเข้าร่วม RCEP โดยกระทรวงพาณิชย์ระบุเพิ่มเติมว่ากัมพูชาจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับสินค้าสำคัญ อาทิเช่น สินค้าเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป และสินค้าอุตสาหกรรมเมื่อข้อตกลงมีผลใช้บังคับ
ที่มา:https://www.khmertimeskh.com/50994966/implementation-of-rcep-to-boost-cambodias-economic-growth/