ในช่วง 5 ปี จังหวัดพระตะบองของกัมพูชา ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 2.6 ล้านคน

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จังหวัดพระตะบองดึงดูดนักท่องเที่ยวท้องถิ่นประมาณกว่า 2.32 ล้านคน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.57 แสนคน ตามการรายงานของกระทรวงสารสนเทศ (MoI) ด้าน Chuon Chan Phearun รองอธิบดีฝ่ายสารสนเทศกล่าวเสริมว่าพระตะบองเคยเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกัมพูชาตั้งอยู่ในจังหวัดที่สวยงามและมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากกรุงพนมเปญ โดยขึ้นชื่อในด้านวัฒนธรรมอันร่ำรวย สถานที่ทางประวัติศาสตร์ และมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็ว เนื่องจากจังหวัดตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของทั้งนักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันจังหวัดพระตะบองมีโรงแรมเปิดให้บริการประมาณ 46 แห่ง และเกสต์เฮาส์ 97 แห่ง โดยรวมห้องพักทั้งหมด 3,153 ห้อง

นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารกว่า 191 แห่ง และชุมชนท่องเที่ยว 4 ชุมชน ด้านรัฐบาลกัมพูชาตั้งเป้าหมายที่จะส่งเสริมจังหวัดพระตะบองให้เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ รองจากจังหวัดเสียมราฐ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ประวัติศาสตร์ รวมถึงพื้นที่อื่นๆ เพื่อหวังดึงดูดนักท่องเที่ยว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501342421/battambang-attracts-over-2-31-million-tourists-in-five-years/

โครงการก่อสร้างอาคารสูงที่สุดใน สปป.ลาว แล้วเสร็จกว่า 68%

โครงการก่อสร้าง Latsavong Plaza ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้า และโรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงคาดว่าจะเป็นอาคารที่สูงที่สุดใน สปป.ลาว ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วกว่าร้อยละ 68 และคาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการทันการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในปีหน้า รายงานโดย Mr. Atsaphangthong Siphandone นายกเทศมนตรีนครเวียงจันทน์ ซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือของกระทรวงกลาโหมกับ บริษัท Chongqing Real Estate ของจีนในการก่อสร้างอาคารดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณมากกว่า 800,000 ล้านกีบ (99 ล้านดอลลาร์) โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดกว่า 155,000 ตารางเมตร มีความสูงถึง 138 เมตร (34 ชั้น) และจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมห้าดาว รวมถึงเป็นที่ตั้งอาคารสำนักงาน, อพาร์ตเมนต์, ศูนย์สุขภาพ และศูนย์การค้า ซึ่งคาดว่าสถานที่นี่จะช่วยพลิกโฉมเมืองเวียงจันทน์ให้เป็นที่สนใจสำหรับนักท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Construction110.php

 

นทท. แห่จอง โรงแรม-เกสต์เฮาส์ ต้อนรับเทศกาลตะจานของเมียนมา

นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและนักท่องเที่ยวในประเทศจำนวนมากแห่จองห้องพักโรงแรมและเกสต์เฮาส์บนชายหาดงาปาลี รัฐยะไข่ สำหรับในช่วงวันหยุดเทศกาลตะจาน (เทศกาลสงกรานต์ของเมียนมา) ในช่วงเดือนเมษายน 2566 ที่จะมาถึง  หาดงาปาลีเป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมียนมา และคาดว่าจะคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลตะจาน ตลอด 10 วัน โดยนาย U Tin Htut ผู้อำนวยการฝ่ายโรงแรมและการท่องเที่ยวของรัฐยะไข่ คาดการณ์ว่า ธุรกิจโรงแรมจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้วเนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นในช่วงวันหยุดมากขึ้น หลังจากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายเป็นปกติ  นอกจากนี้ ยังได้ฝากให้นักท่องเที่ยวช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเพื่อให้หาดงาปาลีสะอาดและน่าท่องเที่ยวอยู่เสมอ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/hotels-guesthouses-in-ngapali-beach-fully-booked-for-thingyan-holidays/#article-title

โรงแรมในหลวงพระบาง สปป.ลาว ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น

Daophet Bouphaphanh รองประธานสมาคมโรงแรมและเกสต์เฮ้าส์ในแขวงหลวงพระบาง กล่าวว่า อัตราการเข้าพักโรงแรมของนักท่องเที่ยวจีน ในเมืองมรดกโลกอย่างหลวงพระบางเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยคาดว่ายอดจองห้องพักจะเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่เดินทางมาทางบกโดยรถส่วนตัว หลังจากทางการจีนได้ยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางสำหรับพลเมืองของตนและอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศเมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา และเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะหลั่งไหลเข้ามา รองประธานสมาคมฯ ได้หารือกันในระหว่างหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด เพื่อปรับปรุงที่พักและบริการต้อนรับให้เพียงพอสำหรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่กำลังจะกลับมา

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten37_Luang_y23.php

อิรวดีและฉานมีแผนส่งเสริมการลงทุน

เมียนมากำลังขยายทางเลือกสำหรับธุรกิจที่จะลงทุนในประเทศ เมื่อไม่นานมานี้อนุญาตให้นักลงทุนขยายสาขาการลงทุนออกไปนอกกรุงย่างกุ้งและมัฑะเลย์และภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศแม้จะมีการระบาดของ COVID-19 คณะกรรมการการลงทุนของอิรวดี ได้อนุญาตให้ลงทุนในโรงแรมและการท่องเที่ยว การผลิต และการก่อสร้างมูลค่าประมาณ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ 3 พันล้านจัต คาดว่าจะสร้างงานได้มากกว่า 2,000 ตำแหน่ง โดยได้ให้การสนับสนุน 35 นักลงทุนจากในประเทศและต่างประเทศลงทุนในภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันรัฐฉานเดินหน้าด้วยแผนการส่งเสริมการลงทุน 10 ปี สำหรับปีงบประมาณ 2562-2563 ถึงปีงบประมาณ  2573 – 2574 เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจโดยการจ้างแรงงานในสัดส่วนที่สูงขึ้น โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และการให้บริการที่สามารถรองรับนักลงทุนและธุรกิจ แผนส่งเสริมการลงทุนของรัฐฉาน (SSIPP) มีเป้าหมายที่จะเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเป็น 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 และ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 โดยรัฐฉานสามารถดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมูลค่า 780 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2561-2562 ส่วนใหญ่เป็นภาคพลังงานคิดเป็นร้อยละ 70 แม้ว่ารัฐฉานจะมีทรัพยากรธรรมชาติและแรงงานจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้เนื่องจากขาดทักษะ โครงสร้างพื้นฐาน และระบบตลาดที่ใช้ได้จริง ท่ามกลางความไม่แน่นอนในภูมิภาคและในพื้นที่แนวชายแดน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/ayeyarwady-shan-advance-investment-promotion-plans.html

รัฐบาลเมียนอนุญาติให้เปิด ชายหาดอิรวดีและโรงแรมอีกครั้ง

รัฐบาลอนุญาตให้ชายหาดโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอื่น ๆ ในภูมิภาคอิรวดีซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูธุรกิจในพื้นที่ โดยธุรกิจจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยหน่วยงานท้องถิ่นและต้องปฏิบัติตามแนวทางการป้องกัน COVID-19 ของกระทรวงสาธารณสุขและการกีฬา ในบรรดาชายหาดที่มีชื่อเสียงที่เปิดให้บริการอีกครั้งได้ คือ Chaung Tha, Ngwe Saung, เกาะ Gaw Yin Gyi และ Shwe Thaung Yan ชายหาดถูกปิดในวันที่ 24 มีนาคม 2563 หนึ่งวันหลังจากที่มีรายงานการติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 2 ราย ขณะนี้มีเพียงโรงแรมบนชายหาดเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในอิรวดี ผู้ประกอบการกล่าวว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวคาดว่าจะเพิ่มราคาสูงขึ้นเนื่องจากต้องปฏิบัติตามระเบียบ COVID-19 แม้ว่าจะกลับมาเปิดโรงแรม เที่ยวบิน และการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวในท้องถิ่น แต่ก็ยังคงปิดให้บริการแก่ชาวต่างชาติและเที่ยวบินระหว่างประเทศและน่าจะกลับมาเปิดได้ในเดือนตุลาคม โดยโรงแรมในประเทศประมาณ 60% ได้เปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากได้ผ่อนคลายข้อบังคับลงในเดือนพฤษภาคม แต่ธุรกิจยังคงซบเซา เช่น ร้านอาหารผลประกอบการลดลงมากถึง 50% ในขณะที่ผู้คนยังคงระมัดระวังในการไปในที่สาธารณะ สมาคมผู้ประกอบการโรงแรมในเมียนมาเผย โรงแรมบางแห่งไม่มีลูกค้ามากพอและอาจสูญเสียรายได้ดังนั้นจึงยังไม่เปิดทำการ การท่องเที่ยวของเมียนมาคิดเป็น 6.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ มีรายได้รวม 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 และแรงงาน 1.4 ล้านคน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/ayeyarwady-beaches-hotels-reopen-after-inspection.html

โรงแรม ร้านอาหารในเมียนมาประสบปัญหาการระบาดของ COVID-19

โรงแรมในประเทศประมาณ 60% ได้เปิดให้บริการอีกครั้ง แต่ธุรกิจยังคงซบเซาเนื่องจากข้อจำกัดและการระบาดของ COVID-19 เช่นเดียวกับร้านอาหารซึ่งเปิดใหม่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม รายได้ลดลงมากถึง 50% ก่อนเกิดโรคระบาดเนื่องจากผู้คนยังคงระมัดระวังการไปในสถานที่สาธารณะ โรงแรมและโมเต็ลจำนวน 1,200 แห่งในประเทศได้เปิดให้บริการอีกครั้งและอีก 810 แห่งได้ผ่านการตรวจสอบและได้รับอนุญาตให้เปิดใหม่ได้อีก ซึ่งโรงแรมประมาณ 400 แห่งยังคงเปิดให้บริการในช่วงที่มีการจำกัด COVID-19 และทำหน้าที่เป็นสถานกักกันสำหรับชาวเมียนมาที่เดินทางกลับจากต่างประเทศหรือชาวต่างชาติที่มาทำธุรกิจที่นี่ U Nay Lin ประธานของสมาคมกล่าวว่าร้านอาหารดำเนินงานด้วยคนงานเพียง 70 คนเนื่องจากการตกต่ำ ซึ่งยอดขายไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่สร้างรายได้ไม่ถึง 50% เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ขณะที่ร้านอาหารกำลังมีการส่งอาหารแบบออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขาย กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวได้นำเสนอแผนบรรเทาการท่องเที่ยว COVID-19 ซึ่งจะรวมถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว แผนดังกล่าวรวมถึงคำแนะนำด้านสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับผู้เข้าชมในอัตราลดพิเศษสำหรับสถานที่ปลอด COVID-19 และทางเลือกการชำระเงินดิจิทัลสำหรับนักเดินทาง เมียนมาจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศตั้งแต่เดือนหน้าจนถึงเดือนมกราคม 2564 มีผู้เดินทางมาเยือนเมียนมาลดลง 44% จากเดือนมกราคมถึงเมษายน ในปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 23% เป็น 4.36 ล้านคนเพิ่มขึ้นจาก 3.55 ล้านคนในปีที่ผ่านมา ชาวจีนคิดเป็นสัดส่วนเกือบหนึ่งในสามของนักท่องเที่ยวในปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 152% จากปีที่แล้ว การท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วน 6.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของประเทศทำรายได้ 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 และแรงงาน1.4 ล้านคน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/hotels-restaurants-myanmar-suffer-pandemic-lingers.html