สถานการณ์ร้านค้าปลีกในกัมพูชาระหว่างการแพร่ระบาด COVID-19

การกักตุนสินค้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในกรุงพนมเปญ เนื่องจากการปิดชายแดนกัมพูชาจากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้เกิดความกังวลว่าจะขาดแคลนอาหารภายในประเทศ ส่งผลให้ราคาสินค้าหลักประเภทอาหารเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศว่าจะดำเนินการเพื่อหยุดการกระทำของผู้ค้ากลุ่มที่กำลังแสวงหาผลประโยชน์จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งผู้ขายอาหารในท้องถิ่นกล่าวว่าปลาแห้งราคาเพิ่มขึ้นจาก 25,000 riels (6.25 ดอลลาร์) เป็น 35,000 riels (8.75 ดอลลาร์) ต่อกิโลกรัมเนื้อหมูเพิ่มขึ้นจาก 19,000 riels (4.75 ดอลลาร์) ต่อกิโลกรัมเป็นประมาณ 30,000 riels (7.5 ดอลลาร์) ต่อกิโลกรัมทันที ส่วนเส้นก๋วยเตี๋ยวเพิ่มขึ้นจาก 20,000 riels (5 ดอลลาร์) เป็น 32,000 riels (8 ดอลลาร์) ต่อกล่องเป็นต้น โดยกระทรวงมีความกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับราคาของสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อทำการควบคุมราคาของสินค้าในตลาด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50705054/retailers-told-to-not-price-gouge-from-panic-buying/

แรงงานเมียนมาเดินทางกลับจากไทยต้องถูกกักที่โรงพยาบาลโมนยวา

ในวันที่ 23 มีนาคม กรมอนามัยเขตเมืองสกายออกประกาศ คนงานที่เดินทางกลับจากประเทศไทยถูกกักกันที่โรงพยาบาลโมนยวา สมาคมสุขภาพและสมาคมสวัสดิการสังคมกำลังร่วมมือกันตรวจสุขภาพของแรงงานข้ามชาติที่เดินทางกลับจากประเทศไทย พบว่าหนึ่งในแรงงานมีอุณหภูมิร่างกายสูงและถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ส่วนคนงานอื่น ๆ ถูกกักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน แรงงานอพยพทั้งหมด 15 คนยังโมนยวาทั้งที่มาจากประเทศไทย เมืองอะยาดอ เมืองกะนี เมืองซ่าลี่นจี้ เมืองดีแบ้ยี่น และเมืองโมนยวา

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/a-worker-returned-from-thailand-keeps-in-quarantine-at-monywa-hospital

ธนาคารกลางเมียนมาหั่นดอกเบี้ยลงอีก 1%

ธนาคารกลางของเมียนมา(CBM) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1% ในวันนี้ (24 มีนาคม) โดยลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 1.5%ภายในระยะเวลาสองสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารจะลดลงอย่างน้อย 6.5% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะไม่เกิน 11.5pc สำหรับสินเชื่อที่มีหลักประกันและ 14.5% สำหรับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันอื่น ๆ ภายหลังหนึ่งวันหลังมีรายงานผู้ป่วย COVID-19 สองรายเป็นครั้งแรก CBM ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก 0.5pc ในวันที่ 13 มีนาคมอัตรามีผลบังคับใช้ 16 มีนาคม ตั้งแต่วันนี้ถึง 1 เมษายนอัตราเงินฝากขั้นต่ำจะเป็น 7.5% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยจะไม่เกิน 12.5% สำหรับสินเชื่อที่มีหลักประกันและ 15.5%สำหรับสินเชื่อที่มีการค้ำประกันอื่น ๆ การผ่อนคลายนโยบายการเงินของ CBM เกิดขึ้นหลังจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหลายแห่งปิดตัวลงเนื่องจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและวัตถุดิบ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีโรงงานอย่างน้อย 20 แห่งจาก 500 แห่งที่ปิดกิจการทำให้มีผู้ว่างงานมากกว่า 10,000 คน เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ด้านประกอบการท้องถิ่นกล่าวว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนก่อนที่จะเห็นผลกระทบของอัตราที่ลดลงหลังจากนั้นอาจจำเป็นต้องลดลงต่อไปอีก

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-central-bank-cuts-interest-rate-further-1.html

เวียดนามส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์พุ่งสูงขึ้นไปยังสหรัฐฯ ในช่วง 2 เดือนแรก

จากรายงานของกรมศุลกากร เผยว่าเวียดนามส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปยังสหรัฐฯ ด้วยปริมาณอยู่ที่ 17,900 ตัน คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 126.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21, 3.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยราคาส่งออกเฉลี่ยของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในช่วง 2 เดือนแรก อยู่ที่ 7,046 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับตลาดสหรัฐฯ เนเธอแลนด์และจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้ สมาคมเม็ดม่วงหิมพานต์เวียดนาม ระบุว่าอุตสาหกรรมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของเวียดนาม คาดว่าจะได้รับความลำบากในการส่งออกช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสินค้าล้นตลาด ซึ่งการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว มีความเสี่ยงหลายประการด้วยกันและเกิดความผันผวนของตลาดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ทางหน่วยงานแนะนำให้ผู้ประกอบการประเมินอย่างรอบด้านก่อนที่จะทำสัญญาซื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์(ดิบ) โดยไม่มีทางออก และควรติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แผนการผลิตเป็นไปอย่างเหมาะสมและตั้งเป้าแผนธุรกิจในปีนี้ รวมถึงแนะนำให้อุตสาหกรรมในประเทศพัฒนาคุณภาพต่อเนื่องและค่อยปรับปรุง/ซ่อมแซ่มเครื่องจักร อุปกรณ์ เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/654034/viet-nams-cashew-exports-to-us-up-in-two-months.html

“นักลงทุนต่างชาติ” เข้าไปลงทุน 8.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวียดนาม ช่วงไตรมาสแรก

จากรายงานของหน่วยงานการลงทุนในต่างประเทศ (FIA) เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 30 มี.ค. นักลงทุนต่างชาติได้เข้าไปลงทุนด้วยมูลค่า 8.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79.1 ของช่วยเดียวกันปีที่แล้ว โดยมีโครงการใหม่ที่ได้รับอนุญาตการลงทุน 758 โครงการ มูลค่าการลงทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือเทไปยังโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ด้วยมูลค่า 1.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง ในชวันที่ 20 มี.ค. เวียดนามมีเงินทุนจดทะเบียนรวม 370 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนการลงทุน 31,665 โครงการ และโครงการที่มาจาก FDI มีมูลค่า 215.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.3 ชองเงินทุนจดทะเบียนรวม ทั้งนี้ เกาหลีใต้ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยจำนวนลงทุน 8,702 โครงการ และมีมูลค่าเงินทุนจดทะเบียนสะสมรวม 68.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาญี่ปุ่น สิงคโปร์ เป็นต้น ขณะที่ โฮจิมินห์, ฮานอย, บิ่ญเซือง, ด่งนายและหวุงเต่า ล้วนเป็นจุดมุ่งหมายชั้นนำในการลงทุนจากต่างชาติ นอกจากนี้ การคาดการณ์ของกระทรวงวางแผนและการลงทุน มองว่าในปี 2563 เวียดนามจะดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติ 38.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังคงดำเนินจนถึงสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ และมูลค่า 38.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หากไวรัสดังกล่าวดำเนินไปจนถึงสิ้นไตรมาสที่สอง ซึ่งเทียบกับปี 2562 ที่มีมูลค่า FDI อยู่ที่ 38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยเหตุนี้ เวียดนามตั้งเป้าดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติในปี 2563 อยู่ที่ 39.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อระงับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/654053/foreign-investors-pour-855b-in-vn-in-q1.html

ทรู ดิจิทัล พาร์ค จัด Live งาน TDPK Pitching Day 2020 ครั้งแรก หนุนสตาร์ทอัพป้อนอุตสาหกรรม S-Curve ชิงรางวัลรวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท

ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพส่งไอเดียและผลงานธุรกิจในหัวข้อ “10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ 10 S-Curve” ที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่ยุคดิจิทัล 4.0 ชิงรางวัลรวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท พร้อมการสนับสนุนด้านต่างๆ จากทรู ดิจิทัล พาร์ค ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวของธุรกิจ อาทิ พื้นที่นั่งทำงานฟรี (Co-Working Space) และ ช่องทางสื่อสารโปรโมตธุรกิจ เป็นต้น โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพร่วมตัดสินผลงาน และมอบรางวัลแก่สตาร์ทอัพ ทั้งนี้ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้านเทคโนโลยี พร้อมสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง โดยในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ได้ปรับรูปแบบการจัดงาน Pitching Day ตามมาตรการ Social Distancing ใช้เทคโนโลยีถ่ายทอดสดกิจกรรม Pitching ผ่านระบบออนไลน์ ออกทางช่อง Facebook ของทรู ดิจิทัล พาร์ค และ แพล็ตฟอร์ม ของ ทรู ไอดี ให้ทั้งสตาร์ทอัพและบุคคลทั่วไป สามารถชมการนำเสนอผลงานได้ในพื้นที่ต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องรวมตัวในที่เดียวกันเพื่อลดความหนาแน่นของผู้เข้าร่วมงาน พร้อมมีมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อ COVID-19 สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้ามาทำงานและประชุมภายในโครงการ

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/prg/3108360