สหรัฐฯ ส่งเสริมภาคเกษตรในรัฐคะฉิ่น

เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาได้พบปะกับสมาชิกภาคเกษตรของรัฐคะฉิ่นกว่า 60 คนในเมืองมิตจีเกี่ยวกับกิจกรรมของหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID) ในการพัฒนาการเกษตรและการพัฒนาระบบอาหาร ในการปรับปรุงความเป็นอยู่ของเกษตรกร กิจกรรมพัฒนาระบบเกษตรและอาหารเป็นโครงการเกษตรซึ่งเป็นครั้งแรกของ USAID ที่ขยายไปสู่รัฐคะฉิ่น โครงการมีระยะเวลาห้าปีมูลค่า 38 ล้านเหรียญสหรัฐคาดเข้าถึงประชาชนกว่า 125,000 คนในรัฐคะฉิ่น รัฐฉาน และเขตแห้งแล้งส่วนกลาง การสนับสนุนมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มยอดขายและบริษัทเกษตรในพื้นที่ โดยเงินทุน 42 ล้านเหรียญสหรัฐ การลงทุนภาคเอกชนอยู่ที่ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐและช่วยสร้างงานได้ 3,500 ตำแหน่ง แนวทางดังกล่าวคาดจะสร้างโอกาสการทำมาหากินมากขึ้นสำหรับชุมชนที่หลากหลายในรัฐคะฉิ่น ซึ่งสหรัฐอเมริกามุ่งมั่นที่จะดำเนินการโครงการอย่างเปิดและเผยโปร่งใส

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/us-promotes-inclusive-agriculture-led-growth-kachin-state.html

พาณิชย์ ปั้นผู้ประกอบการโคนมไทย ใช้เอฟทีเอชิงเค้กส่วนแบ่งตลาดนมในจีนและอาเซียน ยกระดับสู่ฟาร์มโคนมยุคดิจิทัล นำเข้าเทคโนโลยี Smart Farming แห่งแรกในอาเซียน

จากการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 62 ที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อหารือผู้ประกอบการโคนมของไทย ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ “จัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วยเอฟทีเอ” ซึ่ง จัดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพนมและผลิตภัณฑ์นมแปรรูปของไทยให้พร้อมแข่งขันได้ในยุคการค้าเพื่อขยายตลาดส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมแปรรูปไปต่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียน และจีน โดยได้ไปเยี่ยมชมโรงเลี้ยงโคนมของบริษัท แมรี่แอนด์แดรี่ โปรดักส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายนมและผลิตภัณฑ์นมแปร และยังได้รับรายงานว่าภายใต้โครงการดังกล่าว กรมเจรจาฯ ได้จัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการฯ เข้าร่วมอบรมบูธแคมป์ในเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการส่งออกโดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ตลอดสำรวจตลาด และจับคู่ธุรกิจกับผู้นำเข้าของจีน และสิงคโปร์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถจับคู่ธุรกิจ และขยายการส่งออกไปจีนและสิงคโปร์ ยังมีโอกาสร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามสัญญาระหว่างบริษัท แมรี่แอนด์แดรี่ โปรดักส์ จำกัด กับบริษัท Delaval Export AB ของประเทศสวีเดน ซึ่งมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีการเลี้ยงโคนมสมัยใหม่และเป็นที่ยอมรับในยุโรป ในการบุกเบิกนำเข้าเทคโนโลยีการเลี้ยงโคนมแบบ smart farming ผ่านโปรแกรมการจัดการฟาร์มโคนมให้มีประสิทธิภาพด้วยระบบเดลโปร์ (Delpro Herd Management) เข้าสู่ภาคโคนมเป็นแห่งแรกในอาเซียน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 มูลค่าการส่งออกนมและนมแปรรูปของไทยอยู่ที่ 410.7 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.9% สินค้าส่งออกหลัก คือ โยเกิร์ต บัตเตอร์มิลค์ นมและครีม โดยคู่ค้าหลักยังคงเป็นประเทศในแถบอาเซียน เช่น กัมพูชา ขยายตัว 19.4% ฟิลิปปินส์ ขยายตัว 26.3% และสิงคโปร์ขยายตัว 6.9% รวมทั้งฮ่องกงและจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความตกลงเอฟทีเอกับไทยและได้ลดภาษีนำเข้าสินค้านมโคและผลิตภัณฑ์นมโคแปรรูปให้กับไทยแล้ว จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่ต้องเร่งใช้ประโยชน์ให้สินค้าไทยสามารถขยายตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

ที่มา: https://www.ryt9.com/s/beco/3068625

มาเลเซียคาดมีผู้ป่วยเมียนมาเพิ่ม

สภาการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของมาเลเซียคาดนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourist) สร้างรายได้ 22 ล้านริงกิต (8 พันล้านจัตหรือ 5.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยชาวเมียนมาที่เดินทางมามาเลเซียจะต้องจ่ายราคาเดียวกับชาวมาเลเซีย ปีที่แล้วโรงพยาบาลในมาเลเซียมีรายได้ 12.8 ล้านริงกิตจากผู้ป่วยชาวเมียนมาและจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มาเลเซียมีโรงพยาบาลเอกชน 200 แห่งไม่รวมถึงคลินิกทันตกรรมและศูนย์สุขภาพและสุขภาพ มีโรงพยาบาลพันธมิตรที่ดีที่สุด 78 แห่ง พันธมิตรยอดเยี่ยม 21 รายและสมาชิกสามัญ 52 ราย ส่วนใหญ่ชาวเมียนมาที่เดินทางไปมาเลเซียนั้นเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ มะเร็ง การทำเด็กหลอดแก้ว และโรคเบาหวาน ในปี 54 มีผู้ป่วยมากกว่า 2,000 รายที่มาจากเมียนมา ภายในปี 61 เพิ่มขึ้นเป็น 16,000 คน อนาคตอาจมีการร่วมมือกันสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์และทำงานร่วมกับโรงพยาบาล 7 แห่งรวมถึงโรงพยาบาลวิคตอเรีย ในย่างกุ้ง ทั้งนี้ยังได้รับรางวัล“ ประเทศที่ดีที่สุดในโลกด้านการดูแลสุขภาพ” และ“ประเทศอาเซียนที่ดีที่สุดสำหรับคนวัยเกษียณ” เร็ว ๆ นี้รายงานปี 61 มาเลเซียติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพชั้นนำระดับโลก

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/malaysia-expects-more-myanmar-patients.html

MoneyGram และ Wing เปิดตัวบริการกระเป๋าเงินบนมือถือใหม่ในกัมพูชา

Money Gram International, Inc. หนึ่งใน บริษัท โอนเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกประกาศเป็นพันธมิตรกับ Wing (กัมพูชา) จำกัด Specialized Bank ผู้ให้บริการธนาคารบนมือถือชั้นนำของประเทศกัมพูชาเพื่อเสนอบริการใหม่ที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับเงินโดยตรงในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของพวกเขา โดยประธานและซีอีโอของ MoneyGram กล่าวว่า 80% ของการทำธุรกรรมออนไลน์ทำบนอุปกรณ์พกพา ซึ่ง Wing อยู่ในระดับแนวหน้าของการให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยอนุญาตให้ผู้ใช้งานส่งเงินข้ามเขตแดนได้อย่างสะดวกและเชื่อถือได้ผ่านแอพพลิเคชั่น Wing Money ซึ่งลูกค้ายังมีตัวเลือกในการจ่ายเงินโดยใช้ช่องจ่ายเงินสด Xpress WING กว่า 7,000 แห่งในกัมพูชา โดยธนาคารแห่งประเทศกัมพูชาระบุว่าเงินที่ส่งกลับเข้ามาในประเทศจากแรงงานข้ามชาติชาวกัมพูชามีมูลค่ารวม 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561 ตัวเลขดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากเงินที่ส่งกลับบ้านจากชาวกัมพูชาที่ทำงานในต่างประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญ

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50660686/moneygram-and-wing-to-launch-a-new-mobile-wallet-service-in-cambodia/

การทดสอบความผิดปกติของทองคำในดินในมณฑลคีรีให้ผลลัพธ์ที่เป็นบวก

โปรแกรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบความผิดปกติของทองคำในดินที่ใบอนุญาต Koan Nheak ในจังหวัดมณฑลคีรีให้ผลลัพธ์ที่เป็นบวก โดยบริษัทของแคนาดาถือใบอนุญาตในการสำรวจ แต่โปรแกรมการสำรวจและขุดเจาะที่เกิดขึ้นจริงนั้น ดำเนินการโดย Emerald Resources ผ่านทาง Renaissance Minerals ในเครือกัมพูชา ภายใต้ข้อตกลง Earn-In ที่ชัดเจนเป็นครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน ซึ่งโปรแกรมการฝึกซ้อมมีจุดประสงค์เพื่อทดสอบความผิดปกติของทองคำในดินและความผิดปกติของโพลาไรเซชันที่เกิดขึ้นทางธรณีฟิสิกส์ในอนาคต โดยโปรแกรมการฝึกซ้อมประกอบด้วย 15 หลุม เจาะลงไปที่ความลึกเฉลี่ย 80 เมตร ซึ่งแบ่งเขตควอทซ์เบคคาเรียกับแร่ซัลไฟด์ โดยแต่ละโซนเหล่านี้ยืนยันการมีอยู่ของแร่ทองคำ ซึ่งใบอนุญาต Koan Nheak เป็นหนึ่งในห้าใบอนุญาตสำรวจแร่ครอบคลุม 983 ตารางกิโลเมตรที่ Angkor Resources Corp ถืออยู่ในประเทศกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50660695/gold-in-soil-anomaly-test-in-mondulkiri-yields-positive-results/

นายกรัฐมนตรีเล็งเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ในสปป.ลาว

นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว แสดงความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในปีหน้าเนื่องจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งจะเริ่มเปิดตัว เช่น รถไฟสปป.ลาว – จีนซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 64 และทางด่วนทางรถไฟและสะพานที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยการเปลี่ยนแปลงของสปป.ลาวจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นเส้นทางเชื่อมโยงภูมิภาคจะนำไปสู่การเพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะในภาคธุรกิจการเกษตรและการท่องเที่ยว ตามรายงานของรัฐบาล เศรษฐกิจจะเติบโตเพียง 6.4% ในปี 62 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขที่รับรองโดยสมัชชา 0.3% เพื่อให้มั่นใจว่าในปี 63 เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง รัฐบาลได้ให้คำมั่นที่จะแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการเติบโตและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีจะพบกันในวันที่ 18 พ.ย.เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการบริการการลงทุนแบบครบวงจร ปรับปรุงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสร้างเงื่อนไขให้กับธุรกิจเพื่อให้บริการด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลายและดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับสูงให้มากขึ้น จะเร่งปรับปรุงระบบการจัดเก็บรายได้ให้มีความทันสมัย นอกจากนี้รัฐบาลจะรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและอัดฉีดเงินเข้าสู่ธุรกิจ SMEs เพื่อกระตุ้นการเติบโตและการสร้างงาน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM_sees_251.php