บริษัท TH Milk เป็นผู้ส่งออกนมรายแรกไปยังประเทศจีน

TH Milk Joint Stock Company เป็นบริษัทเวียดนามแห่งแรกที่ได้รับการอนุมัติจากกรมศุลกากรจีน ในการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปตลาดจีน เมื่อในวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารทั่วไปของกรมศุลกากรจีนระบุว่าผลิตภัณฑ์นมของบริษัท TH Milk ผ่านการฆ่าเชื้อโรคและดัดแปลงสูตรสำหรับการส่งออไปยังจีน รวมไปถึงข้อกำหนดรายละเอียดในการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยผลิตภัณฑ์นมที่ได้รับอนุญาตจากจีน จะรวมถึงอาหารแปรรูป ซึ่งมีส่วนประกอบจากนมวัวแปรรูปพาสเจอร์ไรส์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้ว, ผลิตภัณฑ์นมผง, นมข้นหวาน และอื่น ๆ เป็นต้น โดยทางการจีนกำหนดให้ผู้ส่งออกเวียดนามต้องได้รับใบอนุญาตจากทางการเวียดนาม และดำเนินจดทะเบียนกับกรมศุลกากรจีน หลังจากนั้นจึงทำการตรวจสอบกักกัน เพื่อขอใบอนุญาตกักกันโรค ก่อนที่จะส่งออกไปยังตลาดจีนได้อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ เวียดนามตั้งเป้าในการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปยังตลาดจีน ด้วยมูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2563

ที่มา :  https://en.vietnamplus.vn/th-milk-becomes-first-exporter-of-milk-to-china/162302.vnp

ผู้ส่งออกปลาดุกเวียดนามเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่ง

จากรายงานของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการส่งออกอาหารทะเลอยู่ที่ 6.23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีใต้ ยังคงเป็นผู้นำเข้าอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งบริโภคร้อยละ 56.8 ของมูลค่าการส่งออกอาหารทะเลโดยรวม ทางด้านสถานการณ์สินค้ากุ้งทะเล ปลาสวายและหมึกกระดอง มีมูลค่าลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องมาจากภาวการณ์แข่งขันที่รุนแรงจากประเทศอินเดีย เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย และไทย ส่วนตลาดในประเทศนั้น ราคาปลาดุกปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นผลมาจากอุปทานเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเป้าในการส่งออกอาหารทะเล จะไม่สามารถบรรลุระดับ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปีนี้ เนื่องจากประเทศจีน มาเลเซีย สามารถเริ่มเพาะปลาดุกในประเทศได้ ในขณะเดียวกัน ไทย อินเดีย สามารถควบคุมโรคระบาดได้แล้ว รวมทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะชะลอตัว

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnamese-catfish-exporters-struggle-to-compete-with-rivals-404934.vov

ปี 61-62 เมียนมาส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ 360 ล้านเหรียญสหรัฐ

ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 61 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 62 ของปีงบประมาณ 2561-2562 เมียนมามีรายได้ 366.322  ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ในปีงบประมาณ 61-62 มากกว่า 134.831  ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 60-61 ที่มีรายรับ 231.490 ล้านเหรียญสหรัฐ เมียนมาส่วนใหญ่ส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ผลิตภัณฑ์ทางทะเล ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ ผลิตภัณฑ์แร่ อุตสาหกรรมสำเร็จรูป (CMP) และอื่น ๆ รายรับจากการส่งออกคาดว่าจะสูงถึง 15.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณก่อนหน้า แต่จำนวนเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 17 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งสูงกว่า 473.218 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน ในปี 61-62 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศสูงกว่า 34.97 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งสูงกว่าเป้า 31 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามยอดขาดดุลการค้าพุ่งทะลุ 1.39 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/over-360m-earned-from-animal-product-exports-in-2018-2019-fy

ยอดใช้สนามบินนานาชาติเมียนมาโต 6.5% ในรอบ 9 เดือน

ปริมาณการใช้สนามบินนานาชาติย่างกุ้งพุ่งขึ้น 4.6 ล้านคนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 6.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มียอดผู้มาเยือนมากกว่า 4.32 ล้านคน Yangon Aerodrome Company (YACL) ระบุว่าเพราะที่ผ่านมามีการเพิ่มเส้นทางใหม่เพื่อตอบสนองตลาดจีน โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาได้เพิ่ม 2 เส้นทางด้วยสายการบินใหม่ 3 สาย อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลา 9 เดือนผู้โดยสารภายในประเทศลดลง 1.7% เนื่องจากสายการบินท้องถิ่นกำลังยกระดับเครื่องบินให้ใหญ่กว่าเดิม ขณะนี้สนามบินนานาชาติย่างกุ้งให้บริการสายการบินนานาชาติกว่า 30 แห่งเชื่อมต่อกับหลายสิบเมืองในเอเชีย ประเทศจีน ไทย และญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารระหว่างประเทศ นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามามีจำนวนเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการผ่อนปรนวีซ่าโดยอนุญาตให้วีซ่าเดินทางตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ปี 61

ที่มา: http://www.xinhuanet.com/english/2019-10/20/c_138487382.htm

ดันไทยเป็นผู้นำอาเซียนด้านพลังงาน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล Thailand Energy Awards ประจำปี 2562 เปิดเผยว่า ในวันนี้ (18 ต.ค.) เป็นโอกาสการฉลองความสำเร็จครบรอบ 2 ทศวรรษ กับการผลักดันการพัฒนาพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานของไทย โดยกระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมและเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงาน และการพัฒนาพลังงานทดแทนผ่านการประกวดไทยแลนด์เอนเนอร์ยี่อวอร์ด (Thailand Energy Awards) อย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปี โดยปัจจุบันมียอดส่งผลงานเข้าประกวด รวม 3,465 ผลงาน ได้รับการคัดเลือกรับรางวัลในสาขาต่างๆ จำนวน 951 รางวัล คิดเป็นสัดส่วนลดการใช้พลังงานมูลค่ากว่า 9,300 ล้านบาท สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 1.9 ล้านตัน

ที่มา:https://www.ryt9.com/s/tpd/3056555

เมียวดี ขุมทรัพย์ที่กำลังเริ่มพัฒนา

จากการไปสำรวจตลาด และพูดคุยเกี่ยวกับการค้าและธุรกิจกับเพื่อนๆ นักธุรกิจในเมียวดี พบเห็นความเปลี่ยนแปลงมากมาย เช่น การค้าคึกคักมาก รถเพิ่มขึ้นมากๆ ถนนเริ่มแออัด ซึ่งเริ่มติดประมาณต้นปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ถนนจากย่างกุ้งดีขึ้นก็มีรถยนต์โดยสารรุ่นใหม่ๆ เริ่มวิ่งวันละไม่ต่ำกว่ายี่สิบเที่ยว วันจะมีชาวย่างกุ้งเดินทางมาเที่ยวแม่สอด มารักษาพยาบาลมากขึ้น ส่วนมากจะมาพบทันตแพทย์ ส่วนรักษาโรคภัยจะเดินทางมาที่กรุงเทพฯ และมาช๊อปปิ้ง และมีบางส่วนเล่นการพนันที่บ่อนคาสิโน บ่อนใหญ่สุดมีทั้งสินค้าปลอดภาษี ร้านอาหารไทย ร้านอาหารฝรั่ง ผับเบียร์สด ร้านกาแฟ ส่วนใหญ่ที่นี้มีแต่คนไทย พนักงานก็เป็นคนไทย และใช้เงินไทยการเล่นพนัน ส่วนการค้าที่พบสินค้าที่บรรทุกมาจากประเทศเมียนมา ส่วนใหญ่เป็นข้าวโพดแห้งหรือข้าวโพดอาหารสัตว์ ส่วนมากมาจากรัฐฉานและปกติจะส่งออกไปยังจีนแต่ผู้ประกอบการจีนได้ระงับการสั่งซื้อ และเนื่องจากเข้าฤดูฝนเกษตรกรจึงจำเป็นต้องขนมาขายที่ชายแดนไทย ดังนั้นหากผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสเข้าไปดำเนินธุรกิจที่เมียนมา โดยนำเอาความสามารถและเทคโนโลยีด้านอาหารสัตว์หรืออาหารมนุษย์เข้าไปเปิดโรงงานอุตสาหกรรมเป็นอีกช่องทางการลงทุนที่ยั่งยืนและได้รับประโยชน์สูงสุด และได้ใจชาวเมียนมาไปเต็มๆ

ที่มา: https://www.posttoday.com/aec/trade/598670

การปรับโฉมของตลาดสดของย่างกุ้ง

ตลาดสดเมียนมาปัจจุบันมักจะสกปรกและยังไม่ถูกสุขลักษณะนัก อนาคตอีกไม่กี่ปีทางการนครย่างกุ้ง ได้ทำโครงการปรับปรุงคุณภาพชีวิตด้วยการให้การปรับปรุงตลาดสดให้ทันสมัยมากขึ้น นี่คือหนึ่งในแผนโครงการ 80 เมกกะโปรเจ็คที่กำลังดำเนินการอยู่ ตลาดสดในย่างกุ้งปัจจุบันนี้มีอยู่ประมาณร้อยกกว่าแห่ง โดยที่พอใช้มี 70 กว่าแห่ง ทุกแห่งจะดำเนินการโดยภาครัฐ คือ คณะกรรมการพัฒนานครย่างกุ้ง (YCDC) ตลาดใหญ่หน่อยจะมีรูปร่าง คือ ด้านหน้าเป็นอาคารที่ขายตั้งแต่เครื่องอุปโภค-บริโภค จนกระทั่งเครื่องสังฆภัณฑ์ ส่วนด้านในจะเป็นอาหารแห้งต่างๆ ต่อด้วยอาหารสดผักผลไม้ ด้านในจะเป็นเนื้อสัตว์ และสัตว์เป็นๆ รวมทั้งปลาและอาหารทะเลเป็นต้น ส่วนตลาดที่เล็กลงมาหน่อยจะไม่มีรูปแบบ พื้นจะเป็นดินสลับคอนกรีต แต่ก็จะสกปรกมากๆ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ร่วมทั้ง YCDC เล็งเห็นการพัฒนาความเป็นอยู่ ต้องเริ่มจากตลาดสดก่อนนั่นเอง จึงได้เริ่มโครงการดังกล่าวนี้ขึ้นมา ตัวอย่างการพัฒนา เช่น ตลาดปะซุ่นตองที่เป็นตลาดสดขนาดใหญ่ที่ และร้านอาหารในย่างกุ้งนิยมมาจ่ายตลาดกันนั้นมีอยู่สองตลาดด้วยกัน คือ ที่นี่กับตลาดตั่งเซ โดยจุดเด่นคือเป็นตลาดที่อยู่ติดกับท่าแพปลา ที่นี่อาคารจะมีทั้งหมดสามอาคารใหญ่ ดังนั้นจะรื้อทิ้งทั้งหมด แล้วสร้างใหม่จากเนื้อที่ 6 เอเคอร์ โดยสร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น ด้านในจะเป็นอาคารที่ทันสมัยและสะอาด โดยแบ่งโซนออกมาชัดเจน รวมทั้งจัดให้เป็นสัดส่วนของสินค้าอุปโภค-บริโภคนำเอาไปไว้ชั้นบนชั้นล่างจะเป็นของสด ขณะนี้อยู่ในระหว่างเขียนแบบและหาผู้เข้าร่วมรับสัมปทานโครงการอยู่ ดังนั้นถ้าผู้ประกอบการไทยที่อยากไปลงทุนที่เมียนมา โดยเฉพาะเมืองท่าสำคัญที่มีประชากรอยู่อาศัยมากที่สุด ก็สามารถติดต่อสอบถามไปที่ YCDC เพื่อขอทราบความชัดเจนของโครงการได้ที่สำนักงานโดยตรงเลย

ที่มา: https://www.posttoday.com/aec/trade/602721