ส่องการค้าใน สปป.ลาว

สปป.ลาว แม้จะเป็นประเทศขนาดเล็กแต่มีอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ 7% เป็นอันดับ 3 ในอาเซียน อันดับ 10 ของโลก ถึงแม้จะมีประชากรเพียง 7 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาวแต่มีนักท่องเที่ยวมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากร ปัจจุบันมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน 4 ด้าน ได้แก่ การสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมให้ลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ 12 เขต และการส่งเสริมการลงทุนภาคกสิกรรม อุตสาหกรรมแปรรูป การศึกษา และโรงพยาบาล และยังปรับปรุงกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ โอกาสสำหรับ SME ไทยคือสินค้าอุปโภคบริโภคเพราะยอมรับในคุณภาพและบริการ ในปัจจุบันไทยเข้ามาลงทุนเป็นอันดับ 2 รองจากจีน โดยมีทั้งหมด 752 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 4,492 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่ลงทุนด้านการค้า การบริการ หัตถกรรม โรงแรม ร้านอาหาร สินค้าเกษตรแปรรูปและธุรกิจด้านพลังงาน

ที่มา: https://www.posttoday.com/aec/scoop/560465

11 สิงหาคม 2561

รมต. พาณิชย์กัมพูชา ส่งสัญญาณถึงนิวซีแลนด์ “กัมพูชาพร้อมเปิดกว้างทางธุรกิจ”

ภายหลังการหารือของรมต. พาณิชย์กัมพูชา กับเอกอัครราชทูตแห่งประเทศนิวซีแลนด์ ระบุว่ากัมพูชาคือหมุดหมายของนักลงทุน ทั้งยังเอ่ยด้วยว่ากัมพูชาถือเป็นโอกาสของนักลงทุนในด้านการเกษตรอุตสาหกรรมเบา เทคโนโลยีและบริการซึ่งเหตุหลักในการดึงนิวซีแลนด์เข้าลงทุนเพราะกัมพูชายังต้องการในการถ่ายทอดทักษะเทคโนโลยีการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าเพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าทางการเกษตรและเพื่อความสามารถสามารถในการแข่งขันของกัมพูชา

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50547023/we-are-open-for-business-minister-tells-new-zealand/

“ญี่ปุ่น” ขยายลงทุนฟาร์มเลี้ยงวัวใน “สปป.ลาว” ส่งออกเนื้อวัวเทียบชั้นโกเบ

เจ้าแขวงเชียงขวาง เปิดเผยว่า บริษัทเอกชนจากญี่ปุ่นตัดสินใจลงทุนเพิ่ม 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนาฟาร์มเลี้ยงวัว บนพื้นที่ 5,000 เฮกตาร์ ในแขวงเชียงขวางทางภาคกลาง เพื่อเพิ่มการลงทุน “เนื้อวัว เทียบชั้นกับเนื้อโคเบคุณภาพสูงของญี่ปุ่น” ได้ขยายพื้นที่จาก 150 เฮกตาร์ เป็น 500 เฮกตาร์สำหรับพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์วัวชั้นดีจากออสเตรเลียกว่า 100 ตัว และที่กำลังรอคลอดกว่า 900 ตัว ปลายปี 2018 ฟาร์มแห่งนี้จะมีวัวพันธุ์ดีราวๆ 1,600 ตัว จะเกิดการถ่ายทอดความรู้และเกิดการจ้างงานและวางแผนจะตั้งโรงงานผลิตน้ำนมวัวคุณภาพสูง เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย

ที่มา: https://www.prachachat.net/aseanaec/news-244147

พม่ามองธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพื่อการค้าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ตัวแทนรัฐ ผู้สนับสนุนและคู่ค้าได้เข้าร่วมประชุม ในการประชุมองค์การการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNCTAD) เพื่อประเมินว่าอีคอมเมิร์ซช่วยผลักดันเศรษฐกิจของเมียนมาได้อย่างไร e-commerce สร้างงานและเพิ่มการค้าในเมียนมา ที่เมืองหลวงของประเทศคือ Nay Pyi Taw เพื่อหารือเกี่ยวกับส่งเสริมธุรกิจออนไลน์ รมต.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์มีความมุ่งมั่นที่จะให้        อีคอมเมิร์ซเป็นกลไกที่สำคัญทางเศรษฐกิจรวมถึงการค้าและการสร้างงานในเมียนมา และใช้นโยบายเชิงรุกเพื่อให้เกิดศักยภาพสูงสุดในการส่งเสริมการค้าและการจ้างงาน การปฏิรูประบบกฎหมาย เช่น เพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรมออนไลน์ การปรับปรุงระบบที่อยู่ไปรษณีย์ของประเทศจะช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งมอบพัสดุขนาดเล็กทั่วประเทศได้ง่ายขึ้น

ที่มา: : http://www.mizzima.com/article/myanmar-eyes-e-commerce-jobs-trade-and-economic-growth

Startups เมียนมา สนใจนักลงทุนต่างชาติ

ความสนใจในการเริ่มต้นธุรกิจของพม่าเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากนักลงทุนที่หวังเก็งกำไร เมื่อวานนี้สถาบันการเงินของเยอรมนี ทั้ง DEG และ agRIF ซึ่งเป็นกองทุนที่มุ่งเน้นผลกระทบซึ่งจัดหาเงินทุนให้กับตัวกลางทางการเงินที่กำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มเกษตรกรรายย่อยและประชากรในชนบท ร่วมลงทุนกันใน Rent 2 Own (Myanmar) Ltd (R2O) มูลค่า 6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยครอบคลุมหนึ่งในสามของยอดขายมอเตอร์ไซค์ภายในประเทศ

ที่มา: : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-startups-draw-international-investor-interest.html 

เวียตเจ็ทแอร์เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบิน A321 50 ลำ ด้วยเม็ดเงิน 6.5 พันล้านเหรียญ จาก Airbus

เวียตเจ็ทแอร์ เป็นสายการบินของประเทศเวียดนาม เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินพาณิชย์ A321 จำนวน 50 ลำจากบริษัท Airbus ไปเมื่องานแสดงเครื่องบินที่ Farnborough ประเทศอังกฤษที่ผ่านมาเพื่อเป็นการรองรับการเติบโตของเส้นทางการบินระหว่างภูมิภาคและเอเชียแปซิฟิก สัญญายังระบุถึงอะไหล่และชิ้นส่วนที่ประกอบที่ทันสมัยสำหรับ A321 คาดว่าเครื่องบินทั้ง 60 ลำ คือ A320 และ A321 สามารถบินได้มากกว่า 385 เที่ยวบินต่อวัน ผู้โดยสารกว่า 65 ล้านคนใน 103 เส้นทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ที่มา: https://english.vietnamnet.vn/fms/business/211374/vietjet-signs-contract-to-buy-50-airbus-aircraft.html

เวียดนามส่งออกข้าวมากกว่า 5 ล้านตัน ใน 10 เดือนแรกของปีนี้

กรมแปรรูปและพัฒนาตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตรสังกัดกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทได้เผยว่าปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนามในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 2 แสน 6 หมื่น 4 พันตัน มูลค่า 136 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ปริมาณการส่งออกข้าวในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมาบรรลุ 5.2 ล้านตัน มูลค่า 2.6พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 ด้านปริมาณและร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017 จีนยังคงเป็นตลาดส่งออกข้าวรายใหญ่เป็นอันดับแรกของเวียดนาม โดยครองส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 24 ส่วนมูลค่าการส่งออกข้าวในตลาดต่างๆ เช่น อินโดนีเซีย อิรัก ฟิลิปปินส์และมาเลเซียก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ที่มา: : http://www.xinhuanet.com/english/2018-11/05/c_137583281.htm

มูลค่าการส่งออกของเวียดนามใน 10 เดือนที่ผ่านมาสูงเกิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เผยว่า ในเดือนตุลาคมนี้มูลค่าการส่งออกสินค้าของเวียดนามได้กว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017 และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าการส่งออกรวมใน 10 เดือนที่ผ่านมามากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017 สินค้าหลักในการส่งออกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่น โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้าสำเร็จรูป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรองเท้า เป็นต้น ส่วนสินค้าเกษตรและสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่มูลค่าการส่งออกได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนเพราะราคาต่ำ

ที่มา: http://www.xinhuanet.com/english/2018-11/05/c_137583281.htm

ดอลลาร์นิยม ปรากฏการณ์ที่กัมพูชาต้องก้าวข้าม

จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ 7% ต่อปี ทำให้กัมพูชาเลื่อนสถานะจากประเทศรายได้ต่ำเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับต่ำ ในปี 2559 ดูเหมือนจะมีเสถียรภาพ แต่พบว่าการใช้เงินหลักที่หมุนเวียนในประเทศ 90 – 90% จะเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐ ทีเริ่มใช้มาตั้งแต่ยุคงสิ้นสุดยุคเขมรแดงในปี 2522 ส่งผลให้เงินสกุลท้องถิ่นอย่างเงินเรียล (Riel) ไม่เป็นที่นิยมมากนัก ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ ดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ รักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ ข้อเสียคือรัฐบาลมีเครื่องมือทางการเงินน้อยเมื่อเจอปัจจัยเสี่ยงภายนอก ปัจจุบันพยายามส่งเสริมให้ใช้เงินเรียลมากขึ้น เช่น การจ่ายเงินเดือนของราชการ การให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินมียอดสินเชื่อที่เป็นเงินเรียลไม่ต่ำว่า 10% เพื่อปล่อยสินเชื่อเป็นเงินเรียลมากขึ้นและให้มีผลบังคับใช้ภายในสิ้นปี 2562 นี้

ที่มา: http://www.exim.go.th/doc/adn/49815_0.pdf

23 มกราคม 2561