โรงกลั่นร่วมทุนจีน-สปป.ลาวเริ่มต้นการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปเชิงพาณิชย์

Lao Petroleum & Chemical Co.Ltd (Laopec) บริษัทร่วมทุนจีน – สปป.ลาวได้เปิดตัวการโรงกลั่นน้ำมันในเฟสแรกของโครงการซึ่งคาดการณ์จะสามารถผลิตได้ถึง 3 ล้านตัน/ปี Laopec ซึ่งเป็นโรงกลั่นแห่งแรกของสปป.ลาวจะเติมเต็มช่องว่างในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในสปป.ลาวได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศ โดยโครงการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาครบวงจรในเวียงจันทน์ครอบคลุมพื้นที่ 425 mu (ประมาณ 28.3 เฮกตาร์) และมีแผนจะลงทุนประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐใน 3 ขั้นตอนเพื่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันที่ทันสมัย มีรายงานว่ากำลังการผลิตที่ครอบคลุมของเฟสแรกของ Laopec จะสูงถึงหนึ่งล้านตันต่อปีและจะช่วยให้สปป.ลาวมีอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปที่ปลอดภัยและมีเสถียรภาพดังนั้นโรงงานที่เปิดใหม่ดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมของสปป.ลาวได้อย่างก้าวกระโดด

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2020-12/01/c_139554780.htm

โครงการท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวของกัมพูชาเสร็จสมบูรณ์แล้วร้อยละ 55

กระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง (MPWT) กล่าวว่าโครงการท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดกัมปอตได้ดำเนินการแล้วเสร็จถึงร้อยละ 55 แต่ด้วยการออกแบบใหม่และผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้เกิดความล่าช้า โดยโครงการมีมูลค่าอยู่ที่ 8 ล้านดอลลาร์ มาจากเงินกู้ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ภายในสิ้นปี 2022 ซึ่งหัวหน้าแผนกโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำและการก่อสร้างท่าเรือของ MPWT กล่าวว่าได้ตัดสินใจที่จะออกแบบอาคารผู้โดยสารหลักและท่าเรือใหม่เนื่องจากเพิ่งสังเกตว่าการออกแบบครั้งแรกไม่ดีพอ ดังนั้นจึงต้องมีการออกแบบและวางแผนเพิ่มเติมสำหรับข้อกำหนดโครงสร้างที่แตกต่างกัน โดยท่าเรือตั้งอยู่ในเขตตึกชูมีความยาวประมาณ 300 เมตร และสามารถรองรับเรือที่บรรทุกผู้โดยสารได้ 300 ถึง 400 คน โดยเมื่อท่าเรือสร้างเสร็จและพร้อมให้บริการ จะมีส่วนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านแพ็คเกจการท่องเที่ยวที่เชื่อมจังหวัดกัมปอตกับจุดหมายปลายทางในเวียดนามและไทย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50787547/kampot-tourism-port-project-55-complete/

ตลาดกัมพูชายังไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการพืชผักภายในประเทศได้

รายงานการปลูกผักในกัมพูชามีการเพาะปลูกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ประเทศกลับไม่สามารถยุติการนำเข้าได้เนื่องจากการบริโภคในท้องถิ่นนั้นมีปริมาณที่มากกว่าการผลิต โดยกระทรวงและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดกำลังทำงานร่วมกันเพื่อสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกผักเพิ่มขึ้นให้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแรงผลักดันของการปลูกผักทั่วกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสู่ 60,000 เฮกตาร์ โดยการเก็บเกี่ยวผักภายในประเทศกัมพูชาอยู่ที่ 640,000 ตันต่อปี ในขณะที่ความต้องการผักของอยู่ที่ประมาณ 850,000 ตันต่อปี โดยความพยายามในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรในกัมพูชายังคงเป็นความท้าทาย แต่กระทรวงและรัฐบาลจะยังคงดำเนินการต่อไปเพื่อเอาชนะปัญหาทั้งหมดเพื่อช่วยให้เกษตรกรเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50787580/vegetable-planting-up-but-not-yet-feeding-local-demand-in-full/

เวียดนามเผย COVID-19 ส่งผลต่อการลงทุน FDI ดิ่งลง

จากรายงานของกระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ระบุว่าเวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) รวม 26.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ โดยทางกระทรวงฯ กล่าวเสริมว่าเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะที่ นักลงทุนยังไม่สามารถเดินทางได้ จากข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน มีโครงการใหม่กว่า 2,313 โครงการที่ได้รับการจดทะเบียน ลดลงร้อยละ 33.5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวม 13.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 7.6 อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ด้วยมูลค่าเงินทุน 12.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์และการค้าส่งและค้าปลีก ตามลำดับ นอกจากนี้ สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการลงทุนมายังเวียดนามมากที่สุด ด้วยมูลค่าราว 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 30.6 ของเงินทุนทั้งหมด รองลงมาเกาหลีใต้และจีน ตามลำดับ

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pandemic-drags-down-fdi-attraction/191301.vnp

เวียดนามจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนพ.ย. พุ่ง 7.3%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม เปิดเผยว่าเวียดนามประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 13,100 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนนี้ มีเงินทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 72 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ด้วยมูลค่า 12.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจำนวนการจ้างงาน 119,700 คน ทั้งนี้ ช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ในเวียดนาม 124,300 แห่ง ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 81.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.9 ในแง่ของจำนวนธุรกิจ แต่กลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 ในแง่ของเงินทุนจดทะเบียน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อีกทั้ง มีธุรกิจที่กลับมาดำเนินกิจการในช่วงเวลาดังกล่าว 40,800 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 รัฐบาลเวียดนามได้ดำเนินการช่วยเหลือแก่ชุมชน ซึ่งการช่วยเหลือเมื่อเร็วๆนี้ เป็นในลักษณะปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลร้อยละ 30 สำหรับธุรกิจที่มีรายได้น้อยกว่า 200 พันล้านด่อง (8.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2563

ที่มา : http://hanoitimes.vn/business-formations-in-vietnam-rise-73-mm-in-november-315065.html