ปีงบฯ 62-63 มูลค่า FDI เมียนมาเกินเป้าหมาย

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเมียนมาเกินเป้าหมายที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 7 กันยายน ของปีงบประมาณ -62-63 โดยมีการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด 234 แห่ง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 62  ถึง 7 กันยายน 63 ซึ่งจะรวมถึงการขยายธุรกิจเดิมและการลงทุนภายใต้กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ คณะกรรมการการลงทุนเมียนมาวางแผนที่จะจัดการประชุมครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นปีงบประมาณซึ่งจะมีการทบทวนการลงทุนขั้นสุดท้ายสำหรับปีนี้ ซึ่งหากมีการลงทุนทั้งหมดจะมีมูลค่าทั้งหมด 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับปีงบประมาณ 62-63 เกินเป้าหมาย 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับปีนี้ เมียนมายังต้องการการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มอีก 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลงทุนทั้งหมดที่คาดว่าจะได้รับการอนุมัติก่อนสิ้นเดือนนี้

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/foreign-direct-investments-fiscal-2019-20-exceed-target.html

สปป.ลาวมุ่งมั่นที่จะรับสิทธิประโยชน์ด้านการค้าของประเทศด้อยพัฒนาน้อยที่สุด (LDC)

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมีการจัดประชุมทางวิดีโอระหว่างสำนักงานผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติ (UN) และกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด (LDC) การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทบทวนการสำเร็จการศึกษาของสปป.ลาวจากสถานะการได้รับสิทธิประโยชน์ LDC ซึ่งจะมีผลต่อประสิทธิภาพด้านการค้าของสปป.ลาวเพราะสิทธิดังกล่าวมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการค้าของสปป.ลาวกับคู่ค้าที่สำคัญอย่างยุโรป แต่การสิทธิดังกล่าวจะหมดลงในปี 2567 และจะมีการพิจารณากันในปีนี้ซึ่งจะมีเกณฑ์ 3 ประการ ได้แก่ ดัชนีสินทรัพย์มนุษย์ (HAI) ซึ่งประเมินเป้าหมายด้านสุขภาพและการศึกษาความเปราะบางทางเศรษฐกิจ (EVI) และรายได้ประชาชาติมวลรวม (GNI) ต่อหัว สปป.ลาวผ่านเกณฑ์ประการ 1 และ 2 แต่ในประเด้นด้านเศรษฐกิจสปป.ลาว การเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูงร้อยละ 6-7 ต่อปี นอกจากนี้อัตราความยากจนลดลงจากร้อยละ 46 ในปี 2535 เหลือเพียงร้อยละ 18 ในปี 2563 เกณฑ์ดังกล่าวจึงเป็นอุปสรรคของสปป.ลาวในการจะได้รับสิทธิ LDC อย่างไรก็ตามสปป.ลาวยังมีเวลาที่ยื่นขอสิทธิดังกล่าวถึงแม้จะไม่เข้าเกณฑ์ด้านเศรษฐกิจ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos176.php

รัฐบาลสปป.ลาววางแผนกองทุนภัยพิบัติเพื่อช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่น

รัฐบาลกำลังจัดตั้งกองทุนภัยพิบัติเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ในขณะเดียวกันก็ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย การประชุมประจำเดือนของคณะรัฐมนตรีได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องกับกองทุนซึ่งร่างโดยกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ได้กำหนดหลักการและมาตรการสำหรับการจัดการและการใช้เงินกองทุนตลอดจนกลไกในการระดมความช่วยเหลือทางการเงินและติดตามสถานการณ์ฉุกเฉินและการบรรเทาทุกข์อย่างรวดเร็วสำหรับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ อธิบดีกรมสวัสดิการสังคมกล่าวว่ากองทุนนี้จะบริหารจัดการในระดับเมือง แขวงและส่วนกลาง คณะกรรมการจัดการภัยพิบัติ สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการใช้กองทุนเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ในกรณีที่สภาพอากาศเลวร้ายได้ในทันที สปป.ลาวมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ ปัญหาหลักประการหนึ่งคือเมื่อเกิดอุทกภัยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตความเสียหายก่อนที่จะขอให้รัฐบาลสนับสนุนเงินทุนสำหรับชุมชนที่ได้รับผลกระทบ กองทุนภัยพิบัติได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้และเร่งการให้การสนับสนุน หน่วยงานท้องถิ่นจะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยตรงตามความต้องการที่แท้จริง  ซึ่งช่วยให้ทางการระดมทุนจากภาคส่วนต่างๆได้ดีขึ้น รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณบางส่วนให้กับกองทุนในแต่ละปีและจะระดมทุนจากสังคมมากขึ้น เพื่อให้มีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติอย่างรวดเร็ว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt176.php

กัมพูชาอนุมัติงบ 150 ล้านดอลลาร์พัฒนาถนนเสียมราฐ

นายกฯ ฮุนเซนอนุมัติงบประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับถนน 38 เส้นในแหล่งท่องเที่ยวของเสียมราฐ เนื่องจากเสียมราฐเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของกัมพูชาซึ่งได้รับการยกย่องเช่น นครวัดและจุดท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยรอบ นอกเหนือจากการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วยังเป็นศูนย์กลางประชากรที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศและเป็นเป็นระเบียงเศรษฐกิจสำคัญที่เชื่อมจังหวัดพระตะบองกับส่วนที่เหลือของประเทศ ขณะนี้กระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง (MWPT) กำลังดูแลโครงการฟื้นฟูถนนหลายโครงการบนถนนวงแหวนของเมืองเสียมราฐ เมื่อเสร็จสิ้นโครงการโครงสร้างพื้นฐานนี้จะทำให้การดำรงชีวิตของประชาชนง่ายขึ้นและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศหลังวิกฤต COVID-19 ได้ผ่านพ้นไป

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50762148/150-million-budget-approved-for-siem-reap-road-infrastructure/

‘บั๊กนิญ’ มีรายได้จากการส่งออกกว่า 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ว่ามูลค่าการส่งออกของจังหวัดบั๊กนิญ (Bac Ninh) มากกว่า 20.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. ปี 2563 ในขณะที่ ยอดการพัฒนาและเงินลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ สำนักงานรัฐบาลเพิ่งประกาศข้อสรุปจากรองนายกรัฐมนตรีจากการประชุมผู้นำในจังหวัด โดยเป้าหมายเพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมการผลิตและธุรกิจที่นำเข้า-ส่งออก อำนวยความสะดวกให้กับคนในท้องถิ่นและการเข้าถึงเงินทุนของผู้ประกอบการ รวมถึงเครดิต การเงิน ภาษี การดำเนินธุรกิจและการชำระเงินออนไลน์ เป็นต้น การเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐฯ สูงถึงร้อยละ 68 ลงไปยังจ.บั๊กนิญ ถือว่ามีอัตราการเบิกจ่ายสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดดังกล่าวยังมีข้อบกพร้องอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคม, สภาพแวดล้อมที่เป็นมลพิษ โดยเฉพาะทางน้ำที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุง, การขาดแคลนแรงงานทักษะขั้นสูง การท่องเที่ยวและงานบริการที่ยังคงชะลอตัว

ที่มา : https://vnexplorer.net/bac-ninh-earns-over-usd20-billion-from-exports-a202091702.html

เวียดนามส่งออกข้าวไปยังแอฟริกา ‘เป็นที่น่าพอใจ’

การส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังตลาดแอฟริกา มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะประเทศแอลจีเรียและเซเนกัลที่คาดว่าจะบริโภคข้าวเวียดนามเพิ่มสูงขึ้นอีก ส่วนใหญ่นิยมบริโภคข้าวหัก ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานการค้าในแอลจีเรีย ระบุว่าตลาดแอฟริกามีความต้องการบริโภคข้าวอยู่ในระดับสูง เป็นผลมาจากแรงงานชาวเอเชียที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ว่าอุปสรรคจากการนำเข้าข้าวของแอฟริกาส่วนใหญ่เป็นปัญหาทางด้านการผลิตในท้องถิ่น รวมถึงผลผลิตที่ไม่เพียงพอ, ภัยธรรมชาติ, ความล้มเหลวทางการเมืองและโรคระบาด เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันข้าวเวียดนามเผชิญกับการแข่งขันจากคู่แข่งในตลาดแอฟริกา ได้แก่ อินเดีย, ไทย, ปากีสถาน, ทาจิกิสถาน, อุรุกวัยและจีน นอกจากนี้ ในปี 2562 เวียดนามส่งออกข้าวไปยังเซเนกัล อยู่ที่ 96,000 ตัน ติดเป็นมูลค่า 32.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ในง่ของปริมาณ และเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าในแง่ของมูลค่า

ที่มา : https://vnexplorer.net/vietnam-enjoys-boost-in-rice-exports-to-africa-a202091956.html

กัมพูชามีแผนเปิดประตูชายแดนกับเวียดนามอีกแห่ง

กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง (MPWT) ระบุว่ากำลังดำเนินเปิดประตูชายแดนอีกแห่งกับเวียดนาม เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งตู้สินค้าข้ามพรมแดนระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆนี้ จากการประชุมระหว่างภาครัฐกับเอกชน กัมพูชาและญี่ปุ่น คุณ Nou Savath เลขาธิการกระทรวง กล่าวว่ากระทรวงโยธาธิการและขนส่ง มีแผนที่จะนำคณะทำงานรัฐมนตรี ทำการตรวจสอบประตูชายแดนอีกแห่งกับเวียดนาม สำหรับการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ เนื่องจากประตูชายแดน ‘Bavet-Moc Bai’ คับคั่งอย่างมาก อีกทั้ง กัมพูชากำลังพิจารณาที่จะเปิดประตูชายแดนอีกแห่ง ‘Prey Vor-Binh Hiep’ เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงานของศุลกากรและสถาบันที่เกี่ยวข้อง และลดความแออัดของชายแดน Bavet

ที่มา : https://english.cambodiadaily.com/business/cambodia-plans-another-intl-border-gate-with-vietnam-168978/