ปลัดพาณิชย์ เผยส่งออกไทยทรุด ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 เหตุเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2566 มีมูลค่า 22,143.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 764,444 ล้านบาท หดตัว 6.2% ซึ่งติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ส่งผลให้การส่งออกไทย 7 เดือนแรกของปี 2566 หดตัว 5.5% เป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ของโลกลดต่ำลงมากจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในยูเครน ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องชะลอลงอย่างมาก ประกอบกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายภูมิภาค และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ส่งผลให้การบริโภคชะลอตัว อีกทั้งจีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกฟื้นตัวช้าลง จากกำลังซื้อในประเทศที่หดตัว เพราะขาดความเชื่อมั่นทางธุรกิจ โดยมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว 9.6% หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ยางพารา, อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป, น้ำตาลทราย, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และไก่แปรรูป เป็นต้น มูลค่าส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม หดตัว 3.4% หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน อาทิ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน, เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง, ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม
ที่มา : https://ch3plus.com/news/economy/morning/363399

‘ซาวิลส์’ เผยเวียดนามเนื้อหอม ยังคงดึงดูดนักลงทุน

จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ‘ซาวิลส์ เวียดนาม’ เปิดเผยว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเทรนด์การลงทุนโลกในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเวียดนามยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักลงทุน เนื่องมาจากความสามารถในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความยืดหยุ่นของประเทศ ทั้งนี้ นาย Troy Griffiths รองผู้จัดการบริษัท Savills สาขาเวียดนาม กล่าวว่าถึงแม้จะเผชิญกับแรงกดดันเงินเฟ้อระยะสั้น รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่ยังคงหดตัว แต่ทิศทางของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะกลางน่าจะเป็นไปในทิศทางที่เป็นบวก และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งชาติเวียดนาม (SBV) จะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้กู้และสถาบันสินเชื่อ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-remains-attractive-for-investors-savills/266738.vnp

‘ยอดขายรถยนต์เวียดนาม’ เดือน ก.ย. ฟื้นเล็กน้อย โต 4%

สมาชิกของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) รายงานว่าเดือน ก.ค. สมาชิกของสมาคมฯ มียอดขายรถยนต์ทุกชนิดได้ 24,687 คัน เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ สมาชิกของสมาคมฯ มียอดขายรถยนต์ทุกชนิดได้ 162,014 คัน ลดลง 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมียอดขายรถยนต์นั่ง รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และรถยนต์เพื่อการใช้งานพิเศษ ลดลง 34%, 13% และ 63% ตามลำดับ ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์เวียดนามคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ส.ค. จนถึงสิ้นปีนี้ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม กำลังซื้ออาจไม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1582810/viet-nam-s-automobile-sales-grow-slightly-in-july-from-previous-month.html

‘เมียนมา’ ส่งออกแร่ โกยรายได้ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือน (เม.ย.-ส.ค.) เมียนมาส่งออกแร่ไปยังต่างประเทศ ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 121,957 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าแร่ส่งออกสำคัญของเมียนมา ได้แก่ ทองคำ หยก ไข่มุก เพชร ตะกั่ว ดีบุก ทังสเตน เงิน ทองแดง สังกะสี ถ่านหิน และแร่อื่นๆ นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าเมียนมาทำรายได้จากการส่งออกแร่ไปยังต่างประเทศ มูลค่ามากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 ธ.ค. ของปีงบประมาณ 2565-2566

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-gains-over-us120-mln-from-mineral-exports/#article-title

สปป.ลาว ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติแตะ 2.7 ล้านคน ภายในปี 2024

ทางการ สปป.ลาว ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้กว่า 2.7 ล้านคน ภายในปี 2024 กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด กล่าวโดย Ounthuang Khaophan รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาล สปป.ลาว ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการกำหนดยุทธศาสตร์ในการกระตุ้นการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยได้ประกาศให้เป็น “ปีแห่งการท่องเที่ยว” ในประเทศ สปป.ลาว และเพื่อบรรลุเป้าหมาย กระทรวงฯ กำลังเร่งหาแนวทางในการร่วมมือกับหน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่น เพื่อกำหนดแนวทางในการจัดกิจกรรมที่หลากหลายในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โดยปัจจุบัน สปป.ลาว มีแผนการจัดกิจกรรมระดับชาติ 14 กิจกรรม ได้แก่ เทศกาลวัดพูจำปาสัก เทศกาลช้าง เทศกาลสีโคตรบอง และเทศกาลธาตุหลวง เป็นกิจกรรมสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลปีใหม่ สปป.ลาว และกิจกรรมอื่นๆ ที่จะเป็นจุดดึงดูดสำคัญ ควบคู่ไปกับการเฉลิมฉลองเหล่านี้กระทรวงยังได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่และสร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ให้เกิดความหลากหลายในด้านสถานที่ท่องเที่ยว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/08/23/laos-sets-ambitious-target-to-attract-over-2-7-million-tourists-in-2024/

Acleda Bank ตั้งเป้าขยาย “KHQR” สู่ประเทศนอกกลุ่มอาเซียน

ธนาคาร Acleda จำกัด (มหาชน) วางแผนที่จะขยายระบบการชำระเงิน QR code ภายใต้ชื่อระบบ KHQR ไปยังกลุ่มประเทศนอกภูมิภาคอาเซียน โดยแผนดังกล่าวจะถูกนำไปขยายผล หลังจากมีการเชื่อมต่อการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างกัมพูชากับไทย เวียดนาม และ สปป.ลาว ซึ่งการชำระเงินข้ามระหว่างประเทศดังกล่าวไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ยกเว้นธุรกรรม กัมพูชา- สปป.ลาว กล่าวโดย Mar Amara รองประธานบริหารอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของกลุ่ม Acleda Bank ซึ่งปัจจุบันมีความพยายามเป็นอย่างมากที่จะพัฒนารูปแบบการทำธุรกรรมการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างอินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นกลุ่มถัดไป โดยการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่านระบบดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของแต่ละประเทศ และสร้างความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในกรณีที่มีการเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีระบบชำระเงินดังกล่าว ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่าการพกเงินสด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501347404/acleda-bank-to-expand-khqr-beyond-asean/

คาดรัฐบาลชุดใหม่กัมพูชา ดึงเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศเพิ่มขึ้น

คาดหลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของกัมพูชาจะนำมาซึ่งการลงทุนใหม่ๆ จากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่น และมีส่วนช่วยในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ เนื่องจากเสถียรภาพทางการเมืองที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น และการอยู่ของข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ตลอดจนความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ เป็นส่วนทำให้กัมพูชามีศักยภาพในการลงทุนมากยิ่งขึ้น กล่าวโดยรัฐมนตรีต่างประเทศกระทรวงอุตสาหกรรม ด้านสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ระบุเสริมว่า ปัจจุบันในช่วงครึ่งแรกของปีกัมพูชาดึงดูดโครงการลงทุนกว่า 113 โครงการ นับเป็นสินทรัพย์ถาวรเพื่อการลงทุนมูลค่ารวมกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ เกิดการจ้างงานใหม่ประมาณกว่า 122,000 ตำแหน่ง โดยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501347755/new-government-formation-to-bring-more-new-investments/

ระนองจี้รัฐบาลใหม่ ลดอุปสรรคค้าชายแดน

นายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง รองประธานคณะกรรมการหอการค้า จ.ระนอง เปิดเผยว่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ยังมีอุปสรรคต่อการค้า ทางภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ ด้วยการลดขั้นตอนทางการค้าโดยเฉพาะระเบียบปฏิบัติในการนำเข้า-ส่งออก ที่ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเมียนมาต่างมีกฏข้อระเบียบที่ซับซ้อนและยุ่งยากเป็นอุปสรรคที่เป็นข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้การค้า การลงทุนระหว่างไทยกับเมียนมายังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร จึงอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นและเข้ามาบริหารประเทศ ให้ศึกษาดูข้อปัญหาการค้าไทยกับเมียนมา จุดไหนที่ยังเป็นปัญหา หรือขวางกั้นการขยายตัวของการค้าทั้งสองประเทศให้รัฐบาลใหม่หาแนวทางแก้ไข ซึ่งจะส่งผลดีต่อตัวเลขการค้าส่งออกอย่างแน่นอน ซึ่งหากพูดถึงผลกระทบต่อการค้าขายตามแนวชายแดนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีที่ผ่านมาในหลายกลุ่มสินค้าและคาดว่าน่าจะมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าเท่าตัวทั้งในกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค รวมถึงสินค้าหมวดวัสดุก่อสร้าง และน้ำมัน เป็นผลมาจากการที่ประเทศเข้าร่วมกลุ่มประชาคมอาเซียน ทำให้การเดินทางเข้า-ออกทำได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการส่งออก-นำเข้าที่มีการลดกำแพงภาษีและเงื่อนไขต่างๆ ที่ทำให้เอื้อต่อการขยายตัวของภาคการค้าระหว่างประเทศ

ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/trade-agriculture/574152