ภาคการท่องเที่ยวกัมพูชาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แม้จะมีการแพร่ระบาดของ Omicron

แม้ว่าจะมีรายงานการติดเชื้อของไวรัส Omicron มากขึ้น ภายในกัมพูชา แต่การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวกัมพูชากลับปรับตัวดีขึ้น โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2022 ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวภายในประเทศจำนวนหลายหมื่นคนเริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งและภูเขาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งสำนักข่าวแห่งชาติกัมพูชา AKP ได้กล่าวอ้างถึงสถิติจากกระทรวงการท่องเที่ยวที่แสดงให้เห็นถึงจำนวนการให้บริการนักท่องเที่ยวมากกว่า 1.14 ล้านคน ในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2022 ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2021 ถึง 1 ม.ค. 2022 รวมถึงมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรวมกว่า 5,754 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.65 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยส่วนใหญ่ท่องเที่ยวในเขตจังหวัดพระพนมเปญและเสียมราฐ เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501000287/cambodias-tourism-sees-fast-recovery-despite-omicron/

รถไฟจีน-ลาว สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจตั้งแต่เดือนแรก

การรถไฟจีน-ลาวให้ผลลัพธ์ที่ดีในการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนที่แล้ว นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับการเชื่อมต่อระดับภูมิภาคและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศและทั่วทั้งตะวันออกเฉียงใต้ เอเชีย ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าทางรถไฟระยะทาง 1,035 กม. ซึ่งเชื่อมต่อคุนหมิงในมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนกับเวียงจันทน์เมืองหลวงของลาว รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 670,000 คนและสินค้า 170,000 ตันภายในเดือนแรก รถไฟดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเดินทางครั้งใหม่สำหรับความร่วมมือระหว่างจีน-ลาว เนื่องจากทำให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งนี้กำลังมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางบก ส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น และจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศในท้ายที่สุด ซึ่งจะสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่สปป.ลาวกว่าร้อยละ 21 ในระยะยาว

ที่มา : http://en.people.cn/n3/2022/0105/c90000-9940963.html

ยอดขายที่ดินเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา คาดลดลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เหตุพึ่ง FDI เป็นหลัก

การขายที่ดินในเขตอุตสาหกรรมขึ้นอยู่กับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เป็นหลัก และการขายที่ดินในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา (SEZ) คาดว่าจะลดน้อยลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า บริษัท ติละวา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด คาดว่าปีนี้จะเป็นช่วงที่ท้าทายที่สุดและความสำเร็จของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชย์ อาจขึ้นอยู่กับการลงทุนภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแผนก่อนหน้านี้ในการขยายร้านค้าและแหล่งช้อปปิ้งถูกเลื่อนออกไป เพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19 และปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://news-eleven.com/article/223258

เวียดนาม’ เผยปี 64 บริษัทปิดกิจการ 120,000 ราย เหตุพิษโควิด

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าผู้ประกอบการประกาศเลิกกิจการในปี 64 จำนวน 119,800 ราย เพิ่มขึ้น 17.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลกระทบทางลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดจนมาตรการล็อกดาวน์ที่เข็มงวดและมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่ยือเยื้อ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ซึ่งในกลุ่มบริษัทที่ประกาศเลิกกิจการนั้น พบว่าจำนวนผู้ประกอบการปิดกิจการชั่วคราวราว 55,000 ราย เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบปีต่อปี ในขณะที่จำนวนผู้ประกอบการหยุดดำเนินกิจการระหว่างรอขั้นตอนการปิดกิจการ 48,100 ราย เพิ่มขึ้น 27.8% โดยเฉลี่ยแล้ว จำนวนธุรกิจประกาศเลิกกิจการกว่า 10,000 แห่งต่อเดือน เหตุจากไม่สามารถเอาตัวรอดในยุคโควิด-19

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1111515/nealy-120000-firms-leave-market-in-2021-due-to-covid-19-pandemic.html

สมาคมผู้ค้าปลีกวอนรัฐคุมโอมิครอนให้อยู่หมัด เร่งมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ปัจจุบันโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกำลังระบาดทั่วโลก ซึ่งจากการศึกษาเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโอมิครอนพบว่า โอกาสของการติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้รวดเร็วกว่าโควิดสายพันธุ์อื่นๆ โดยไทยเองก็ได้มีการแพร่กระจายไปยัง 47 จังหวัดทั่วประเทศไทย ดังนั้นการทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อของโอมิครอนลดลง เราต้องใช้ระบบป้องกันแบบปูพรม หรือ Innate Immunity เพิ่มความช่วยเหลือให้ SMEs ไทยมีสภาพคล่อง และการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมมือกับภาครัฐชู 5 แนวทางปฏิบัติพลิกฟื้นเศรษฐกิจ 1. สนับสนุนพื้นที่จุดฉีดวัคซีนทั่วประเทศ 2. ยกระดับมาตรฐานสาธารณสุข 3. ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยเร่งผลักดันให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน ดอกเบี้ยต่ำ ผ่านแฟลตฟอร์ม Digital Supplychain Finance 4. ตรึงราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค 5. เร่งการลงทุนในประเทศ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/economics

/2279500

รถไฟจีน-ลาว เปิดดำเนินการได้ 1 เดือน เป็นที่เรียบร้อย

การรถไฟจีน-สปป.ลาว ซึ่งเปิดให้สัญจรไปเมื่อเดือนที่แล้ว รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 670,000 คนและสินค้า 170,000 ตัน ทางด้านจีนในแต่ละวันมีจำนวนผู้โดยสารต่อวันได้เพิ่มขึ้นจากประมาณ 19,000 เป็นประมาณ 33,000 มีผู้โดยสารทั้งหมด 620,000 เดินทางในส่วนของจีนในเส้นทางเดียว รถไฟจีน-ลาวได้ให้บริการรถไฟบรรทุกสินค้า 380 ขบวน รวมถึงรถไฟขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ 70 ขบวน ซึ่งขนส่งสินค้าประมาณ 50,000 ตัน สินค้าที่ขนส่งทางรางรถไฟ ได้แก่ ยาง ปุ๋ย และของใช้ในชีวิตประจำวัน อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์จากเซลล์แสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ด้านการสื่อสาร รถยนต์ สิ่งทอ ผัก และดอกไม้ รถไฟจีน-ลาวเชื่อมต่อคุนหมิงในมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนกับเวียงจันทน์เมืองหลวงของลาว เป็นรถไฟต่างประเทศแห่งแรกที่ทั้งสองประเทศร่วมกันสร้างและดำเนินการ โดยทางรถไฟมีระยะทาง 1,035 กม. ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของความร่วมมือหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง คุณภาพสูง รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติสปป.ลาวที่จะนำพาตัวเองไปสู่ศูนย์กลางการขนส่งอาเซียนและปรับเปลี่ยนตัวเองจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลสู่การเชื่อมต่อการขนส่งระดับภูมิภาค
ที่มา : http://en.people.cn/n3/2022/0104/c90000-9940332.html

กัมพูชาส่งออกข้าวไปยังจีนแตะ 3 แสนตัน ในช่วงปี 2021

กัมพูชาส่งออกข้าวสารปริมาณกว่า 306,222 ตัน ไปยังประเทศจีนในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 22.8 จากจำนวน 249,322 ตันในปีก่อนหน้า รายงานโดยสำนักข่าวซินหัว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ในภาคการค้าข้าวระหว่างทั้งสองประเทศ ตามคำกล่าวของ China Certification & Inspection Group (CCIC) ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากประเทศจีน ทั้งทางด้านการผลิตและแปรรูปข้าวของกัมพูชา ร่วมกับข้อตกลงการค้าเสรีจีน-กัมพูชา (CCFTA) และข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา
ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50999300/for-1st-time-2021-rice-export-to-china-breach-300000-tons/

ราคาถั่วลิสงในตลาดมัณฑะเลย์ พุ่ง 140,000 จัตต่อถุง

ในช่วงต้นปี 2565 ราคาขายถั่วลิสงในตลาดมัณฑะเลย์ดีกว่าปีก่อนๆ อยู่ที่ 140,000 จัตต่อถุงในช่วงสามสัปดาห์ อย่างมีนัยสำคัญ โดยช่วงต้นปี 2564 ราคาถั่วลิสงถุงใหม่อยู่ที่ 105,000 จัต ขณะที่ราคาในสัปดาห์แรกของเดือนม.ค.65 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 140,000 จัตต่อถุง ตลาดส่งออกหลักคืออินเดีย และจีน คาดว่าผลผลิตในปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ดีและศัตรูพืชที่น้อยลง ทั้งนี้ไม่สามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่มีฝนตกและเขตร้อน แต่เหมาะกับสภาพอากาศค่อนข้างอบอุ่น เริ่มจากต้นน้ำจนถึงเขตพะโม แม่น้ำชินวินตอนบน โดยการเพาะปลูกส่วนใหญ่ในเมืองกะเล่วะ เมืองพะโม และเมืองปะโคะกู
ที่มา: https://news-eleven.com/article/223193