รัฐบาลสปป.ลาวตรวจสอบการกักกันตนเองอย่างใกล้ชิดของผู้คนที่เดินทางเข้าประเทศ

รัฐบาลสปป.ลาวยังคงดำเนินมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการกักกันตัวเองของผู้คนที่เข้ามาในประเทศลาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานที่กลับมาเพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นที่สองของ Covid-19 (coronavirus) เกิดขึ้น คนที่เข้าประเทศจะถูกส่งไปยังศูนย์กักกันเป็นเวลา 14 วันและต้องตรวจสอบอุณหภูมิของแต่ละคนที่เดินทางเข้าประเทศ คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการป้องกันและควบคุม Covid-19 ประกาศว่ามีการเฝ้าระวังประชาชน 2,985 คนในศูนย์ที่พัก 89 แห่งทั่วประเทศ และยังกระตุ้นให้ประชาชนยังคงตื่นตัวและดำเนินมาตรการป้องกันเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสแม้ในขณะที่ประเทศรายงานว่าไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ของ Covid-19 เป็นเวลา 77 วัน

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/06/28/laos-govt-closely-monitoring-self-quarantine-of-people-entering-country

นายกรัฐมนตรีร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 รับรองปฏิญญาพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 เช้านี้ 26 มิ.ย. และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ เพื่อขับเคลื่อนให้ประชาคมอาเซียนมีความเข้มแข็ง และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือกับโรคโควิด-19 และเตรียมการฟื้นฟูอาเซียนหลังสถานการณ์คลี่คลาย โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ผ่านระบบการประชุมทางไกลจากทำเนียบรัฐบาลด้วย สำหรับเอกสารผลลัพธ์ที่สำคัญจากการประชุม ซึ่งผู้นำอาเซียนจะรับรองมี 2 ฉบับ คือ 1. วิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยอาเซียนที่แน่นแฟ้นและตอบสนอง : ก้าวข้ามความท้าทายและเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่เน้นความแน่นแฟ้นของอาเซียนในทุกมิติ เสริมสร้างขีดความสามารถของกลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่ เพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาส เช่น ภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบใหม่ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และผลกระทบจากโรคโควิด-19 เป็นต้น 2. ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน เป็นเอกสารที่แสดงเจตจำนงทางการเมืองของประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพและสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโลก เช่น สนับสนุนให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต พัฒนาระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาฐานข้อมูลด้านตลาดแรงงาน การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการพัฒนาทักษะแรงงาน เป็นต้น

ที่มา:https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/886773?utm_source=category&utm_medium=internal_referral

“เวียดนามแอร์ไลน์” เปิด 4 เส้นทางบินใหม่จากเมืองเกิ่นเทอ

เวียดนามแอร์ไลน์ (Vietnam Airlines) เปิดตัว 4 เส้นทางบินใหม่จากเมืองเกิ่นเทอในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ถึงเมืองไฮฟอง (Hai Phong), วินห์ (Vinh), บวนมาถวต (Buon Ma Thuot) และดาลัด (Da Lat) ซึ่งจากงานสัมมนาเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. หารือเกี่ยวกับวิธีส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ โดยรองประธานคณะกรรมการประชาชนเกิ่นเทอ กล่าวว่าเส้นทางการบินใหม่ดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยว จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ รองผู้อำนวยการเวียดนามแอร์ไลน์ กล่าวเสริมว่าเส้นทางการบินใหม่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นอกจากนี้ เส้นทางการบินใหม่ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง อาทิ ตลาดน้ำ “Cai Rang”, อุทยานแห่งชาติ “Tram Chim” และหมู่บ้านดอกไม้ เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/748711/vietnam-airlines-unveils-4-new-air-routes-from-can-tho.html

เวียดนามเผยการเดินทางทางอากาศในประเทศจะฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบ หลังหมดโควิด-19

สนามบินโหน่ยบ่าย (Noi Bai International Airport) ระบุว่าการเดินทางในประเทศเริ่มฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อเทียบกับก่อนที่จะเกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เนื่องจากมีความต้องการเดินทางเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแรงกระตุ้นของรัฐบาลและสายการบิน ซึ่งสนามบินดังกล่าวเป็นศูนย์กลางในการขนส่งที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของเวียดนาม ปัจจุบันสามารถรองรับเที่ยวบินประมาณ 400-450 เที่ยวบินต่อวันและรองรับผู้โดยสารเฉลี่ยมากกว่า 60,000 คนต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินในประเทศ ทั้งนี้ ทางตัวแทนของสนามบิน กล่าวว่าจำนวนผู้โดยสารพุ่งสูงขึ้น ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ด้วยเหตุนี้ สนามบินโหน่ยบ่าย จึงต้องดำเนินมาตรการหลายอย่าง ได้แก่ การปรับโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก การติดตั้งเคาร์เตอร์เช็คอินเพิ่มมากขึ้น รวมถึงช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสาร

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/748703/domestic-air-travel-sees-full-recovery-post-covid-19.html

เมียนมาลงทุนด้านการดูแลสุขภาพเกษตรและอุตสาหกรรม

เมียนมาให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการดูแลสุขภาพ การเกษตร ปศุสัตว์และการประมง และเขตอุตสาหกรรมหลังจากที่ได้รับ COVID-19 โดยมีการจัดลำดับความสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนในทั้งสามกลุ่มหลังจากได้รับ COVID-19 ในปีนี้ในด้านการดูแลสุขภาพ เช่น ธุรกิจที่ผลิตหน้ากากอนามัย อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล และเจลล้างมือแต่ต้องได้รับการอนุมัติก่อน การพัฒนาระบบฟาร์มเนื้อสัตว์และการประมงเพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านอาหาร การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในภาคการประมงและการเกษตรประกอบคิดเป็น 1%และ 0.5% ของการลงทุนทั้งหมดในประเทศ การลงทุนจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นและลดค่าใช้จ่ายทางและความเจ็บป่วยจากการว่างงาน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีมูลค่ารวม 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐจนถึงวันที่ 23 มิถุนายนในปีงบประมาณปัจจุบันลดลง 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากเป้าหมายของคณะกรรมการการลงทุนของเมียนมา (MIC) ในช่วงปีงบประมาณก่อนหน้าได้อนุมัติการลงทุน 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามธุรกิจที่ได้รับอนุญาตมีทั้งหมด 189 ธุรกิจ ส่งผลให้มีการสร้างงานใหม่ 8,700 ตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงธุรกิจ 14 แห่งที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งร้านค้าหรือขยายกิจการในประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีรายได้เกือบ 200 ล้านในเมืองหลวงและสร้างงานมากกว่า 2,500 ตำแหน่ง จนถึงตอนนี้มีนักลงทุนจากสิงคโปร์ จีน และไทยได้ลงทุนมากที่สุด ปัจจุบันมี 51 ประเทศที่ลงทุนใน 12 สาขา – ไฟฟ้า 26.6% , 26% ในธุรกิจน้ำมันและก๊าซและ 14       % ในการภาคผลิต

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-lure-investments-healthcare-agri-and-industry.html

ไทยพยายามเรียกคืนแรงงานพม่ากลับเข้าประเทศ

ประเทศไทยกำลังเตรียมต้อนรับแรงงานอพยพชาวเมียนมาที่ออกประเทศภายหลังจากตกงานเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 สหพันธ์นายจ้างจัดหางานต่างประเทศเมียนมากล่าวว่ารัฐบาลไทย เมียนมาและบริษัทจัดหางานกำลังเจรจาเรื่องการดูแลสุขภาพสำหรับแรงงาน ภายใต้ข้อบังคับของไทยชาวต่างชาติต้องมีประกันสุขภาพอย่างน้อย 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (K138.1 ล้านบาท) เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษา COVID-19 แรงงานต้องถูกกักกันเป็นเวลา 14 วันด้วยโดยแรงงานต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 ถึงมีนาคม 2563 เมียนมาส่งออกแรงงานประมาณ 100,000 คนมายัง ไทย มาเลเซีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จากข้อมูลของรัฐบาล ณ วันที่ 21 มิถุนายน มีแรงงานกว่า 71,000 คนกลับจากไทย ชาวเมียนมากว่า 4 ล้านคนที่ทำงานในต่างประเทศโดยส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย เมื่อปีที่แล้วมีแรงงานกว่า 305,000 คนออกจากประเทศเพื่อทำงานและมีแรงงานที่ทำงานในประเทศ 2.3 ล้านคน แรงงานเมียนมาส่งเงินกลับประเทศประมาณ 910 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561 หรือคิดเป็นประมาณ 1.06% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/thailand-seeks-return-myanmar-workforce.html

สปป.ลาวสนับสนุนแผนอาเซียนด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

สปป.ลาวได้ให้การสนับสนุนแผนของอาเซียนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผ่านการจัดกิจกรรมร่วมกันซึ่งจะส่งผลประโยชน์มากขึ้นแก่ประชาชนชาวอาเซียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว แสดงการสนับสนุนของสปป.ลาวสำหรับแผนอาเซียน ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASCC) ครั้งที่ 23 สปป.ลาว โดยกล่าวว่าสนับสนุนปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อการเปลี่ยนแปลงโลกแห่งการทำงาน เชื่อว่าการประกาศนี้จะให้โอกาสสำหรับอาเซียนในการแบ่งปันผลประโยชน์และนำผลประโยชน์มาให้กับประชาชนชาวอาเซียนมากขึ้นเขาแสดงความมั่นใจว่าผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือนี้โดยเฉพาะในด้านแรงงานและการศึกษาผ่ านการจัดกิจกรรมร่วมกันและการจัดทำแผนงานหรือแผนงาน และยังได้เน้นถึงความสำเร็จของประเทศในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของCovid-19 แต่กล่าวว่ารัฐบาลและประชาชนยังตระหนักในดำเนินการตามคำสั่งและมาตรการที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดต่อไปเพื่อป้องกันความเป็นไปได้ที่ไวรัสจะเป็นคลื่นลูกที่ 2

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/06/25/laos-backs-asean-plan-on-human-resource-development

นักลงทุนเรียกร้องรัฐบาลปรับปรุงการอนุมัติการลงทุน

ปัจจุบันการลงทุนในสปป.ลาว มีขั้นตอนที่ซับซ้อนและหลายขั้นตอนในการขออนุมัติจากหน่วยงานต่างๆ หากนักลงทุนได้รับการอนุมัติจากที่หนึ่งก็ไม่ได้หมายความว่านักลงทุนจะสามารถดำเนินการได้เลย จากขั้นตอนที่ลำบากนี้ทำให้ธนาคารโลกจัดอันดับสปป.ลาวให้อยู่ที่ 154 ของโลกในด้านความสะดวกในการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันของสปป.ลาว ในการประชุมรัฐสภาครั้งที่ 8 ของสมัชชาแห่งชาติซึ่งกลุ่มสมาชิกสมัชชาขอให้รัฐบาลปรับปรุงการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (One-stop service) หลังจากที่ผ่านมานักลงทุนสปป.ลาวยังต้องขออนุมัติจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยดร. Sonexay รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุนได้ให้ความเห็นในที่ประชุมว่า“ สิ่งที่เราต้องการบรรลุคือการให้ความเห็นชอบในที่เดียว แต่ในทางปฏิบัติเรายังไม่สามารถทำได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงแต่ละสายที่รับผิดชอบด้านการลงทุนเสมอ” อย่างไรก็ตามรัฐบาลสปป.ลาวให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงด้านการอนุมัติต่างๆให้ดีขึ้นเพื่อเป็นปัจจัยสนับสนุนให้มีการลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น  

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_One_stop_122.php