กระทรวงปรับราคาเนื้อหมูท่ามกลางราคาตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้น

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์จะกำหนดราคาใหม่อย่างเป็นทางการสำหรับเนื้อหมูที่ขายทั่วประเทศหลังจากผู้ขายไม่สามารถขายในราคาที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 36,000 kip ต่อกิโลกรัม โดยสาเหตุที่เนื้อหมูแพงเนื่องจากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีหมูจำนวนมากเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส สิ่งนี้ทำให้เกิดการขาดแคลนหมูซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาเนื้อหมูพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการที่ราคาเนื้อปรับตัสสูงขึ้นส่งผลโดยตรงต่อผู้บริโภคเพราะพึ่งพาเนื้อหมูเป็นวัตถุดิบหลักทุกวัน รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆก็ต้องปรับราคาอาหารขึ้นทำให้ยอดลูกค้ามีน้อยลงไปจากเดิม อย่างไรก็ดีรัฐบาลจะทำการทบทวนการกำหนดราคาเนื้อหมูใหม่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อผู้บริโภคและผู้ค้า

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/ministry-adjust-cost-pork-amid-escalating-market-price-112283

ไทยมอบเงิน 1.38 พันล้านบาทให้กับลาวเพื่อสร้างสะพานใหม่

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 63ได้มีการลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนสำหรับส้รางสะพานข้ามแม่น้ำโขงซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.38 พันล้านบาท โดยจะเชื่อมระหว่างจังหวัดบึงกาฬในประเทศไทยและปากซันในแขวงบอลิคำไซ การลงนามดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากทั้ง 2 ประเทศเล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคเพื่อช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยเชื่อว่าสะพานนี้จะเป็นเส้นทางเชื่อมโยงการคมนาคมที่สำคัญและช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างสปป.ลาวไทยและเวียดนามในอนาคตจะนำมาซึ่งการเติบด้านการค้า การท่องเที่ยวส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นดังกล่าวและในอีกแง่หนึ่งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกด้วย  

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/thailand-provides-138-billion-baht-laos-construction-new-bridge-112282

นายกฮุนเซนต้องการให้นักธุรกิจเวียดนามส่งเสริมภาคการแปรรูปอาหารในกัมพูชา

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าวในระหว่างการเฉลิมฉลองวันปีใหม่เวียดนาม 2020 ได้เรียกร้องให้มีการลงทุนเพิ่มเติมในภาคการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรในกัมพูชาจากนักลงทุนชาวเวียดนามและนักธุรกิจทั่วโลกเนื่องจากกัมพูชายังคงขาดแคลน โดยเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทั้งชาวกัมพูชาและนักธุรกิจเวียดนามในกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาส่งออกวัตถุดิบส่วนใหญ่ไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะเวียดนาม ดังนั้นหากมีการลงทุนในโรงงานแปรรูปมากขึ้นก็จะช่วยสร้างงานให้กับผู้คนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยการค้าระดับทวิภาคีระหว่างกัมพูชากับเวียดนามในปี 2561 มีมูลค่าอยู่ที่ 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นประมาณ 24% เมื่อเทียบกับปี 2560 และในปี 2562 การค้าทวิภาคีของทั้งสองประเทศอยู่ที่ 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งกิจกรรมการลงทุนของผู้ประกอบการเวียดนามในกัมพูชาไม่เพียง แต่ประสบความสำเร็จสำหรับธุรกิจเวียดนามเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงทางสังคมของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50681330/pm-wants-boost-for-food-processing

การประชุมเชิงปฏิบัติในการทำ IPO ของ Acleda Bank กำลังได้รับความนิยม

การสัมมนาของ Acleda Bank เพื่อส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับแผนการที่จะเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในกัมพูชา เพื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ดึงดูดผู้เข้าร่วมกว่า 600 คน โดย Acleda Bank กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งแรกหลังการประชุมรอบสุดท้าย ซึ่งการสัมมนาพูดถึงคำแนะนำเกี่ยวกับความเสี่ยงความท้าทายผลประโยชน์และข้อมูลเพื่อให้ผู้ที่ต้องการลงทุนทำการวิเคราะห์ได้ด้วยตนเอง โดยจุดเริ่มต้นของ Acleda Bank ในฐานะองค์กรพัฒนาภาคเอกชนเมื่อ 27 ปีที่แล้วการลงทุนครั้งแรกของ Acleda มีมูลค่าอยู่ที่ 600,000 เหรียญสหรัฐและได้เพิ่มขึ้นเป็นสินทรัพย์รวมทั้งหมดประมาณ 900 ล้านเหรียญ ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีผู้ถือหุ้นของบริษัทหกราย โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CSX คาดว่า Acleda จะสามารถทำการซื้อขายในตลาดหุ้นได้ทันทีในเดือนเมษายน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาถึงหกเดือนกว่าที่บริษัทจะได้รับการอนุมัติในหลักการจาก CSX ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมและการเตรียมพร้อมในการเข้าจดทะเบียน โดยหวังว่า Acleda จะใช้เวลาน้อยกว่านั้นเพราะพวกเขาได้เตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50681329/acleda-bank-ipo-workshops-prove-popular

ชาวเกษตรกรจังหวัดจ่าวิญ เก็บปูทะเลเพื่อช่วงเทศกาลเต็ตและกำไรเพิ่มสูงขึ้น

ชาวเกษตรกรในลุ่มแม่น้ำโขงของจังหวัดจ่าวิญ (Tỉnh Trà Vinh) กำลังเข้าสู่การเก็บเกี่ยวปูทะเลในช่วงเทศกาลเต็ต (ปีแห่งจันทรคติ) และจะได้กำไรสูงถึง 1,300-1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อเฮกตาร์ เนื่องจากความต้องการเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเทศกาลจะมาถึงตรงกับวันที่ 25 มกราคม โดยชาวเกษตรกรในจังหวัดดังกล่าวเป็นหนึ่งในผู้เพาะพันธ์ปูทะเลรายใหญ่ที่สุดของบริเวณปากแม่น้ำโขง ซึ่งแหล่งเพาะพันธ์ส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณชายฝั่ง Cau Ngang, Duyen Hai และ Chau Thanh และเมือง Duyen Hai เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเพาะพันธ์ปูแห่งหนึ่ง ระบุว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงปูส่วนใหญ่ได้กำไรสูงในปีที่แล้ว เนื่องจากราคาปรับตัวสูงขึ้น และราคารับซื้อจะอยู่ที่ 6.5–14 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม รวมไปถึงราคาของปูทะเลมีเสถียรภาพมากกว่ากุ้งกุลาดำและกุ้งขาขาว นอกจากนี้ กรมการเกษตรและพัฒนาชนบทในจังหวัดได้ส่งเสริมชาวเกษตรกรบริเวณชายฝั่งให้เพาะพันธ์ปูทะเล และการหมุนเวียนของปูทะเลและกุ้งที่อยู่ในบ่อน้ำเดียวกันเพื่อลดความสูญเสีย รวมไปถึงการให้ความรู้ในการพัฒนาฟาร์มขั้นสูงและวิธีการที่เหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/tra-vinh-farmers-harvest-mud-crab-for-tet-earn-high-profit/167541.vnp

ราคาผักผลไม้และเนื้อหมู มีแนวโน้มลดลง

รองผู้อำนวยการกรมอุตสาหกรรมและการค้านครโฮจิมินห์ได้นำคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อวานที่ผ่านมา ร่วมกับคณะกรรมการบริหารและเจ้าของร้านค้าในเขตหวุงเต่า (Thu Duc) และตลาดค้าส่งเขตฮ้อกโมน (Hoc Mon) โดยจากการรายงานการประชุมของบริษัทเทรดดิ้งและสำนักงานตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรกรรม ระบุว่าผู้ประกอบการร้านค้าได้ลงนามข้อตกลงสัญญากับผู้ผลิตอุตสาหกรรมและธุรกิจครัวเรือน เพื่อให้เก็บตุนสินค้าในช่วงวันหยุดเทศกาล (เต็ด) ซึ่งในวันที่ 24 ปริมาณสินค้าเฉลี่ยอยู่ที่ราว 4,600 ตัน และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 6,500 ตันต่อวันก่อนที่จะถึงชวงเทศกาลเต็ต ทั้งนี้ รองผู้อำนวยการบริษัทตลาดค้าส่ง ระบุว่าราคาของผักบางชนิดมีแนวโน้มลดลงก่อนที่จะถึงเทศกาล ขณะที่ ราคาดอกไม้สดคาดว่าอยู่ในระดับเสถียรภาพ นอกจากนี้ ราคาหมูอยู่ที่ 83,000 ดองต่อกิโลกรัม ขณะที่ ราคาเนื้อหมูลดลงอยู่ที่ประมาณ 95,000 –100,000 ดองต่อกิโลกรัม

18 ล้านคน นับว่าเป็นตัวเลขทางสถิติส

ที่มา : https://sggpnews.org.vn/business/prices-of-fruits-vegetables-and-pork-tend-to-reduce-85310.html

บริษัทฮ่องกงลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าในเจาะพยู มูลค่ากว่า 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของคณะกรรมการการลงทุนและกำกับดูแลบริษัท (DICA)  บริษัท CNTIC VPower KY3 Limited จากฮ่องกงวางแผนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนและผลิตเชื้อเพลิงด้วยเงินลงทุน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐในจาะพยูเพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 658,800,000 กิโลวัตต์/ชั่วโมง คณะกรรมการการลงทุนแห่งเมียนมา (MIC) อนุญาตการลงทุนด้วยสี่ข้อเสนอและการลงทุนใน 17 รายการมูลค่า 310.451 ล้านดอลลาร์สหรัฐและสามารถสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นได้ถึง 10,102 คน MIC อนุมัติการลงทุนจากต่างประเทศมูลค่า 1,546.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ 716.451 พันล้านจัตรวมถึงการลงทุนในท้องถิ่น 128.4 ล้านเหรียญสหรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 10 มกราคมในปี 62-63  ทั้งนี้กระทรวงที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาการลงทุนภาคเหมืองในปี 63 จากข้อมูลของ DCA พบว่าจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 62 มีการลงทุนในภาคเหมืองแร่มากกว่า 2.904 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/hong-kong-company-invests-us172-m-to-build-a-power-station-in-kyaukphyu

CSOs ร้องให้รัฐบาลเมียนมาระงับสัญญาโครงการท่าเรือน้ำลึกจ่าวผิว

กลุ่มเฝ้าระวังเขตเศรษฐกิจพิเศษจ่าวผิว ซึ่งเป็นพันธมิตร 18 องค์กรภาคประชาสังคม (CSOs) ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 16 มกราคมเรียกร้องให้มีการระงับแผนการลงนามข้อตกลงในการดำเนินการโครงการท่าเรือน้ำลึกจ่าวผิว ในเมืองจ่าวผิว รัฐยะไข่ ในความขัดแย้งทางอาวุธที่ดำเนินอยู่ในรัฐยะไข่มีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 100,000 คน รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขข้อพิพาทเรื่องที่ดินในโครงการวางท่อส่งน้ำมันและก๊าซที่เริ่มในปี 53 พบว่ารัฐบาลไม่เห็นถึงสิทธิของคนในท้องถิ่น ซึ่งควรทำการประเมินสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ (SEA) และไม่มีการเปิดเผยข้อมูลกับชาวบ้าน นอกจากนี้ควรมีการเตรียมการเพื่อรับรู้ถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสร้างงานทดแทนที่เพียงพอเมื่อมีการลงนามข้อตกลง และยังเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการขายป่าชายเลนและที่ดินอีกครั้ง

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/csos-demand-suspension-of-contract-signing-for-kyaukphyu-deep-seaport-project

สื่อมะกันชูไทยประเทศดีสุดในโลกอันดับที่26-เด่นเรื่องเปิดกว้างธุรกิจ

ไทยได้คะเเนนสูงด้าน การเปิดกว้างทางธุรกิจ ประเทศที่เหมาะกับการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ โอกาสในอนาคตที่ดีขึ้น และมรดกทางวัฒรธรรม แต่ได้คะเเนนน้อยด้านอำนาจของประเทศในเวทีโลก และสถานะการเป็นพลเมือง ยูเอส นิวส์แอนด์เวิลด์ รีพอร์ท สื่อสหรัฐ เผยแพร่รายงานจัดอันดับประเทศที่ดีที่สุดในโลก73 ประเทศประจำปี 2563 ที่พิจารณาจากข้อมูลหลายด้าน ตั้งแต่คุณภาพชีวิต การเคารพสิทธิมนุษยชน และมรดกทางวัฒนธรรมผ่านการสอบถามความเห็นของประชาชนทั่วโลกจำนวน 20,000 คน ซึ่งเเบ่งเป็นกลุ่มผู้มีความรู้ นักธุรกิจและประชาชนทั่วไป ให้ สวิตเซอร์แลนด์ เป็นประเทศดีที่สุดอันดับหนึ่งต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ตามมาด้วยแคนาดา ญี่ปุ่น เยอรมนี ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร สหรัฐ สวีเดน เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ ส่วนประเทศไทย ติดอันดับที่ 26 รัสเซีย อยู่อันดับที่ 23 อินเดีย อันดับที่ 25 และกรีซ ในอันดับที่ 27 ส่วนประเทศอื่นๆมีฝรั่งเศสอยู่อันดับที่ 12 นิวซีแลนด์อันดับที่ 11 จีนและสิงคโปร์ติดอันดับที่ 15 และ 16 ตามลำดับ ขณะที่เกาหลีใต้ อยู่อันดับที่ 20 สำหรับประเทศที่รั้งท้ายในการจัดอันดับครั้งนี้ คือโอมาน อยู่อันดับที่ 71 เซอร์เบีย อยู่อันดับที่ 72 และเลบานอนอยู่อันดับที่ 73

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/862641?utm_source=homepage_hilight&utm_medium=internal_referral