EXIM BANK ปล่อยกู้ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป. ลาว

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (บีซีพีจี) ร่วมลงนามกับ ดร.จื้อกัง หลี่ ประธานกรรมการ ธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) ในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว นอกจากนี้ยังร่วมลงนามกับนายมานาบุ อิโนอุเอะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (ไทย) (SMTBT) ในสัญญาสนับสนุนทางการเงินจำนวน 6,465.07 ล้านเยน (ประมาณ 1,900 ล้านบาท) ให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ชิบะ 1 (Chiba 1) ในประเทศญี่ปุ่น ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 ซึ่งความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK กับ บีซีพีจี ซึ่งเป็นผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพเข้าไปลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานทดแทนเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืน โดยมี ไอซีบีซี (ไทย) และ ไอซีบีซี เวียงจันทน์ ร่วมให้การสนับสนุนทางการเงินจำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่บริษัท บีซีพีจี อินโดไชน่า จำกัด สำหรับลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ Nam San 3B ใน สปป. ลาว กำลังการผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือภายใต้บันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐบาลของเวียดนาม และ สปป.ลาว ในการก่อสร้างสายส่งเชื่อมต่อชายแดนของทั้งสองประเทศ เพื่อขายไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ไปยังประเทศเวียดนาม

ที่มา : https://www.posttoday.com/finance-stock/news/628866

เวียดนามปิดเส้นทางการบินของสายการบินใหม่ในปัจจุบัน

จากรายงานของหน่วยงานภาครัฐ เผยว่านาย Trinh Dinh Dung รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามเห็นด้วยกับข้อปฏิบัติในการระงับเที่ยวบินชั่วคราวตามที่กระทรวงคมนาคมยื่นข้อเสนอไปในช่วงกลางเดือนพ.ค. ซึ่งเหตุผลของข้อเสนอดังกล่าว เพื่อหาทางออกของบริษัทการบินในประเทศที่เผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี สำหรับการฟื้นตัวของตลาดการบินภายในปี 2562 อีกทั้ง ทางกระทรวงฯ คาดว่าอุตสาหกรรมการบินของเวียดนามจะรองรับจำนวนผู้โดยสาร 42.7 ล้านคนในปีนี้ ลดลงร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่ ผู้ให้บริการสายการบินคาดว่าจะรองรับจำนวนผู้โดยสาร 32.6 ล้านคน ลดลงร้อยละ 40 นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้ว สนามบินเวียดนามรองรับจำนวนผู้โดยสารประมาณ 116 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์กับสายการบินเวียดเจ็ทแอร์ เป็นผู้ครองตลาดการบินเวียดนามรายใหญ่ที่สุด

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-closes-skies-to-new-airlines-for-now-416334.vov

จัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำสำหรับนักธุรกิจชาวเกาหลีใต้เดินทางไปยังเวียดนาม

จากรายงานของสำนักข่าว Yonhap News Agency เปิดเผยว่าสาธารณรัฐเกาหลีหรือเกาหลีใต้ (Republic of Korea : ROK) มีแผนที่จะส่งนักธุรกิจจำนวนมากไปยังเวียดนามและจีนผ่านเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ซึ่งแผนการดังกล่าวมาจากกระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและพลังงานที่จะนำนักธุรกิจจำนวน 240 คน จากบริษัท 240 แห่ง เดินทางไปยังเวียดนามผ่านเที่ยวบินเช่าเหมาลำภายในวันที่ 22 ก.ค. หลังจากการจราจรทางอากาศทั่วโลกระงับเป็นเวลานาน ยิ่งกว่านั้น เกาหลีใต้ยังมีแผนที่จะส่งคนงานจำนวน 1,500 ไปยังเวียดนามในเดือนสิ.ค. ทั้งนี้ หลังจากที่นักธุรกิจเดินทางถึงจุดมุ่งหมายแล้ว ต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนจะได้รับอนุญาตเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางสุดท้าย ขณะที่ เกาหลีใต้ยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับพาร์ทเนอร์รายใหญ่ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางการค้า ท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัส

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/chartered-flights-to-bring-businessmen-into-vietnam-from-rok-416340.vov

บริษัทจากเวียดนามลงทุนในกัมพูชาประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์

ผู้ประกอบการเวียดนามลงทุนประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์ ในกัมพูชา ซึ่งเป็นอันดับสามรองจากลาว โดยได้รับเงินลงทุนมากที่สุดจากผู้ประกอบการเวียดนามที่มีทุนจดทะเบียนเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์ จาก 208 โครงการ ตามด้วยรัสเซียได้รับเงินลงทุนประมาณ 2.8 พันล้านดอลลาร์ ตามด้วยกัมพูชาและเวเนซุเอลาประมาณ 1.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วนักธุรกิจเวียดนามมีการลงทุนราว 21 พันล้านดอลลาร์ในโครงการต่างประเทศมากกว่า 1,300 โครงการ โดยมีกำไรจากการโอนกลับมายังประเทศเวียดนามถึง 3 พันล้านดอลลาร์ ตามรายงานของกระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม ซึ่งในโครงการดังกล่าวมีโครงการที่สำคัญหลายโครงการ เช่นโครงการเครือข่ายโทรคมนาคมของ Viettel ในกัมพูชามูลค่า 22.1 ล้านดอลลาร์ โดย Metfone ของ Viettel มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 50 ครอบคลุมเครือข่ายกว่าร้อยละ 99 และมีผู้ใช้บริการมากกว่า 10 ล้านรายซึ่งอยู่ใน 3 อันดับแรกของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50746400/vietnamese-enterprises-invest-approximately-2-7-billion-in-cambodia/

บริษัทญี่ปุ่น 15 ราย ย้ายสายการผลิตจากจีนไปยังเวียดนาม

“เวียดนามคาดว่าจะดึงดูดการลงทุนจากบริษัทญี่ปุ่น 15 แห่งที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อย้ายฐานการผลิตออกจากจีนและทำให้ห่วงโซ่อุปทานเกิดความหลากหลาย” กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) เปิดเผยรายชื่อบริษัท 87 แห่งที่ได้รับเงินทุน 70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อดำเนินโครงการ ตามรายงานของสำนักข่าว Nikkei Asian Review ทั้งนี้ มีบริษัท 30 แห่งที่ย้ายฐานการผลิตไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว รวมทั้งเวียดนามและสปป.ลาว ขณะที่ อีก 57 แห่งมึจุดหมายอยู่ที่ญี่ปุ่น โดยเป้าหมายของการย้ายสายการผลิตดังกล่าว เพื่อที่จะลดการพึ่งพาการผลิตของญี่ปุ่นในจีน ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นจุดมุ่งหมายของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) หลังจากเวียดนามควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) และไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในระดับชุมชนนานกว่า 3 เดือน

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/15-japanese-firms-to-move-china-production-lines-to-vietnam-416280.vov

AIIB อนุมัติเงินกู้จำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่แบงก์พาณิชย์เวียดนาม

ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank: AIIB) เปิดเผยว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการของธนาคารได้อนุมัติเงินกู้จำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่ธนาคารพาณิชย์ Vietnam Prosperity Joint Stock Commercial Bank (VPBank) ของเวียดนาม เพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว เป็นการปล่อยกู้ร่วมกับบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) เพื่อช่วยให้ธนาคารขยายการให้สินเชื่อแก่ภาคเอกชน รวมถึงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทั้งนี้ คุณ D.J. Pandian รองประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติการลงทุนของ AIIB กล่าวว่าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมถือเป็นแกนหลักสำคัญของเศรษฐกิจและการอัดฉัดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามโดยรวม นอจากนี้ เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ธนาคารได้อนุมัติโครงการทั้งหมดจำนวน 16 โครงการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อที่จะช่วยเหลือสมาชิกธุรกิจ 12 รายที่ประสบกับช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/769808/aiib-approves-100-million-loan-to-vpbank.html

เกาหลีใต้ส่งออกไอศกรีมพุ่งไปเวียดนาม

จากรายงานของสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งประเทศเกาหลีในต่างประเทศ (KOTRA) เมื่อวันที่ 19 ก.ค. เปิดเผยว่าการส่งออกไอศกรีมไปเวียดนามของเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ในปี 2562 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกระแสนิยมวัฒนธรรมเกาหลีใต้ที่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปี 2562 มูลค่าส่งออกไอศกรีมไปเวียดนามอยู่ที่ 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อปีที่แล้ว เวียดนามนำเข้าไอศกรีมจากเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.6 ทั้งนี้ ทางฝั่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าการเติบโตดังกว่าว เป็นผลมาจากคลื่นวัฒนธรรมเกาหลี “ฮันรยู” ในแถบประเทศเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าบันเทิงและอาหาร รวมถึงเวียดนามเป็นแหล่งลงทุนสำหรับอุตสาหกรรมไอศกรีม เนื่องจากรายได้เฉลี่ยของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นจุดมุ่งหมายของการส่งออกไปต่างประเทศอันดับที่ 3 ของเกาหลีใต้ ในปี 2562 รองจากจีนและสหรัฐฯ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/korean-ice-cream-exports-to-vietnam-surge/178826.vnp

รายได้ของคนเวียดนามดิ่งลง 90% เหตุโควิด-19

การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้รายได้ของคนเวียดนามลดลงถึงร้อยละ 90 และต้องลดค่าใช้จ่ายลง ซึ่งจากผลสำรวจของอิปซอสส์ (Ipsos) จำนวนตัวอย่าง 500 ราย พบว่ารายได้ของคนเวียดนามลดลงกว่าร้อยละ 20 ส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานไร้ฝีมือ ขณะที่ ผู้ที่มีรายได้น้อย ร้อยละ 17 (ประมาณ 323 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน) กล่าวว่าครอบครัวของเขาต้องลดค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยว การกินอาหารนอกบ้าน เสื้อผ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่าง 2 ใน 3 คาดว่ารายได้อาจเพิ่มขึ้นในอนาคตอันเร็วๆนี้ เนื่องจากเวียดนามไม่พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อรายใหม่ในชุมชนนานกว่า 3 เดือน ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) แสดงให้เห็นว่าผู้คนตกงาน 31 ล้านคนหรือร้อยละ 57.3 ที่รายได้ปรับตัวลดลงจากโควิด-19 อีกทั้ง รายได้เฉลี่ยของคนเวียดนามลดลงร้อยละ 10.2 ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ อยู่ที่ 224 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/pandemic-lowers-incomes-of-90-of-vietnamese-416265.vov

ส่งออกข้าวไทยปี 63 เสี่ยงหล่นอันดับ 3 โลก

ผู้ส่งออกข้าวแนะ“ตลาดนำการผลิต” ไทยต้องเร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ สู้ศึก ระบุกว่าจะเพียงพอความต้องการของเกษตรกรต้องใช้เวลา 3-5 ปี ปี 63 ไทยเสี่ยงสูงหล่นอันดับ 3 ส่งออกข้าวโลก จากที่กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศจับมือขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” เป้าหมายเพื่อสร้างประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก และผลักดันประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารติด 1 ใน 10 อันดับแรกของโลกนั้น สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ชี้ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต”เป็นเรื่องที่ไทยเองจะต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากการค้าของโลกในยุคโลกาภิวัตน์นี้มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ตลาดผู้บริโภคเองก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่ผู้บริโภคอยากจะได้คือสิ่งที่เราต้องมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำได้แค่ช่วงข้ามคืน ทั้งนี้ต้องเริ่มจากการพัฒนาไม่ว่าจะในการศึกษาวิจัยตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ จนมาถึงการทดลองปลูกจนมีผลเป็นที่น่าพอใจและลูกค้ายอมรับ จากนั้นก็ต้องขยายเมล็ดพันธุ์จนมีเพียงพอที่จะปลูกจนได้จำนวนที่สามารถนำไปจำหน่ายในตลาดได้ โดยรวมแล้วน่าจะใช้เวลาในส่วนนี้ไม่ต่ำกว่า 3-5 ปี เพราะฉะนั้นคงไม่สามารถที่จะทำให้บังเกิดผลได้ในปีนี้หรือปีหน้า ซึ่งยังไม่รวมถึงการพัฒนาในเรื่องการบริหารจัดการให้ความรู้ความเข้าใจกับเกษตรกรที่จะต้องเปลี่ยนแปลงรวมถึงภาคการแปรรูป ระบบสุขอนามัยและอื่น ๆ  อย่างไรก็ดีเป็นนิมิตหมายที่ดีถ้ามีการทำงานประสานกันระหว่างกระทรวงหลักรวมถึงภาคเอกชนที่จะมีข้อมูลที่ถูกต้องของตลาดซึ่งเอกชนจะใกล้ชิดมากกว่าหน่วยงานรัฐ แต่อย่างไรก็ตามก็มีหลายผลิตภัณฑ์การเกษตรที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นข้าวซึ่งปีนี้คาดว่าจะส่งออกได้ไม่เกิน 6.5 ล้านตันจาก 7.5 ล้านตันในปีที่แล้วและอาจจะหล่นไปเป็นที่ 3 ของโลกในเรื่องตัวเลขส่งออกรองจากอินเดียและเวียดนาม ด้วยเหตุผลที่ข้าวไทยมีราคาที่แพงกว่าคู่แข่งในระดับค่อนข้างมากและพันธุ์ข้าวที่ไม่หลากหลายเหมือนที่คู่แข่งมีทำให้ตลาดข้าวของไทยหดตัวมาโดยต่อเนื่อง เราต้องมีพันธุ์ข้าวที่หลากหลายและมีผลผลิตต่อไร่ที่สูงถึงจะสามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งอื่น ๆ ได้  สิ่งเหล่านี้จะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ถึงจะช้าก็ต้องทำเพราะนี่คือความอยู่รอดของอุตสาหกรรมข้าวไทยในอนาคต หากมิเช่นนั้นข้าวไทยในตลาดโลกก็คงเหลือแค่เป็นตำนาน สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดว่าจะผลักดันให้ไทยกลับมาเป็นอันดับ 1 ผู้ส่งออกข้าวโลกโลกภายใน 2 ปีคงไม่ใช่สิ่งที่น่าจะทำได้ แต่ถ้าเรามีความตั้งใจและพยายามผลักดันสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นและต่อเนื่อง ในอนาคตก็อาจจะมีความเป็นไปได้ ข้อมูลในปี 2562  ผู้ส่งออกข้าวโลก 3 อันดับแรกได้แก่  อินเดีย ปริมาณ 9.7 ล้านตัน , ไทย 7.5 ล้านตัน และเวียดนาม 6.5 ล้านตัน ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกปี 2563 อินเดียส่งออกได้ 5.5 ล้านตัน, เวียดนาม 3.4 ล้านตัน และไทย 3 ล้านตัน

ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/Macro_econ/442502?utm_source=sub_category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=trade

INFOGRAPHIC : เวียดนามไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกัน 92 วัน

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. คณะกรรมการระดับชาติว่าด้วยการป้องกันและควบคุมโควิด-19 แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The National Steering Committee for COVID-19 Prevention and Control) เปิดเผยว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในเวียดนาม นับเป็นเวลา 92 วันติดต่อกันแล้วไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-enters-92nd-day-without-covid19-community-transmission/178726.vnp