มูลค่าตลาดอีคอมเมิรซ์เวียดนามแตะระดับ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ของสำนักงานอีคอมเมิรซ์และเศรษฐกิจดิจิทัล เปิดเผยว่าในปี 2561 ขนาดตลาดอีคอมเมิรซ์เวียดนาม มีมูลค่าประมาณ 8.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับว่าตลาดดังกล่าว มีสัดส่วนการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้บริโภคที่นิยมซื้อสินค้าออนไลน์อยู่ที่ 39.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าเฉลี่ย 202 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่คนเวียดนามนิยมซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง หนังสือ เครื่องใช้ในครัวเรือน เป็นต้น นอกจากนี้ ปัญหาหลักที่ทำให้ผู้บริโภคลังเลในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ คือ สินค้าที่ได้รับมีคุณภาพต่ำกว่าโฆษณาไว้ การบริการลูกค้าที่แย่ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า เป็นต้น

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7948902-vietnam%E2%80%99s-e-commerce-market-hits-us$8-billion-in-2018.html

เวียดนามเผยภาคอุตสาหกรรมแปรรูปและบรรจุภัณฑ์มีการเจริญเติบโตสูง

จากข้อมูลของสมาคมผู้ค้าปลีกเวียดนาม (AVR) เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและบรรจุหีบห่อเวียดนาม มีอัตราการขยายร้อยละ 15-20 ต่อปี และยังสามารถเติบโตได้อีกในหลายๆ ปีข้างหน้า หากแบ่งประเภทอุตสาหกรรมดังกล่าว พบว่ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มีสัดส่วนการบริโภคต่อเดือนมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35 ของการบริโภครวม และสามารถประเมินได้ว่าการใช้จ่ายในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มต่อปี จะมีสัดส่วนร้อยละ 15 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในขณะที่องค์กร IMS Health ระบุว่าเวียดนามติดอยู่ อันดับที่ 17 ของตลาดยาทั่วโลก และเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่มีการเติบโตสูงที่สุดร้อยละ 10 ต่อปี ในอุตสาหกรรมยา นอกจากนี้ คาดว่ากลุ่มอาหารเสริมและเครื่องสำอางจะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และทำให้อุตสาหกรรมบรรจุหีบห่อมีแนวโน้มที่ดีมากขึ้น

ที่มา :   https://english.vov.vn/economy/vietnams-food-processing-packaging-sector-thriving-403575.vov

เวียดนามเผยมูลค่าการส่งออกสินค้าไปยังอิตาลีพุ่งสูงขึ้น

จากข้อมูลของสำนักงานศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 การส่งออกสินค้าชองเวียดนามไปยังประเทศอิตาลี เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.1 เมื่อเทียบกับสัดส่วนการขยายตัวของการส่งออกโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 ซึ่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ขนาดของมูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังอีตาลี คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.3 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวม แสดงให้เห็นว่ากลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ติดอันดับที่ 18 ของโลกที่มีการส่งออกสินค้าไปยังอิตาลี ด้วยข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป (EVFTA) และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็วๆนี้ ทำให้ปริมาณการส่งออกสินค้าเวียดนามไปยังตลาดสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องมาจากภาษีนำเข้าที่ลดลง ในขณะที่ เวียดนามส่งออกสินค้ากว่า 18 รายการ ไปยังอีตาลี คิดเป็นรายได้มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมี 7 รายการสินค้าที่ประกอบด้วย โทรศัพท์และชิ้นส่วน เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า กาแฟ เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยโทรศัพท์และชิ้นส่วนประกอบมีสัดส่วนส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมาก รองลงมาเครื่องนุ่มห่ม และรองเท้า ตามลำดับ

ที่มา: https://english.vov.vn/economy/vietnamese-exports-to-italian-market-enjoy-vast-increase-403562.vov

บริษัทเกาหลีใต้ลงทุน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการทำระบบไร้เงินสดในเวียดนาม

บริษัทโซลูชั่นทางการเงิน Alliex ได้ลงทุนจัดทำระบบการขายหน้าร้าน (POS) ในเวียดนาม ด้วยมูลค่าราว 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และวางระบบการติดตั้งอุปกรณ์รวม 600,000 เครื่อง ในอีก 5 ปีข้างหน้า และทางบริษัทฯ ได้จับมือกับพาร์ทเนอร์ท้องถิ่น ในการดำเนินระบบ และเพิ่มคุณสมบัติของระบบดังกล่าว ได้แก่ QR-Code, Contactless payment (การชำระเงินเพียงแค่แตะบนบัตรเครดิต/เดบิต) และ Biometrics (การดึงข้อมูลทางชีวภาพ) เป็นต้น ซึ่งระบบ POS จะทำให้สามารถลดเงินสดหมุนเวียนได้ และต้นทุนการทำธุรกรรม รวมไปถึงช่วยประหยัดเงินในการเสียภาษี และทำให้การชำระเงินรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้เวียดนามขยับมาเป็นสังคมไร้เงินสด ในขณะที่ จากข้อมูลสถิติของบริษัทวิจัยท้องถิ่น ระบุว่าในปี 2560 การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ด้วยมูลค่า 6.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าศักยภาพของสังคมไร้เงินสดเวียดนามจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นผลมาจากกลุ่มชนชั้นกลางที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโทรคมนาคมที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/companies/south-korean-firm-to-invest-700-mln-towards-cashless-payment-in-vietnam-3985143.html

นครบิ่ญถ่วนจำเป็นต้องมีการบริหารในด้านการก่อสร้าง

จากคำแถลงการณ์ของรองนายกรัฐมนตรี ณ วันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ระบุว่าในจังหวัดบิ่ญถ่วนทางตอนใต้ของเวียดนาม จำเป็นต้องให้ความสำคัญในด้านการบริหารการก่อสร้างภูมิภาคนี้ ซึ่งต้องรับมือกับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้สภาพแวดล้อมมีความเหมาะสมในการลงทุน และนโยบายให้มีความน่าดึงดูดต่อนักลงทุน รวมไปถึงในจังหวัดดังกล่าว มีศักยภาพทางด้านแหล่งพลังงานทดแทน ได้แก่ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และการท่องเที่ยวสีเขียว ซึ่งทำให้ได้รับความสนใจของนักลงทุน และสามารถขยายด้านการท่องเที่ยวให้ควบคู่กับเทคโนโลยีทางการเกษตร เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์จากการท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น นอกจากนี้ ภายในงานประชุมได้นำเสนอจุดแข็ง ศักยภาพ และโครงการสำคัญในจังหวัดบิ่ญถ่วน มีโครงการลงทุนกว่า 11 โครงการ ด้วยมูลค่า 23 พันล้านล้านด่อง ในขณะเดียวกัน มีอนุมัติการลงทุน 14 โครงการ ด้วยมูลค่าต่อภาคประมาณ 20.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/binh-thuan-needs-to-become-constructive-administration-deputy-pm/160863.vnp

สินค้าเวียดนามบุกตลาดไทย

จากข้อมูลภายในงาน Vietnamese Week in Thailand 2019 ณ กรุงเทพมหานคร วันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งรูปแบบภายในงานครั้งนี้ คือ “Taste of Vietnam” ร่วมกับผู้ประกอบการเวียดนาม 45 คน เพื่อส่งเสริมสินค้าเวียดนามในประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมไปถึงสร้างโอกาสให้ผู้ผลิตท้องถิ่นเวียดนาม ให้สามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศไทยได้ ซึ่งวัตถุประสงค์ของกิจกรรมดังกล่าว เพื่อต้องการให้ผู้ประกอบการเวียดนามได้มีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายภายในปี 2563 รวมไปถึงรัฐบาลเวียดนามช่วยส่งเสริมระบบการค้าปลีกระหว่างประเทศ รวมไปถึงประเทศไทยอีกด้วย และเมื่อเร็วๆนี้ ทางกลุ่มเซ็นทรัลเวียดนามได้จับมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ในการวิจัยการตลาด, คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ เพื่อให้สามารถเจาะตลาดไทยได้ โดยจะมีหลักสูตรฝึกอบรบในการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิตในท้องถิ่นเวียดนาม และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะหรือเอกลักษณ์ ให้เหมาะสมกับตลาดไทย ในขณะที่ กิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยให้เห็นถึงมุมมองหรือวิสัยทัศน์ของกลุ่มเซ็นทรัลเวียดนาม ในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตชาวเวียดนามได้ดีขึ้น และทางรองนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวว่าภายในงานครั้งนี้ จะได้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม กับกลุ่มเซ็นทรัล ในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การลงทุน นอกจากนี้ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้ารวมของทั้งสองประเทศอยู่ที่ 10.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/535608/vietnamese-goods-shine-in-thailand.html#SElP96SitDGqh24f.97

เวียดนามก้าวขึ้นแท่นเป็นประเทศต้นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อการลงทุน

จากรายงานของสำนักข่าว US News & World Report เปิดเผยว่าประเทศเวียดนามก้าวเข้าสู่ประเทศที่น่าลงทุนของปีนี้ อยู่ในอันดับที่ 8 จาก 29 ประเทศ, เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อยู่ในอันดับที่ 23 ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซียอยู่ในอันดับที่ 13, 14, 18 ตามลำดับ ทางด้านรายงานปฏิรูปเศรษฐกิจของนโยบายโด่ยเหม่ย (Doi Moi) ที่ก่อตั้งในปี 2529 ได้ช่วยให้เวียดนามมีความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศมากขึ้น และมีความทันสมัย รวมไปถึงมีการดำเนินการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ และสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยแสดงให้เห็นถึงการเข้าร่วมกับองค์กรการค้าโลก (WTO) และภายในปี 2553 ได้เข้าร่วมเจรจาในข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership: TPP) นอกจากนี้ ยังเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ และฟอรั่มอาเซียน เป็นต้น ซึ่งข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม ระบุว่าตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงเดือนสิงหาคม เวียดนามดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงต่างประเทศรวมอยู่ที่ 22.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ยังคงเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม รองลงมาญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/535610/viet-nam-ranked-in-top-countries-for-investment.html#aCBCVJlxoKaxLKaS.97

เวียดนามตั้งเป้าหมายเจาะตลาดฮาลาล

จากข้อมูลของงานส่งเสริมการลงทุนและการค้า (ITPC) ณ นครโฮจิมินห์ ระบุว่าหากเวียดนามไม่ทำการค้าในกลุ่มตลาดฮาลาล จะเสียมูลค่าการส่งออกไปกว่า 23.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทางผู้อำนวยการศูนย์การค้าและการลงทุน มองว่าตราสินค้าที่ได้รับรองตามมาตรฐานฮาลาลนั้น จะแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของชาวมุสลิมในการบริโภคผลิตภัณฑ์ได้ นับว่ามีส่วนสำคัญในการปกป้องผู้บริโภค เพราะไม่เพียงแต่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางศาสนา แต่ยังสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารที่เข็มงวดของชาวมุสลิม ผ่านการรับรองจากเครื่องหมายรับรองฮาลาล จากสถิติประชากร ระบุว่าชาวมุสลิมทั่วโลกมีอยู่ประมาณ 1.8 พันล้านคนทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23 ของประชากรโลก ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มประชากรชาวมุสลิมอยู่ในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทำให้ประเด็นดังกล่าวข้างต้น จะทำให้เวียดนามได้เปิดโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น และช่วยส่งเสริมขีดความสามารถในการส่งออกไปยังต่างประเทศ รวมไปถึงเวียดนามมีข้อได้เปรียบในด้านวัตถุดิบ ในการผลิตสินค้าฮาลาล เช่น กาแฟ ข้าว อาหารทะเล เครื่องเทศ ถั่ว ผัก เป็นต้น และได้ยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว ด้วยเหตุนี้ การเติบโตของร้านอาหารและโรงแรม จึงเป็นไปตามมาตรฐานฮาลาล

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/535542/viet-nam-needs-to-target-halal-markets.html#jG1m6ZpFBfmp8ztb.97

จังหวัดหล่างเซินเวียดนามตั้งเป้าการลงทุน 3.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากคำแถลงการณ์ของรองประธานคณะกรรมการประจำจังหวัด ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ณ กรุงฮานอย เปิดเผยว่าเขตจังหวัดหล่างเซิน (Lang Son) ในชายแดนภาคเหนือ ได้มีการลงนามข้อตกลงการลงทุน ด้วยโครงการมากกว่า 100 โครงการ และเงินทุนประมาณ 3.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยจังหวัดดังกล่าว ได้นำเสนอโครงการ 37 โครงการที่ต้องการเงินทุนจากนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ในช่วงตั้งแต่ปี 2562-2568 และสามารถแบ่งประเภทของอุตสาหกรรม ดังนี้ การขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน 8 โครงการ, การค้าและการท่องเที่ยว 9 โครงการ และภาคเกสรกรรม ป้าไม้ ประมง 9 โครงการ รวมไปถึงมุ่งเน้นในการส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้แก่นักลงทุน ให้โปร่งใสมากขึ้นและมีเสถียรภาพ ซึ่งเขตพื้นที่จังหวัดจะดำเนินตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเร่งปฏิรูปการบริหารท้องถิ่น นอกจากนี้ ในช่วงปี 2554-2561 เศรษฐกิจท้องถิ่นมีการขยายตัวร้อยละ 8-9 หากจำแนกอุตสาหกรรม พบว่าภาคการเกษตร ป่าไม้ มีสัดส่วนร้อยละ 20.3, ภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้างร้อยละ 19.7 และภาคบริการร้อยละ 49.78 เป็นต้น ในขณะที่ จังหวัดดังกล่าวได้ตั้งเป้าหมายในการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมในภูมิภาคร้อยละ 8-9 ในปี 2563 และรายได้ต่อหัวอยู่ที่ 2,600-2,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา :  https://vietnamnews.vn/economy/535540/lang-son-aims-to-attract-343b-in-investment.html#3x13l4BQWmBYQVFX.97

ผู้ประกอบการเวียดนามเข้าร่วมประชุมการค้า อินเดีย-CLMV

คณะผู้แทนธุรกิจเวียดนามจะเข้าร่วมการประชุมครั้งแรก อินเดีย-CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และอินเดีย) ซึ่งในเดือนหน้า จะมีการจัดประชุมในนครเจนไน (Chennai City) โดยเป้าหมายของการประชุมครั้งนี้ คือ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศอินเดียและกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย Act East ของรัฐบาลอินเดีย เพื่อส่งเสริมการร่วมมือในภูมิภาคอาเซียน รวมไปถึงกลุ่ม CLMV ในขณะที่ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) จะนำคณะผู้ประกอบการเวียดนาม 15 ราย ในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อเรียนรู้การต่อยอดการค้าระหว่างประเทศระหว่างประเทศ (เวียดนาม CLMV อินเดีย) ตามความต้องการ และข้อเรียกร้อง และมาตรฐานของตลาด ซึ่งผู้ประกอบการเวียดนามจะทำธุรกิจในลักษณะผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการ (B2B) ในการเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างกลุ่มประเทศ CLMV และอินเดีย นอกจากนี้ การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-18 ตุลาคม 2562 ณ โรงแรม ITC Grand Chola, นครเจนไน, รัฐทมิฬนาฑู

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/535529/vietnamese-firms-to-attend-india-clmv-trade-meeting-in-india.html#5tTtZaLpBZGfj3CE.97