พริกไทยมีแนวโน้มราคาพุ่ง ! จากผลผลิตที่ลดฮวบลง

นาย U Hla Han พ่อค้าซื้อขายพริกไทยจากพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่ตลาดบุเรงนอง เปิดเผยว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา การปลูกพริกไทยในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดีราคาพุ่งสูงขึ้น โดยเกษตรกรได้ให้ข้อมูลว่าเนื่องจากมีฝนตกหนักและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ผลผลิตจึงอาจลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง อีกทั้งมีเกษตรกรเพียง 10% เท่านั้นที่สามารถซื้อปุ๋ยได้ เนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนปุ๋ย โดยเมื่อปีก่อนราคาปุ๋ยอยู่ที่ 40,000 จัตต่อถุง และราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 200,000 จัตต่อบาร์เรล ในปีนี้ ราคาปุ๋ยพุ่งขึ้นเป็น 90,000 จัตต่อปุ๋ย 1 ถุง และราคาน้ำมันดีเซลพุ่งขึ้นเป็น 500,000 จัตต่อบาร์เรล ทั้งนี้คาดว่า ราคาพริกไทยในปีนี้อาจพุ่งสูงเกือบ 2 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/pepper-price-may-rise-due-to-drop-in-its-yield/#article-title

“ฟิทช์ เรทติ้งส์” ประกาศอันดับความน่าเชื่อถือ PV Power ที่ BB+

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ได้ประกาศปรับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ PetroVietnam Power Corp (PV Power) รัฐวิสาหกิจทางด้านพลังงานของเวียดนาม อยู่ที่ระดับ “BB” มีแนวโน้มเป็นบวกเป็นปีที่สองติดต่อกันและเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายแรกชองเวียดนามที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสากล ทั้งนี้ ตามข้อมูลของหน่วยงาน เปิดเผยว่าคงสถานะเครดิตโดยลำพัง (Standalone Credit Profile: SCP) ของ PV Power ได้รับแรงหนุนจากตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งและเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่อันดับที่ 2 ในเวียดนาม นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากแหล่งเชื้อเพลิงที่หลากหลาย ตลอดจนมีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ที่มีกำลังการผลิต 80% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด อีกทั้ง คุณ Nguyen Duy Giang รองผู้อำนวยการทั่วไปของ PV Power กล่าวว่าด้วยการจัดอันดับดังกล่าวจากสถาบัน Fitch คาดว่า PV Power จะมีความสามารถในการระดมทุนในตลาดต่างประเทศมากขึ้น

ที่มา : https://en.nhandan.vn/business/item/11541902-fitch-ratings-maintains-standalone-credit-profile-of-pv-power-at-bb.html

“เวียดนาม” เผยเงินเฟ้อพุ่ง 2.25%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพ.ค.65 เพิ่มขึ้น 0.38% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน หากพิจารณาในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 2.25% และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคตข้างหน้า อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทำให้กลุ่มขนส่งมีต้นทุนสูงขึ้น 2.34% ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.23% ในขณะที่ราคาบ้านและวัสดุก่อสร้างปรับตัวลดลง 0.13% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน นอกจากนี้ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IIP) เดือนพ.ค.65 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.sggpnews.org.vn/business/inflation-climbs-by-225-percent-in-five-first-months-99494.html

ประธานาธิบดีเรียกร้องให้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อจัดการกับความท้าทายระดับโลก

ประธานาธิบดีทองลุน สีสุลิด ได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐสำคัญของเอเชีย ทำงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้นในการจัดการกับความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ ตั้งแต่ความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจไปจนถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ประธานาธิบดีกล่าวว่าประเทศในเอเชียควรมีบทบาทมากขึ้นในกิจการระหว่างประเทศ สิ่งนี้จะส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สร้างความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน และปรับปรุงเงื่อนไขสำหรับการพัฒนา การบูรณาการทางเศรษฐกิจ และการเชื่อมโยงภายในเอเชีย ทั้งนี้เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตและมีสัญญามากมาย เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรมากกว่าครึ่งโลก ประเทศจีนเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกและเป็นเศรษฐกิจการผลิตและผู้ส่งออกสินค้าที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตลาดผู้บริโภคที่เติบโตเร็วที่สุด ในขณะเดียวกัน อินเดียเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งในห้าของโลก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจก้าวหน้าที่สำคัญและเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชีย ขณะที่อาเซียน รวมทั้งลาว มีบทบาทสำคัญในสถาปัตยกรรมระดับภูมิภาค

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten102_President_y22.php

หนี้สาธารณะแตะ 60.58% ครม.ยันไม่หลุดกรอบวินัยการคลัง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) รายงานว่า ณวันที่ 31 มี.ค.2565 โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพี (GDP) อยู่ที่ 60.58 ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบที่กำหนดไม่เกินร้อยละ 70 ส่วนสัดส่วนภาระหนี้ต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณร้อยละ 26.77 กรอบที่กำหนด ไม่เกินร้อยละ 35 จากเการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รัฐบาลจึงมีความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ปริมาณหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ระบบเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว เป็นผลให้ช่วงเดือนมี.ค.นี้มีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ที่มา: https://www.naewna.com/business/657084

การค้าระหว่าง กัมพูชา-จีน แตะ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา รายงานถึงมูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและจีนแตะ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับปี 2020 โดยกัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังจีนมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 ในทางกลับกันได้ทำการนำเข้าสินค้าจากจีนมีมูลค่า 9.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 ซึ่งส่วนใหญ่กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีน ได้แก่ ข้าวสาร มะม่วง มันสำปะหลัง เป็นสำคัญ โดยการนำเข้าของกัมพูชาจากจีนส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและวัสดุก่อสร้าง เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันทั้งสองประเทศได้เริ่มดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีที่มีผลบังคับใช้เมื่อต้นปีนี้ เพื่อเป็นการปูทางที่จะเพิ่มกิจกรรมการค้าและโอกาสการลงทุนระหว่างกันในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501015097/cambodia-china-trade-tops-11-billion-last-year/

การค้าระหว่าง กัมพูชา-เวียดนาม ใกล้แตะหมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2021

ปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามแตะ 9.3 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2020 แม้จะได้รับผลกระทบจากการระบาดก็ตาม ด้านนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน และรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม Bui Thanh Son ได้หารือเกี่ยวกับประเด็นนี้ และตกลงที่จะร่วมมือและรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ ซึ่งทั้งคู่ตั้งเป้าการค้าไว้ที่มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2022 รวมถึงทำการเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างเวียดนามและกัมพูชาอีกครั้ง ด้านการลงทุนในปี 2021 บริษัทสัญชาติเวียดนามทุ่มเงินกว่า 88.9 ล้านดอลลาร์ ในโครงการใหม่ 4 โครงการ ที่จัดตั้งในกัมพูชา ส่งผลทำให้เวียดนามมีการลงทุนในกัมพูชารวมกว่า 2.84 พันล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501015577/cambodia-vietnam-trade-volume-inches-closer-to-10-billion-in-2021/

พรรคปฏิวัติประชาชนลาวแก้ไขการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

คณะกรรมการกลางของพรรคปฏิวัติประชาชนลาวได้แก้ไขการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการขาดแคลนเชื้อเพลิง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผันผวน และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลได้รับคำสั่งให้รักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา เสริมสร้างการจัดเก็บรายได้ และปรับเปลี่ยนกฎระเบียบในการเข้ามาลงทุนต่างประเทศที่ขัดขวางการเติบโตของการลงทุนในประเทศ อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐได้รับคำแนะนำให้ส่งเสริมการลงทุนในภาคการผลิตและลดการนำเข้าสินค้าที่สามารถผลิตได้ในสปป.ลาว นอกจากนี้ การประชุมยังได้สั่งการให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และปรับปรุงการขนส่งสาธารณะเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิง ทางการสปป.ลาวกำลังดิ้นรนเพื่อแก้ไข้ปัญหาที่กำลังเผชิญเพื่อนำพาสปป.ลาวออกจากปัญหาที่อาจเกิดในอนาคตซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจทรุดซ้ำเติมจากวิกฤติโควิดที่พึ่งผ่านพ้นมาได้

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten101_party.php

ค้าชายแดนเมียนมา-บังกลาเทศ พุ่ง 2.863 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งรัฐยะไข่ เผย เดือนเม.ย. 2565 มูลค่าการค้าชายแดนเมียนมา-บังกลาเทศ 2 แห่ง ทั้งที่ท่าเรือชเวมิงกันในซิตต์เวย์และท่าเรือกันยินชวงในเมืองหม่องตออยู่ที่ 2.863 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย 51% ของสินค้าส่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ประมงมูลค่า 1.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนการนำเข้ามีเพียง 0.3% นอกจากสินค้าประมงแล้วยังส่งออกหัวหอม ขิง ลูกพลัมแห้ง เมล็ดมะขาม ถั่วลันเตา น้ำตาลโตนด ลูกเนียง มะพร้าว ถั่ว มะม่วง พริกแห้ง แยมลูกพลัม และสินค้าอุปโภคบริโภค

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/us2-863-million-worth-of-trade-volume-handled-on-myanmar-bangladesh-border/

 

‘เวียดนาม’ เผยส่งออกและนำเข้า 5 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัว 15.6%

ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าการส่งออกและนำเข้าของเวียดนามในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 305.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน การส่งออกมีมูลค่า 152.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 16.3% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 152.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 14.9% ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้า 516 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกลุ่มสินค้าส่งออกจำนวน 26 รายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใน 6 กลุ่มรายการสินค้าดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 89.6 ของการส่งออกรวมทั้งหมด สินค้าส่งออกเวียดนามส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีมูลค่าการค้าราว 76.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือจีน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/five-month-importexport-turnover-up-156-percent/229349.vnp