ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในกัมพูชาต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐฯ

ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) กำลังมองว่าโครงสร้างพื้นฐานใยแก้วนำแสงภายในประเทศกัมพูชา ที่กำลังจะเสื่อมสภาพลง จึงเห็นถึงปัญหาที่จำเป็นต้องแก้ไขเป็นการเร่งด่วน เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตเพื่อทำงานจากที่บ้าน โดยบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตกล่าวว่า ณ ปัจจุบันไม่สามารถดูแลรักษาสายไฟเบอร์ออปติกที่สำคัญได้อย่างทั่วถึงและเหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่าการให้บริการอินเทอร์เน็ตของบริษัทจะเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและรวดเร็ว ซึ่งจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 (ประมาณ 1.1 ล้านคน) ในปี 2020 โดยในปัจจุบันทางการกัมพูชาอนุญาตให้พนักงานเดินทางเพื่อทำการปรับปรุงโครงข่ายได้เพียงร้อยละ 2 ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายได้อย่างครอบคลุม บริษัทจึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยผ่อนคลายมาตรการ เพื่ออำนวยให้การดูแลเครือข่ายเป็นไปได้อย่างทั่วถึง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50845942/internet-providers-need-more-staff-to-maintain-networks/

คณะกรรมการจัดหางานต่างประเทศของเมียนมาเผยถึงปัญหาแรงงานข้ามชาติ

คณะกรรมการกำกับการจัดหางานนต่างประเทศได้จัดประชุม (ครั้งที่ 1/2564) ที่กระทรวงแรงงานตรวจคนเข้าเมืองและประชากรเมื่อวานนี้ ซึ่งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่จำนวน 18 คน จากผลการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสหภาพแรงงาน เผยว่าตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 63 ได้เพิ่มค่าธรรมเนียมหน่วยงานเป็น 25 ล้านจัตจาก 5 ล้าจัตเพื่อให้บริษัท จัดหางานในต่างประเทศที่ได้รับใบอณุญาติที่ให้เพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้น และกำจัดหน่วยงานที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ระหว่างประชุม นาย U Myint Kyaing ประธานคณะกรรมการสหภาพแรงงาน กล่าวว่าสหภาพฯ ให้ความสำคัญกับการนำชาวเมียนมา 1,086 คน กลับจากมาเลเซียในผ่านทางเรือ 3 ลำในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ และ 70 คนจากอินเดียเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้รัฐบาลกำลังเจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อจัดตั้งหน่วยงาน 5 แห่งสำหรับแรงงานที่ทำงานในไทยภายใต้ MoU เพื่อต่ออายุวีซ่าของไปอีก 5 ปี ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงได้กล่าวถึงแผนการทำงานที่มีประสิทธิภาพของคณะกรรมการความร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อโอกาสในการทำงานของแรงงานเมียนมา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/overseas-employment-supervisory-committee-discusses-migrant-workers-issues/

รัฐบาลสั่งให้เตรียมการสำหรับสถานการณ์โควิด-19 ที่เลวร้ายลง

รัฐบาลสปป.ลาว ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนและจัดทำแผนในการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด -19 เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมาสำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศขอให้หน่วยงานป้องกันและควบคุมโควิด -19 ทุกระดับรวบรวมรายการทรัพยากรที่จำเป็นรวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ยาและเงินเพื่อใช้เป็นทุนในการยับยั้งการระบาด โดยรัฐบาลจะมีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และอาสาสมัครที่ทำงานในศูนย์บำบัดทุกแห่งเพื่อให้ผู้ป่วยทุกคนได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังสั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนชายแดนเพื่อป้องกันผู้ที่เดินทางเข้าสปป.ลาวโดยผิดกฎหมายเพราะอาจนำมาซึ่งการแพร่ระบาดที่ยับยั้งไม่ได้ ในการฉีดวัคซีน รัฐบาลอนุมัติให้เอกชนสามารถนำเข้าวัคซีน เพื่อนำมาฉีดให้กับพนักงานของตนได้เพื่อเป็นอีกช่องทางในการเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ตามแผน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_orders_79.php

ไตรมาสแรกของปี การค้าระหว่างกัมพูชาและไทยมูลค่าแตะ 2 พันล้านดอลลาร์

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยยังคงหดตัวท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย ที่ต่อสู้เพื่อจะเอาชนะต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 และทำให้การพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ โดยตัวเลขมาจากกระทรวงพาณิชย์ของไทย แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมปีนี้ ซึ่งการค้าทวิภาคีลดลงร้อยละ 21.3 สู่ 2,097 ล้านดอลลาร์ ส่วนการนำเข้าสินค้าจากไทยลดลงร้อยละ 21.3 เหลือ 1,769 ล้านเหรียญดอลลาร์ และเป็นการส่งออกที่มีปริมาณลดลงถึงร้อยละ 48.9 หรืออยู่ที่ 330 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าเกษตรสินค้าสำคัญสำหรับการส่งออกของกัมพูชาไปยังประเทศไทย ในขณะที่สินค้าส่งออกของไทยมายังกัมพูชาส่วนใหญ่ประกอบด้วยสินค้าด้านพลังงาน ปุ๋ยทางการเกษตร อาหารและเครื่องสำอาง ซึ่งการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยสำหรับปี 2020 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 7,236 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50845150/cambodia-thailands-trade-valued-via-at-2-billion-in-first-quarter/

ผู้ประกอบการเครื่องนุ่งห่มกัมพูชาเรียกร้องการเยียวยาสำหรับพนักงาน

ด้วยโรงงานมากกว่า 200 แห่ง ในภาคอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าและสินค้าการเดินทาง ที่ถูกสั่งปิดชั่วคราวในเขตเมืองหลวงและเขตเมืองตาเขมาจังหวัดกันดาล จากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล โดยสมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปในกัมพูชา (GMAC) กล่าวว่ากำลังต้องการการสนับสนุนทางด้านค่าตอบแทนเพื่อชดเชยให้กับคนงานนับหมื่นรายเป็นการชั่วคราวหลังโรงงานถูกสั่งปิด ส่งผลทำให้สายการผลิตต้องหยุดชะงัก รวมถึงคนงานขาดรายได้ ซึ่งโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในพนมเปญและตาเขมาถูกสั่งปิดตั้งแต่ในวันที่ 14 เมษายน เป็นเวลาสองสัปดาห์หลังจากพบว่ามีคนงานเกือบ 800 คน จากโรงงาน 36 แห่ง ติดเชื้อโควิด-19 โดยอุตสาหกรรมนี้ถือเป็นเสาหลักสำคัญของเศรษฐกิจกัมพูชาและมีพนักงานมากกว่า 800,000 คน ในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งสร้างรายได้เข้าประเทศผ่านการส่งออกสูงถึง 9.5 พันล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้วแม้จะอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50845549/garment-employers-urged-to-provide-additional-allowances-in-spirit-of-humanity/

ชงเพิ่ม “หัวหิน”เปิดรับต่างชาติไม่กักตัว 1 ต.ค.นี้

รมว.การท่องเที่ยวฯ พร้อมรับข้อเสนอเพิ่มหัวหินอีกพื้นที่เปิดรับต่างชาติฉีดวัคซีน-ไม่มีโควิดมาเที่ยว 1 แสนคน สร้างรายได้ 1,200 ล้านบาท เตรียมเสนอเข้าบอร์ดท่องเที่ยวแห่งชาติไฟเขียว 6 พ.ค.64 โดยจะดำเนินการผ่านโครงการหัวหิน รีชาร์จ ซึ่งเป็นความร่วมมือของภาครัฐ การท่องเที่ยว โรงพยาบาลและสาธารณสุข และภาคเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการ ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจรถเช่า บริษัททัวร์ ฯลฯ และจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ตั้งแต่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป ให้ได้ 70% ของประชากรภายใน 30 ก.ย.64 เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ พนักงานและแรงงานในภาคธุรกิจบริการกว่า 89,000 คนในพื้นที่ให้มีรายได้

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/839597

ตลาด ธนาคาร โรงพยาบาล รถประจำทาง ในเมียนมากลับมาเป็นปกติ

เจดีย์รวมถึง อาคาร ศานาสถานหรือวัดของศาสนาอื่น ๆ จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ตามมาตรการป้องกันโควิด -19 ผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวรวมทั้งพระภิกษุและแม่ชี และศาสนาอื่น ๆ สามารถทำกิจกรรมทางศาสนาได้อย่างปกติ นอกจากนี้สวนสาธารณะและสนามเด็กเล่นในเนปยีดออย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และภูมิภาคหรือรัฐอื่น ๆ จะเปิดให้บริการอีกครั้ง รวมถึงตลาดเริ่มมีสีสันขึ้นเพราะมีทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในขณะเดียวกันธนาคาร โรงพยาบาล สายการบิน รถไฟ เรือ และรถประจำทางก็กลับมาดำเนินการได้เป็นปกติเช่นกัน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/markets-banks-hospitals-bus-lines-resume-normal-operations-people-peacefully-visit-pagodas/#article-title

สถาบันวิจัย คาดเศรษฐกิจเวียดนามโต 6.3% ปี 64

สถาบันวิจัยเศรษฐศาสตร์และนโยบายเวียดนาม (VEPR) ระบุว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว เนื่องจากการใช้วัคซีน COVID-19 แต่คงไม่แน่นอนอยู่ ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจโลกยังไม่เสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวอยู่ที่ 4.48% เป็นผลมาจากการดำเนินการควบคุมเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นที่เข็มงวด ตลอดจนความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนามและความตกลงคุ้มครองการลงทุนระหว่างสหภาพยุโรป-เวียดนาม ซึ่งภายในปี 2564 คาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะยังขยายตัวประมาณ 6-6.3% นอกจากนี้ ทางสถาบันดังกล่าว แนะให้มุ่งเน้นความสำคัญไปที่นโยบายสวัสดิการสังคม รวมถึงเตรียมงบประมาณไว้ เพื่อรองรับกับการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 หรือสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงในอนาคต

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vepr-vietnamese-economy-could-grow-by-63-pct-in-2021/200628.vnp

เวียดนามคงเป็นจุดหมายปลายที่ปลอดภัยแก่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

จากการประชุม “Connections for Development Forum 2021” ณ กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 26 เมษายน นายฝ่าม บิ่งห์ มิงห์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเวียดนามควรเตรียมรับมือกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศระลอกที่ 4 ที่เกิดขึ้นไปทั่วโลก ท่ามกลางการแข่งขันการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ ภาคการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะคงเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการพัฒนาของประเทศต่อไป โดยรัฐบาลมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับประเด็นที่มีผลต่อการดึงดูด FDI อีกทั้ง รองนายกฯ ยังเน้นน้ำว่ารัฐบาลจะมุ่งเน้นไปการแก้ไขปัญหาอยู่ 4 ประเด็นสำคัญ เพื่อเป็นแนวทางต่อการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศให้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคตข้างหน้า ตลอดจนรักษาเสถียรภาพทางการเมืองให้มีความมั่งคง นอกจากนี้ รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกฎหมาย ยกระดับขีดความสามารถของหน่วยงานรัฐฯ เพื่อให้มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-remains-safe-destination-for-development-of-fdi-inflows-853072.vov

กัมพูชาและประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกร่วมส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตร

กัมพูชาและประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้จัดให้มีการประชุมเสมือนจริง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตรโดยเฉพาะเรื่องการประกันความมั่นคงด้านอาหารที่ยั่งยืนในภูมิภาค ซึ่งถือเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีเกี่ยวกับระบบอาหารประจำปี 2030 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อ “Building Back Better” ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรป่าไม้และประมงของกัมพูชาทำการเข้าร่วมประชุม โดยได้เน้นย้ำถึงความท้าทายบางประการในภาคการเกษตรของกัมพูชา รวมถึงผลผลิตทางการเกษตรบางประเภทที่ตกต่ำและการไม่มีตลาดรองรับ ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ซึ่งรัฐมนตรียังคงทำงานอย่างหนักเพื่อส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตข้าวคุณภาพสูง ตลอดจนพืชสวนและพืชอุตสาหกรรม ผ่านการกระจายความหลากหลายทางการเกษตรอย่างทันท่วงที

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50844871/cambodia-asia-pacific-regional-countries-foster-agricultural-collaboration/