กฎการร่วมทุนประกันภัยของเมียนมา และต่างชาติยังไม่เปลี่ยนแปลง

จากรายงานของกระทรวงการวางแผนและการคลัง (MoPF) ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัท ประกันภัยทั้งในและต่างประเทศทั้งในรูปแบบประกันชีวิตและที่ไม่ใช่ประกันชีวิตจนถึงวินาทีสุดท้ายของการหารือ รวมถึงการการที่บริษัทท้องถิ่นดึงเวลาหรือไม่กล้าที่จะเจรจากับบริษัทคู่ค้า เช่น เมืองไทยประกันภัยและเมืองไทยประกันชีวิตของไทย รวมไปถิ่นประกันภัย DB ประเทศเกาหลีใต้ การเปิดเสรีของตลาดประกันภัยจะช่วยให้มีการแข่งขันมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีเบี้ยเหมาะสมสำหรับความคุ้มครอง บริษัทที่รัฐฯ ได้อนุมัติร่วมทุนได้แก่ ทุนประกันชีวิตกับบริษัท Taiyo ประกันชีวิต ประกันภัยธุรกิจประชาชนกับบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด, บริษัท แกรนด์การ์เดียนประกันชีวิตกับบริษัท นิปปอนประกันชีวิต เม.ย.รัฐบาลได้อนุมัติพรูเด็นเชีย Dai-Ichi ชีวิต AIA, ชับบ์ และแมนูไลฟ์ ในการเป็นเจ้าของประกันชีวิตในประเทศ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/no-rules-were-changed-insurance-jvs-mopf.html

หลวงพระบางเตรียมจัดเทศกาล การแข่งเรือยาว

ผู้ว่าราชการหลวงพระบาง เปิดเผยว่าในวันพุธที่ผ่านมา เทศกาลการจัดแข่งขันเรือหางยาว จะใช้ระยะเวลารวมทั้งหมด 4 วัน โดยชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างเข้ามาร่วมงานกันจำนวนมาก รวมไปถึงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ถ้ำติ่ง (Tham Ting Cave) ซึ่งเป็นสถานที่แสวงบุญ และมีพระพุทธรูปนับพันองค์ รวมไปถึงในเทศกาลดังกล่าว มีอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง และของที่ระลึกที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้ จากข้อมูลสถิติสารสนเทศทางด้านวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวสปป.ลาว ระบุว่า ในปีที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 750,000 คน ที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดหลวงพระบาง โดยตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน ปี 2562 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 365,000 คน ลดลงร้อยละ 1.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Luang_180.php

ในช่วงครึ่งปีแรกจำนวนนักท่องเที่ยว กว่า 3 ล้านคนมาเยือนยังกัมพูชา

 กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 3.3 ล้านคน ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ซึ่งเพิ่มขึ้น 11.2% ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน เป็นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนถึง 1.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 38% เป็นจำนวนกว่า 38.7% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ลดลงกว่า 20.2% รายงานระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวของจังหวัดเสียมเรียบลดลง 8% หรือ 1.2 ล้านคน แต่ในทางตรงกันข้าม พนมเปญและพื้นที่ชายฝั่งทะเลกลับมีจำนวน นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 27% หรือกว่า 2.6 ล้านคน โดยเมื่อปีที่แล้วมีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 6.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.7% และทางกัมพูชาคาดการณ์ว่าภายในปี 2563 จะมีผู้มาเยือน 7 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50631306/over-3m-tourists-visit-cambodia-in-h1/

รายได้ครึ่งปีแรกของคนกัมพูชาที่ทำงานในเกาหลีใต้สูงถึง 21 ล้านเหรียญสหรัฐ

ชาวกัมพูชาที่ทำงานในเกาหลีใต้ส่งเงินกลับมายังประเทศตนอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านทาง Acleda Bank Plc โดยมีการทำธุรกรรมกว่า 10,880 รายการ โดยแต่ละธุรกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,000 เหรียญ ซึ่งปีที่แล้วแรงงานกัมพูชาในเกาหลีใต้ส่งเงินกลับมายังกัมพูชาอยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านธนาคาร โดยจากข้อมูลของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC’s) ข้อมูลชาวกัมพูชาที่ทำงานในต่างประเทศได้ส่งเงินกลับมายังถิ่นของตนเป็นจำนวน 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 11% จากปี 2560 คิดเป็นเงินที่ส่งจากประเทศไทยเป็น 68% และเกาหลีใต้ 21.5%  และจากประเทศอื่นๆอีก 10.5%  ซึ่งตัวเลขแรงงานชาวกัมพูชาจำนวนมีทั้งสิ้น 1,235,993 คน อยู่ในประเทศไทย 1,146,685 คน ในเกาหลี 49,099 คน ในมาเลเซีย 30,113 คน และอื่นๆ

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/cambodians-south-korea-send-home-21m-h1

พาณิชย์ แนะผู้ประกอบการใช้ E-Commerce ยกระดับการค้าใน CLMVT รับการแข่งขันยุคดิจิทัล หลังมีอัตราเติบโตสูง

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการจัดงาน CLMVT Cross-Border Digital Trade เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการจัดงานประชุมระดับผู้นำ CLMVT Forum 2019 ที่ผ่านมา โดยการจัดงานครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงานจากกลุ่มประเทศ CLMVT และอาเซียนกว่า 300 คน เพื่อเจาะลึกเรื่อง E-Commerce กับการค้าผ่านแดน สร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ประกอบการในการนำข้อมูลการค้าดิจิทัลข้ามพรมแดนไปใช้ในการวางแผนและปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจการค้ายุคใหม่ และให้มุมมองของภาครัฐในการจัดทำข้อมูลการค้าผ่านระบบดิจิทัล เพื่อใช้ในการพัฒนาผู้ประกอบการ รวมถึงการกำหนดนโยบายและเสนอแนะแนวทางด้านเศรษฐกิจการค้าของประเทศได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากขึ้น จึงเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายกันในภูมิภาคอีกด้วย โดยจากข้อมูลสถิติ พบว่าสัดส่วนของมูลค่า E-Commerce ในภูมิภาคแปซิฟิก แบบ B2C ใน GDP สูงที่สุดในโลกอยู่ที่ร้อยละ 4.5 และในปี 2562 มูลค่าของ E-Commerce ในภูมิภาคนี้จะอยู่ที่ 3.81 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยประเทศที่มีมูลค่าของ E-Commerce ของกลุ่มประเทศ CLMVT คือ ไทย ด้วยมูลค่า 3.1 ล้านล้านบาท ในปี 2561 

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/iq03/3024399

เวียดนามส่งออกข้าว 1.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562

จากรายงานของกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการส่งออกข้าวอยู่ที่ 1.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 14.3 ส่วนทางด้านปริมาณ 4.01 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยทางทางกระทรวงฯ มองว่าราคาสินค้าเกษตรทั่วโลกลดลงประมาณร้อยละ 5-15 โดยเฉพาะราคาข้าวในทุกชนิด ส่งผลให้ประเทศทั่วโลกต่างสต๊อกพืชผลทางการเกษตร เพื่อให้อุปทานผลผลิตกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งในปี 2561 ตลาดข้าวพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งในแง่ของปริมาณผลผลิตและมูลค่า ทำให้ราคาข้าวของเวียดนามเพิ่มขึ้นมากกว่า 500 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน นอกจากนี้ คาดว่าราคาข้าวในประเทศจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เป็นผลมาจากความต้องการสูงขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/523714/viet-nam-earns-173-billion-from-rice-exports-in-first-seven- months-of-2019.html#b142US0x0ZDSWpzm.97

เวียดนามสืบสวนการทุ่มตลาดสำหรับพลาสติกจากประเทศจีน มาเลเซีย และไทย

เวียดนามดำเนินการตรวจสอบการทุ่มตลาดสำหรับวัตถุดิบพลาสติกจากบริษัทจีน ไทย และมาเลเซีย ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม โดยการสอบสวนได้เริ่มขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามข้อร้องเรียนจากผู้ผลิตพลาสติก 2 กลุ่ม ได้แก่ บริษัท Hung Nghiep Formossa จากประเทศไต้หวันและบริษัท  Youl Chon Vina จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งการ นำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกจากทั้ง 3 ประเทศดังกล่าว ล้วนสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลมาจากบริษัทดังกล่าวมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 77 ของผลผลิตพลาสติกเวียดนาม โดยหลายๆบริษัทได้เสนออัตราภาษีสำหรับสินค้าพลาสติก จากประเทศจีน มาเลเซีย และไทย ทั้งนี้ ได้มีการประกาศเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดชั่วคราวสำหรับสินค้าอลูมิเนียมที่มาจากประเทศจีน และวัสดุไม้ มาจากประเทศไทยและมาเลเซีย

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/industries/vietnam-investigates-plastic-dumping-by-china-malaysia-thailand-3964222.html

ผู้ประกอบการคาสิโนต่างชาติ สนใจลงทุนในเมียนมา

ผู้ประกอบการคาสิโนทั้งจากฮ่องกง ไต้หวัน และมาเก๊าได้สอบถามเกี่ยวกับการดำเนินการคาสิโนในพม่าหลังจากผ่านกฎหมายการพนันของเดือน พ.ค.ปี 2561 ซึ่งแทนที่กฎหมายฉบับเดิมปี 2529 ผู้อำนวยการด้านการลงทุนและบริหารของบริษัท (DICA) ได้ให้นักลงทุนคาสิโนจากฮ่องกง ไต้หวัน และมาเก๊าได้หาโอกาสลงทุนในประเทศอย่างจริงจังหลังจากผ่านกฎหมายซึ่งอนุญาตให้ชาวต่างชาติเท่านั้นที่เข้าคาสิโนได้ โดยกำลังมองหาการตั้งธุรกิจทั้งในย่างกุ้ง พื้นที่ชายแดนหรือบนเกาะ แต่ต้องมีกฎระเบียบและขั้นตอนเฉพาะก่อนที่จะสามารถตั้งคาสิโนได้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเดี่ยวหรือโรงแรมที่ติดอยู่ รัฐบาลมีแผนที่จะให้คาสิโนเข้ามาตั้งในประเทศเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและช่วยเพิ่มรายได้จากภาษี ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/foreign-casino-operators-looking-set-myanmar.html

แพลตฟอร์มการชำระเงิน Alipay พิจารณาเข้าสู่ตลาด สปป.ลาว

แพลตฟอร์มการชำระเงินทางมือถือ Alipay ของจีนเตรียมที่จะทำการลงสู่ตลาด สปป.ลาว หลังจากธนาคารเพื่อการพัฒนาของ สปป.ลาว (LDB) ได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท KIWI ที่กำลังจะเปิดให้ใช้บริการ ซึ่ง KIWI Group เป็นผู้ให้บริการในด้าน FIN Tech ภายใต้การให้บริการการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด โดยบริการนี้จะช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถชำระเงินหรือทำธุรกรรมที่ร้านค้าและร้านอาหารใน สปป.ลาว ที่เป็นพันธมิตรกับ LDB โดย Alipay เป็นแพลตฟอร์มที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2547 ปัจจุบันมีผู้ใช้แอพพลิเคชั่นในการชำระเงินถึง 1 พันล้านคนในจีน การพัฒนาดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อ สปป.ลาวซึ่งกำลังผลักดันด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ในปี 2562 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้มากขึ้น ซึ่งมีผู้มาเยือน สปป.ลาวมากกว่า 4.1 ล้าน คนในปี 2561 เพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยมี นักท่องเที่ยวมากกว่า 800,000 คน มาจากจีนเพิ่มขึ้น 26% ตามข้อมูลกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของ สปป.ลาว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2019/08/07/alipay-payment-platform-set-to-enter-laos/

การร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับหลักทรัพย์ฯของไทยและกัมพูชา

หน่วยงานกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์ในประเทศกัมพูชาและประเทศไทยได้ประกาศแผนการที่จะทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมตลาดทุนภายในประเทศ โดยตกลงว่าจะทำการส่งเสริมและพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ของกัมพูชาทั้งยังเคยลงนามทำ MoU ระหว่าง SECC และ SEC Thailand ขึ้นในปี 2557 และทางกัมพูชาได้เสนอให้มีการลงนามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ข้ามพรมแดนและการออก DR การเสนอขายหลักทรัพย์ข้ามพรมแดนจะช่วยขยายธุรกิจของผู้ออกตราสาร เพิ่มสภาพคล่อง และเป็นการเข้าถึงนักลงทุนที่มีศักยภาพมากขึ้น โดย CSX ได้เปิดตัวในปี 2555 แต่จนถึงปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนเพียงแค่ 5 บริษัท ซึ่งในไม่ช้า CSX จะทำการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินออกมาเพิ่ม ถือเป็นการสร้างทางเลือกให้กับนักลงทุน และมากไปกว่านั้นจะมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนแล้วทำ IPO มากยิ่งขึ้น โดยในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาตลาด CSX มีการระดมทุนไปแล้วที่ 120 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50630865/cambodian-thai-bourse-regulators-to-work-together/