การค้า กัมพูชา-ไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในช่วง 8 เดือน

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.14 คิดเป็นมูลค่า 5,238 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ รายงานโดยกระทรวงพาณิชย์ของไทย แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม กัมพูชาส่งออกสินค้ามูลค่ารวม 623 ล้านดอลลาร์ ไปยังประเทศไทย ลดลงร้อยละ 31.70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าของกัมพูชาจากประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าวกลับขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.76 คิดเป็นมูลค่า 4,614 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าภาคการเกษตรถือเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชาไปยังประเทศไทย ในขณะที่การส่งออกของไทยไปกัมพูชาส่วนใหญ่ประกอบด้วย ปุ๋ยทางการเกษตร อาหารและเครื่องสำอาง ซึ่งทั้งสองประเทศตั้งเป้าทำการค้าทวิภาคีร่วมกันสูงถึง 15 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2023 โดยเมื่อปีที่แล้วมูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศอยู่ที่ 7.236 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 23 จากปี 2019

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50943079/cambodia-thailand-eight-month-trade-inches-up/

รัฐบาลสปป.ลาวและเวียดนามพิจารณาความเป็นไปได้ในการสร้างทางด่วนเวียงจันทน์-ฮานอย

รัฐบาลสปป.ลาวและเวียดนามกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการสร้างทางด่วนเชื่อมเวียงจันทน์กับฮานอย ด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา 2 เส้นทาง โดยเส้นทางแรกจะวิ่งผ่านเวียงจันทน์-ปากซาน-เวียงทอง-Thanh Thuy-Hanoi เป็นระยะทาง 725 กิโลเมตร                    เป็นเส้นทางในประเทศลาว 355 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายโดยประมาณจะอยู่ที่ 5.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเส้นทางที่ 2 เป็นเส้นทางผ่านเวียงจันทน์-นาแพง-ไซสมบูรณ์-เชียงขวาง-ท่าลาว (จังหวัดหัวพัน)-ฮานอยระยะทาง 730 กม. เป็นเส้นทางในประเทศลาว 485 กม. ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของเส้นทางนี้จะอยู่ที่ประมาณ 9.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสร้างทางด่วนแล้วเสร็จจะเป็นอีกก้าวหนึ่งในการเปลี่ยนประเทศสปป.ลาวจากการไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นทางเชื่อมทางบกภายในภูมิภาค

 ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Vientiane_Hanoi_189.php

นักลงทุนต่างชาติ เชื่อมั่นเศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัว

หนังสือพิมพ์ Dau Tu (Viet Nam Investment Review) รายงานว่านักลงทุนต่างชาติเข้ามาขยายการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อขยายการผลิตในเวียดนาม สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนาม อีกทั้ง ทางฝั่งของบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติสวิส “เนสท์เล่ (Nestle)” ชี้ว่ากำลังทุ่มเงินเพิ่มอีกกว่า 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มูลค่าการลงทุนในเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 730 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากบริษัทอย่างเนสท์เล่แล้ว ยังมีบริษัทต่างชาติอื่นๆ ที่คงรักษาการดำเนินงานในเวียดนามต่อไป แม้จะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) มองว่าถึงแม้เวียดนามจะเผชิญกับความท้าทายหลายอย่างในปัจจุบันที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แต่ธุรกิจญี่ปุ่นในเวียดนามจะพยายามปรับตัวและพัฒนาระบบการผลิตในสถานการณ์ใหม่ นอกจากนี้ หอการค้ายุโรปในเวียดนาม ชี้ว่านักธุรกิจยุโรปยังคงเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเวียดนามว่าจะประสบความสำเร็จในการควบคุมไวรัสโควิด-19 และตั้งใจที่จะรักษาการดำเนินงานในเวียดนามอีกต่อไป

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/foreign-investors-keep-trust-in-vietnams-recovery/208690.vnp

 

‘เวียดนาม’ เผย 8 เดือนแรกปีนี้ ยอดส่งออกไปยังกัมพูชา พุ่ง 16.7%

ตัวเลขการส่งออกของเวียดนามไปยังกัมพูชาในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 3.15 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เวียดนามขาดดุลการค้ากับกัมพูชา 354.4 ล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวียดนามขาดดุลการค้า คือการนำเข้าเพิ่มขึ้นของสินค้าสำคัญ 6 รายการจากกัมพูชา เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะเม็ดมะม่วงหิมพานต์และยางพาราที่มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นสูงสุด ทั้งนี้ ยอดเงินทุนจดทะเบียนของเวียดนามในกัมพูชานั้น มีมูลค่ากว่า 2.85 พันล้านเหรียญสหรัฐ การลงทุนส่วนใหญ่จะเข้าไปในภาคเกษตรกรรม ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเวียดนามเข้าไปลงทุนในกัมพูชา เนื่องจากค่าแรงงานถูก สภาพแวดล้อมที่ดินมีความเหมาะสม สภาพภูมิอากาศและแรงจูงใจ เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-exports-to-cambodia-up-167-percent-in-eight-months/208682.vnp

 

หอการค้าอินโดนีเซียให้คำมั่น ส่งเสริมการค้าระหว่างกัมพูชา

เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศกัมพูชา กล่าวว่าหอการค้าแห่งใหม่ของอินโดนีเซีย (IndoCham) จะช่วยให้นักลงทุนภายในประเทศอินโดนีเซียค้นพบโอกาสทางธุรกิจในกัมพูชามากขึ้นและคาดว่าจะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการค้าทวิภาคีระหว่างกัน โดย IndoCham กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายภาคธุรกิจ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแนวทางในการปฏิบัติที่ดีที่สุด รวมถึงแบ่งปันหรือร่วมมือกันในโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนภายในกัมพูชาเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งการส่งออกของกัมพูชาไปยังอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 18 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นับจากสิ้นปี 2020 คิดเป็นมูลค่า 47 ล้านดอลลาร์ ตามการระบุของกระทรวงการค้าอินโดนีเซีย โดยการค้าทวิภาคีระหว่างปี 2016 ถึง 2020 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 คิดเป็นมูลค่ารวม 661 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 ซึ่งกัมพูชาส่งออก เสื้อผ้า สิ่งทอ รองเท้า และเครื่องประดับเป็นหลัก ด้านการนำเข้ากัมพูชานำเข้า เครื่องจักร ยานพาหนะและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์กระดาษ ถ่านหิน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และยารักษาโรค จากอินโดนีเซียเป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50942124/new-indonesia-chamber-of-commerce-promises-boost-in-trade-ambassador/

กัมพูชา-เกาหลีใต้ ทำการค้าร่วมกัน 635 ล้านดอลลาร์

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.33 คิดเป็นมูลค่า 635.5 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ รวมถึงทั้งสองประเทศได้เตรียมการที่จะลงนามเพิ่มเติมบนข้อตกลงการค้าเสรีในช่วงเดือนหน้า โดยตัวเลขจากสมาคมการค้าระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ได้ระบุว่าการส่งออกของกัมพูชาไปยังเกาหลีใต้ในช่วงเดือน มกราคม-สิงหาคม มีมูลค่าอยู่ที่ 226.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าทั้งหมดของกัมพูชาจากเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16.2 คิดเป็นมูลค่า 409.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกัมพูชาส่งออกรองเท้าและเครื่องแต่งกาย รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อการเดินทาง เครื่องดื่ม ชิ้นส่วนไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยาง ยา และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นหลักไปยังเกาหลีใต้ ในทางกลับกันกัมพูชาทำการนำเข้า ยานพาหนะ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในครัว เครื่องดื่ม ยา พลาสติกและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50942123/cambodia-south-korea-trade-reaches-635-million/

‘อาคม’ชี้ GDP โตแม้โควิดป่วน ‘กสิกร’ฟันธงส่งออกปีนี้พุ่ง12.4%

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยภายในงาน Sustainable Thailand 2021 ว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโควิด-19  ผ่านหลายโครงการ เช่น คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นต้น เพื่อรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศไว้ คาดว่าในปี 2565 เศรษฐกิจจะเติบโตอยู่ที่ 4-5% ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้คาดการณ์ส่งออกในปี 2564 ที่ 12.4% โดยมองว่า 4 เดือนที่เหลือของปี 2564 การส่งออก จะยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง แต่อาจชะลอตัวลงเล็กน้อยจากช่วง 8 เดือนแรก ทำให้การส่งออกเดือนส.ค. 2564 ขยายตัวอยู่ที่ 8.93% ชะลอลงจาก 20.3% ในเดือนก.ค.2564 อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปใน CLMV (กัมพูชา-ลาว-เมียมา-เวียดนาม) กลับมาหดตัวในรอบ 6 เดือน โดยหดตัวอยู่ที่ 0.03% หลังการส่งออกไปเวียดนาม (-17.2%) กลับมาปรับตัวลดลงอย่างมากหลังเผชิญสถานการณ์การระบาดที่รุนแรง

ที่มา: https://www.naewna.com/business/605045

 

ไทยเตรียมเปิดชายแดนไทย-เมียนมา ชั่วคราว 1 ต.ค. 64

ผู้ค้าชายแดน เผย ชายแดนไทย – เมียนมาที่ประจวบคีรีขันธ์พร้อมเปิดอีกครั้งในวันที่ 1 ตุลาคม 64 เนื่องจากอัตราการติดเชื้อในประเทศของไทยลดลง ซึ่งด่านชายแดนนี้ทำการค้ากับชายแดนมะตองในเมืองตะนาวศรี ที่ผ่านมาไม่สามารถส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งได้ จากปัญหาการเมือง เศรษฐกิจตกต่ำจากการระบาดของโควิด-19 และจะอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เท่านั้นที่จะเข้าและออกจากประตูชายแดนได้ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวจะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้า 13 เขตชายแดนของไทย

ที่มา: https://news-eleven.com/article/216659

อาเซียน-สหรัฐฯ ให้คำมั่นจะร่วมมือกันควบคุมการระบาดของโควิด-19

บรรดาผู้นำอาเซียนและสหรัฐฯ ให้คำมั่นที่จะกระชับความร่วมมือในด้านสำคัญๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต่อสู้ร่วมกันเพื่อต่อต้านการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งสองฝ่ายหารือถึงการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการปี 2564-2568 โดยผู้นำตกลงที่จะกระชับความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา การผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ร่วมกัน การเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียมกันผ่าน COVAX Facility และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ พวกเขายังตกลงที่จะร่วมมือในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาที่ยั่งยืน ความเชื่อมโยงในอาเซียน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน

 ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Asean_188.php

บมจ. มะริด คอร์ปอเรชั่น ได้รับอนุญาติประมูลปลาที่เมืองมะริด เขตตะนาวศรี

บริษัท มะริด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทได้รับการอนุมัติการประมูลปลาและปฏิรูปที่ดินในปีหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วในหมู่บ้านสันดาวาส เมืองมะริด เขตตะนาวศรี ด้วยเงินทุน 300 ล้านเดอลลาร์สหรัฐฯ  (500 พันล้านจัต) โดยโครงการนี้มีกำหนดดำเนินมาเป็นเวลาเจ็ดปีและจะสร้างงานนับหมื่นตำแหน่งตั้งแต่เริ่มการก่อสร้าง ซึ่งโครงการแบ่งออกเป็นสี่ส่วน: พอร์ตการขนถ่าย;ห้องเย็น; โรงงานแปรรูปวัตถุดิบ, ที่อยู่อาศัย และสถานที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พื้นที่ 2,100 เอเคอร์และมีกำหนดจะแล้วเสร็จในปี 2571 หมู่เกาะมะริด เป็นแหล่งสินค้าประมงที่สำคัญของเมียนมา ซึ่งตลาดส่งออกและตลาดปลาที่สำคัญคือประเทศไทย

ที่มา: https://news-eleven.com/article/216541