แอร์เอเซียมีแนวโน้มขยายตัวในกัมพูชา

แอร์เอเชียกำลังมองหาความเป็นไปได้ที่จะขยายเข้าไปในกัมพูชาผ่านการเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทในท้องถิ่น ซึ่งรายงานของ Nikkei Asian Review รายงานว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งในสามประเทศในเอเชียที่แอร์เอเซียมองหาพันธมิตรในท้องถิ่น โดยแอร์เอเชียมีเที่ยวบินไปยังกัมพูชาแล้วแต่ในปัจจุบันยังไม่มีเครือข่ายในท้องถิ่นต่างจากอินโดนีเซีย ไทยและประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกัมพูชาในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวทำให้ผู้ให้บริการจากต่างประเทศจำนวนมากมองไปที่การขยายตัวภายในประเทศ โดยปัจจุบันมี บริษัท สายการบินกว่า 49 แห่ง ที่ให้บริการในตลาดการบินของกัมพูชา ในขณะที่สายการบินเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสายการบินต่างประเทศ ซึ่งกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเป็นอันดับสามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากเวียดนามและอินโดนีเซีย โดยในปี 2561 กัมพูชาได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ 6.2 ล้านคน โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 6.7 ล้านคน ซึ่งกัมพูชาผลักดันให้มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศมากขึ้น โดยกัมพูชาตั้งเป้าหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 12 ล้านคนภายในปี 2568

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50663646/malaysias-airasia-looks-to-expand-into-the-kingdom/

สถานทูตสิงคโปร์เสนอจัดเทศกาลศิลปะบนท้องถนนในกัมพูชา

กระทรวงการท่องเที่ยวและสถานทูตสิงคโปร์กำลังพิจารณาจัดเทศกาล Street Art ณ กรุงพนมเปญในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อฉลองครบรอบ 55 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเทศกาลนี้จะมุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกัมพูชา ซึ่งในการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกับเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำกัมพูชากล่าวว่าสิงคโปร์กำลังมองหาการสนับสนุนจากกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชาและกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์เพื่อจัดงาน โดยผู้คนจะสามารถเข้าร่วมงานแสดงศิลปะจากศิลปินหลากหลายท่านและเพลิดเพลินไปกับอาหารและเครื่องดื่มภายในงาน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวยินดีรับพิจารณาเพราะความคิดริเริ่มของโครงการนี้คล้ายกับสิ่งที่กระทรวงกำลังดำเนินการอยู่ในบางประเด็นเช่นเดียวกับเทศกาล Food Street Festival ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเชื่อว่าเทศกาลสตรีทอาร์ตจะส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในกัมพูชาและจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ในขณะที่กระทรวงกำลังจัดทำโครงการ Food Street ซึ่งจะรวบรวมผู้ค้าอาหารในท้องถิ่น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50663743/singapore-embassy-proposes-street-art-festival/

ภาคการขนส่งเวียดนาม ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานกว่า 2 ล้านคน

จากข้อมูลของสมาคมโลจิสติกส์เวียดนาม (VLA) เปิดเผยว่าภาคโลจิสติกส์เวียดนามมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละมากกว่า 10 ต่อปี และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งตัวเลขสถิติ แสดงให้เห็นว่าในปัจจุบัน เวียดนามมีบริษัทรับจัดส่งสินค้า 30,000 แห่ง รวมถึง 4,000 แห่ง ที่ดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าในประเทศและระหว่างประเทศ หากจำแนกออกเป็นขนาดธุรกิจ พบว่าส่วนใหญ่ธุรกิจโลจิสติกส์เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดแคลนแรงงานกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องมาจากเวียดนามเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และการตกลงความร่วมมือการค้าเสรี (FTA) โดยคาดว่าในอีก 3 ปีข้าวหน้า ธุรกิจโลจิสติกส์เวียดนามต้องการพนักงานใหม่ 18,000 คน ทำให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องส่งเสริมคุณภาพการฝึกอบรมแรงงานในภาคโลจิสติกส์ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ตลาดโลจิสติกส์และคลังสินค้าเวียดนาม คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) อยู่ที่ร้อยละ 13.3 ในช่วงปี 2561-2565

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnams-logistics-sector-faces-labor-shortage-of-2-million-people-406638.vov

การรถไฟเวียดนามปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน

จากข้อมูลของการรถไฟแห่งเวียดนาม (VNR) ได้ทำการวางแผนที่จะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟที่ตอบสนองต่อความต้องการผู้ใช้บริการ รวมถึงการสร้างตู้รถไฟโดยสารใหม่ 300 คัน และสั่งซื้อหัวรถจักรเพิ่มมากขึ้น ในปี 2566 เนื่องมาจากตู้รถไฟโดยสารล้าสมัย ส่งผลต่อการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ทางการรถไฟแห่งเวียดนามได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างประเทศ ในการส่งเสริมการลงทุนตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ด้วยการที่หุ้นส่วนจะสร้างรถไฟ และเสนอให้ทางการรถไฟเวียดนามทำการลงนามข้อตกลงสัญญาเช่าซื้อ ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะลดลงร้อยละ 10 ตัวอย่างเช่น ค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 300 พันล้านด่อง (12.9 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อสร้างตู้รถไฟและค่าบำรุงรักษา ด้วยมูลค่า 40 พันล้านด่อง ด้วยเหตุนี้ ทางการรถไฟเวียดนามต้องใช้เงินราว 300 พันล้านด่อง แทนที่จะต้องเสียเงิน 340 พันล้านด่อง โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงิน ซึ่งจะประหยัดเงินทุนอย่างมาก

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-railways-to-upgrade-infrastructure-406655.vov

จีนแสวงหาเส้นทางผ่านแม่น้ำอิรวดี สำหรับระเบียงเศรษฐกิจ

จีนกำลังวางแผนที่จะสร้างการเชื่อมโยงการค้าและการขนส่งที่สำคัญกับเมียนมาผ่านแม่น้ำอิรวดี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา (CMEC) เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ไม่สะดวก คาดว่าจะเชื่อมโยงมณฑลยูนนานกับมัณฑะเลย์ก่อนจะแยกทางตะวันออกเฉียงใต้สู่ย่างกุ้งและตะวันตกเฉียงใต้ ในฝั่งจีนทางรถไฟและคลังสินค้าถูกสร้างขึ้นที่ Kunming Tenjun International Dry Port ส่วนเมียนมายังต้องการการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าเรือ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในอิรวดี อย่างการสร้างท่าเรือในพะโม ในรัฐคะฉิ่น อย่างไรก็ตามนักลงทุนจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์สนใจในโครงการท่าเรือตามแนวแม่น้ำอิระวดีซึ่งเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ พะโมมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นกับจีนดังนั้นเมืองนี้จึงเหมาะจะเป็นเมืองท่า  การเชื่อมโยง CMEC ผ่านทางอิรวดีนั้นเกิดขึ้นจากปัญหาความแออัด และความเสียหายที่เกิดจากการปะทะกันตามแนวทางหลวงของมัณฑะเลย์ – มูเซ และล่าเสี้ยว – ชินฉ่วยฮ่อ ปัจจุบันการก่อสร้างท่าเทียบเรือบรรทุกสินค้าแห้งของมัณฑะเลย์และท่าเรือนานาชาติย่างกุ้งได้เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งผงจาง – พะโม – มัณฑะเลย์ – ย่างกุ้ง มีการใช้ขนส่ง ขนถ่ายสินค้าแล้ว เมื่อสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าที่แล้วเส้นทางนี้จะมีสามารถรองรับการขนส่งสินค้ากว่า 20 ล้านตันต่อปีได้

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/china-seeks-road-river-route-ayeyarwady-economic-corridor.html

ธนาคารเพื่อการท่องเที่ยวเมียนมาปล่อยสินเชื่อให้สมาคมการท่องเที่ยว

ธนาคารการท่องเที่ยวแห่งเมียนมา (MTB) ประกาศว่าจะเริ่มปล่อยกู้แก่สมาชิกสมาคมการท่องเที่ยวแห่งสหภาพเมียนมา (UMTA) ในเดือนนี้ MTB ประกาศสินเชื่อ SMEs สำหรับสมาชิก UMTA ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทท่องเที่ยวและการท่องเที่ยว อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันกำหนดไว้ที่ 13% ต่อปีและผู้สมัครจะต้องทำประกันสำหรับสินเชื่อ (CGI) จากเมียนมาประกันภัย จำนวนเงินสูงสุดของสินเชื่ออยู่ที่ 20 ล้านจัต ด้วยเป็นธนาคารที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวจึงมุ่งปล่อยสินเชื่อให้กับภาคนี้ แต่ยังวางแผนที่จะให้การสนับสนุนแก่ภาคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและธุรกิจอื่น ๆ ในมุมมองนักธุรกิจคิดว่าอัตราเงินกู้สูงเกินไป แต่ก็ประสบปัญหาในการขอสินเชื่อกับธนาคารอื่น จากสถิติของกระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวมี บริษัทท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวมากกว่า 2,500 แห่ง แต่ส่วนใหญ่เป็น SMEs ในขณะเดียวกัน UMTA มีสมาชิกประมาณ 1,000 คน MTB เป็นหนึ่งในห้าธนาคารเฉพาะกิจที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางของเมียนมา (CBM) ในปี 60 ก่อตั้งขึ้นโดย บริษัท การท่องเที่ยวสาธารณะ วัตถุประสงค์เพื่อปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยว

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/bank-provide-tourism-association-members-no-collateral-loans.html

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางพร้อมคณะนายกรัฐมนตรีเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ ๓

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางพร้อมคณะนายกรัฐมนตรีเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ ๓ และการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี โดยนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมฯ ในฐานะประธานอาเซียนและปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานร่วมการประชุมฯ กับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ในวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ทั้งนี้ การประชุมจะทบทวนถึงความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลีในช่วง ๓๐ ปีที่ผ่านมา และการกำหนดทิศทางในอีก ๓๐ ปีข้างหน้า รวมถึงจะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นความเชื่อมโยง (connectivity) เพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองและความยั่งยืนระหว่างกัน และในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ ในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๑ โดยการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ยกระดับการประชุมสู่ระดับสูงสุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นการให้ความสำคัญของความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง (กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม) กับสาธารณัฐเกาหลี โดยที่ประชุมจะรับรองปฎิญญาแม่น้ำโขง-แม่น้ำฮัน โดยให้ความสำคัญกับประชาชน ความเจริญรุ่งเรืองของอนุภูมิภาค และสันติภาพ ซึ่งสอดรับกับแนวนโยบายของไทยที่จะส่งเสริมความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและผู้นำประเทศสมาชิกจะร่วมชมนิทรรศการความร่วมมือเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพระหว่างประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้หัวข้อ “วิถีชีวิตในลุ่มน้ำโขง เชื่อมโยงประชาชน สร้างอนาคตใหม่” (Life on the Mekong: Connecting People, Creating a New Future) ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นกิจกรรมคู่ขนานของการประชุมด้วย อนึ่ง กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับเกาหลี จัดตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๕๔ ประกอบด้วยสมาชิก ๖ ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย และสาธารณรัฐเกาหลี

ที่มา: https://www.ryt9.com/s/mfa/3070979

อุตสาหกรรมนำหรือสกัดทรัพยากรธรรมชาติจะเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของกัมพูชา

รัฐบาลกล่าวว่าอุตสาหกรรมสกัดเป็นเส้นทางหลักทางเศรษฐกิจ โดยการพัฒนาทางเศรษฐกิจของกัมพูชาส่วนใหญ่ได้แรงหนุนจากการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว เสื้อผ้าและภาคการเกษตร ซึ่งรัฐบาลกำลังมองหาความหลากหลายในอุตสาหกรรม โดยภาคการผลิตจะกลายเป็นแรงหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญ กล่าวโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน ในระหว่างการประชุมฟอรั่มอุตสาหกรรมสกัดครั้งที่ 8 ณ กรุงพนมเปญ ซึ่งอุตสาหกรรมนี้จะเป็นแรงหลังของเศรษฐกิจกัมพูชา ที่จะสร้างแหล่งรายได้ใหม่และสร้างงานให้กับชุมชนท้องถิ่น ซึ่งบริษัท KrisEnergy จากสิงคโปร์คาดว่าจะเริ่มการสกัดน้ำมันได้ในปีหน้า โดยรายได้จากน้ำมันที่สกัดในกัมพูชาจะถูกนำไปใช้ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงด้านการศึกษา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเหมืองแร่และพลังงานกล่าวว่ารายได้จากภาคเหมืองแร่และน้ำมันสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนคือรายได้จากภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี โดยรายได้ที่มิใช่ภาษีหมายถึงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตสัญญาเช่าที่ดินและค่าสิทธิที่จ่ายให้กับรัฐบาล

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50663802/extractive-industry-to-become-new-economic-driver-ministry/

บริษัทจากสหรัฐเร่งการลงทุนในกัมพูชา

การพบกันระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาขอให้สหรัฐฯเร่งการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรม การผลิตอัญมณี การผลิตไฟและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตัวแทนสถานทูตสหรัฐฯกล่าวว่าในไม่ช้าจะมีการจัดเวทีที่มุ่งเน้นภาคเกษตร โดยเป้าหมายของการจัดงานคือการช่วยเหลือและสนับสนุนการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในกัมพูชา ภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งนักการทูตสหรัฐฯกล่าวกับทางรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ว่า บริษัท General Electrics ได้แสดงความตั้งใจที่จะลงทุนในภาคพลังงานของกัมพูชา โดยโฆษกประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกากำลังส่งเสริมธุรกิจของสหรัฐฯให้แสวงหาโอกาสการลงทุนในกัมพูชารวมทั้งเชื่อมโยงบริษัทกัมพูชาเข้ากับธุรกิจในสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯกับกัมพูชา โดยวางแผนที่จะติดตามกิจกรรมนี้โดยเชิญ บริษัท ชั้นนำบางหลายแห่งของสหรัฐฯไปยังกัมพูชาในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อสำรวจโอกาสทางการค้าและการลงทุนในภาคเกษตรกรรมของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50663745/us-companies-urged-to-invest-in-cambodia/

เวียงจันทน์มั่นใจจะมีนักท่องเที่ยวลาว-จีน มาเที่ยวในปี 62 ถึง 2 ล้านคน

เจ้าหน้าที่เวียงจันทน์มีความมั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวน 2 ล้านคน สำหรับการเยี่ยมชมสปป.ลาว – ​​จีนในปี 62 ซึ่ง ผอ.ฝ่ายข้อมูลสารสนเทศวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของนครหลวงเวียงจันทน์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของเมืองร่วมมือกับภาคเอกชนพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น โดยการสร้างและปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวในเวียงจันทร์ เช่น การซ่อมแซมพิพิธภัณฑ์หอพระเกตุและเจดีย์หลวง ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเวียงจันทร์ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 1.5 ล้านคน โดยปัจจัยที่ทำให้เวียงจันทร์มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าเดิมนั้น นอกจากการร่วมมือกันในการสร้างและปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว อีกสาเหตุที่สำคัญคือเป็นจุดหมายปลายทางที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในประเทศ และเป็นศูนย์กลางสำหรับการเดินทางทั่วประเทศและยังต่อไปประเทศอื่น ๆ เข้าถึงตัวเมืองได้ง่ายจากทั้งทางอากาศหรือทางบก ก็ล้วนแล้วแต่สะดวกสบายต่อนักท่องเที่ยว จึงทำให้เวียงจันทร์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต  ทั้งนี้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวสปป.ลาวในช่วง 6 เดือนแรกมากถึง 2.2 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่แล้วถึง 5 %

ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Vientiane_on_256.php