อุตสาหกรรมเวียดนามเติบโตสูงที่สุด ในรอบ 4 ปี

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมเติบโตร้อยละ 9.56 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา และดัชนีภาคอุตสาหกรรม (IIP) ยังคงอยู่ในระดับเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ร้อยละ 11.37 รองลงมาภาคการผลิตไฟฟ้าและจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 และภาคการจัดหาน้ำประปาเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.43 ในขณะที่ ภาคการขุดเหมืองแร่ เริ่มส่งสัญญาขยายตัวเล็กน้อยร้อยละ 2.68  หลังจากหลายปีที่ผ่านมาลดลง เนื่องมาจากการใช้ถ่านหินที่เพิ่มขึ้น โดยผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสำคัญที่มีการเพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็ก ปิโตรเลียม โทรทัศน์ และอาหารเลี้ยงสัตว์น้ำ

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7968902-vietnam%E2%80%99s-industrial-growth-hits-four-year-high.html

เวียดนามคาดเกินดุลการค้า ในปี 2562

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 แม้ว่าสถานการณ์ตลาดทั่วโลกชะลอตัว จากการบริโภคและการนำเข้าที่ลดลง แต่สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของเวียดนามยังคงเกินดุลการค้าอยู่ที่ 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมูลค่าการส่งออกรวม 194.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน จากข้อมูลของ Trading Economics กล่าวว่าสถานการณ์การค้าเวียดนามในปีนี้ มีทิศทางที่เป็นบวก โดยเฉพาะอย่าง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงผลของข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เช่น CPTPP และ EVFTA ล้วนส่งผลให้มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น และช่วยสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคอุตสาหกรรมและการแปรรูป นอกจากนี้ จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ระบุว่าหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักการส่งออกของเวียดนาม คือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ผลิตโดยธุรกิจ Samsung, LG และ Cannon เป็นต้น

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7969702-trade-surplus-expected-for-2019.html

มัณฑะเลย์ออกกฎเข้มควบคุมมอเตอร์ไซค์และรถสามล้อ

เจ้าหน้าที่ของเมืองมัณฑะเลย์บังคับใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดกับมอเตอร์ไซด์และรถสามล้อ ในขณะที่มอเตอร์ไซด์และรถสามล้อช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรอบเมืองมีงานแต่ไม่มีใบอนุญาตซึ่งจะไม่ได้รับอนุญาตให้รับส่งผู้โดยสาร ซึ่งบางครั้งมักละเมิดกฎจราจรอย่างเช่น การวิ่งในทางที่ไม่ใช่เลนของตัวเองทำให้คนเดินเท้าตกอยู่ในอันตราย นายกเทศมนตรีเมืองมัณฑะเลย์กล่าวว่ามีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเอกสารนำเข้าของคนขับรถสามล้อที่ไม่ทำงานอย่างถูกต้อง บริษัทขนส่งบางแห่ง เช่น Grab และ O-way อบรมผู้ขับขี่ แต่คนอื่น ๆ จำเป็นต้องมีการดูแลมากขึ้น มีรถสามล้อที่มีใบอนุญาตมากกว่า 6200 คันในเขตมัณฑะเลย์ ปัจจุบันมีการตรวจสอบ 532 ครั้งตั้งแต่เดือน ม.ค. ส.ค. และพบว่ามีการละเมิดกฎแล้ว 1460 คัน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/mandalay-regulate-motorbike-taxis-three-wheelers.html

ชง 8 เรื่องเด็ดดันเที่ยวไทยพุ่ง

นายกลินท์  สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำคณะกรรมการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) เพื่อหารือความร่วมมือและนำเสนอประเด็นต่าง ๆ ของภาคเอกชนต่อการผลักดันเศรษฐกิจ โดยมีข้อเสนอประเด็นต่าง ๆ ประกอบด้วย 1.Digital Tourism Platform ขอรับการสนับสนุนแหล่งข้อมูลด้านการท่องเที่ยว และการประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ของกระทรวงและหน่วยงานภายใต้กำกับของกระทรวง 2.Downtown VAT Refund  โดยขอให้มีการทำVAT Refund ไปยังจังหวัดต่าง ๆ และขอให้ช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มจุดในการดำเนินการ VAT Refund 3.การอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว   สนับสนุนให้มีการปรับปรุง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 4.สนับสนุนโครงการพัฒนาการท่องเที่ยว ตามแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญ พ.ศ. 2561-2570 ให้มีผลในทางปฏิบัติ 5.โครงการทัวร์ริมโขง  ขอให้กระทรวงฯ ช่วยผลักดันการดำเนินโครงการทัวร์ริมโขงให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม และร่วมพัฒนาแผนแม่บทกับภาคเอกชน 6.โครงการไทยแลนด์ริเวียร่า  หอการค้าไทยสนับสนุนโครงการ โดยขอเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนแม่บท และแผนพัฒนาภายใต้โครงการไทยแลนด์ริเวียร่า 7.โครงการ 1 หอการค้า 1 ท่องเที่ยวชุมชน โดยการร่วมจัดหลักสูตรการอบรมให้ความรู้ชุมชน 8.การพัฒนาการท่องเที่ยวรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ ขอให้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการที่มีคุณภาพที่ดีรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ โดยขอให้มีการปรับปรุงแผนพัฒนาการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ

ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/410950

กัมพูชาต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสหภาพยุโรป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกัมพูชากล่าวกับรัฐบาลของเยอรมันว่าทางกัมพูชาต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสหภาพยุโรปและรักษาซึ่งสถานะทางการค้าหรือ EBA ไว้เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาและศึกษาระบบการบริหารสาธารณะรวมถึงร่วมพูดคุยในเรื่องของการแก้ปัญหา EBA ระหว่างสหภาพยุโรปและกัมพูชาที่กำลังจะสิ้นสุดลง โดยย้ำว่ากัมพูชาต้องการที่จะรักษาไว้ซึ่งสิทธิทางการค้าและความสัมพันธ์ที่ดีกับสหภาพยุโรปและประเทศอื่นๆ รวมถึงย้ำชัดว่ากัมพูชาใช้หลักการปกครองเพียงหลักการเดียวคือปกครองแบบประชาธิปไตยแบบเสรีหลายพรรค ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและสันติภาพที่เกิดภายในกัมพูชา โดยทางภาครัฐฯได้ทำการเคลื่อนไหวโดยการให้อดีตสมาชิกพรรคฝ่ายค้านกลับมาลงเวทีทางการเมืองได้ เพื่อไม่ให้สหภาพยุโรปเพิกถอน EBA แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50646867/cambodia-wants-good-relations-with-the-eu-sar-kheng/

สะหวันนะเขตยกเลิก Red tape เพื่อความสะดวกในการขนส่ง

เจ้าหน้าที่แขวงสะหวันนะเขตได้ประกาศยกเลิกการตรวจสอบจุดตรวจทั้งหมดตามถนนสายหลักเพื่อเร่งการขนส่งสินค้าและการส่งออก ซึ่งเจ้าแขวงได้ออกคำสั่งยกเลิกจุดตรวจสอบ เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในแขวงภาคกลาง ในคำสั่งการปิดจุดตรวจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะตระหนักถึงนโยบาย ‘สามเปิด’ ของรัฐบาลในการปรับปรุงบริการสาธารณะและเพิ่มการลงทุน ภายใต้คำสั่งได้ยกเลิกคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรและป่าไม้อาจดำเนินการในยานพาหนะเป้าหมายที่เชื่อว่ามีการละเมิดกฎหมาย ไม่อนุญาตให้มีการตรวจสอบทั่วไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นขั้นตอนล่าสุดโดยเจ้าแขวงของสะหวันนะเขต ได้รับการส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจหลักของประเทศเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้ ภาคกลางซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโน ได้ใช้วิธีการปรับปรุงใหม่โดยลดระยะเวลาในการขอรับใบอนุญาตเพื่อเริ่มธุรกิจใหม่อย่างมีนัยสำคัญ

ที่มา:http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Savannakhet_216.php

เวียดนามเกินดุลการค้า 9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562

จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามเกินดุลการค้าอยู่ที่ 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมูลค่าการค้าประมาณ 194 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน มูลค่าการส่งออกของภาคการลงทุนโดนตรงจากต่างชาติ (รวมถึงน้ำมันดิบ) 134.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.3 ของมูลค่าโดยรวม โดยสินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนาม ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วนประกอบ รองลงมาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ เครื่องแต่งกาย เครื่องจักรอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์ทำมาจากไม้ ไม้แปรรูป เป็นต้น ตามลำดับ ซึ่งตลาดส่งออกหลักของเวียดนาม ประเทศสหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุด รองลงมาสหภาพยุโรป จีน อาเซียน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน ตลาดนำเข้าหลักของเวียดนาม ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ อาเซียน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7967402-vietnam-poses-a-trade-surplus-of-us$5-9-billion-in-nine-months.html

เวียดนามเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติพุ่ง 26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562

จากข้อมูลของสำนักงานการลงทุนจากต่างประเทศ (FIA) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ 26.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติยังคงสนใจลงทุนในภาคการผลิตและแปรรูปมากที่สุด ด้วยมูลค่าประมาณ 18.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.1 ของการลงทุนจากต่างชาติรวม ตามมาด้วยภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยมูลค่า 2.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และภาคการค้าปลีกค้าส่ง ด้วยมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกว่า 109 ประเทศทั่วโลกที่ลงทุนในเวียดนาม ประเทศฮ่องกง (จีน) เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าราว 5.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รองลงมาเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ตามลำดับ โดยเมือง/จังหวัดที่ได้รับการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมากที่สุด ได้แก่ นครฮานอย รองลงมาเมืองโฮจิมินห์ และบิ่ญเซือง ตามลำดับ

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7967502-vietnam%E2%80%99s-fdi-inflows-reach-over-us$26-billion-in-nine-months.html

ผู้ว่านครพนมจับมือหอการค้าจังหวัด เยือนฮ่าห์ติ๋งห์-กว่างบิงห์วางแนวปฏิบัติร่วม

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และคณะหัวหน้าส่วนราชการ หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรม สมาคมเวียดนามแห่งประเทศไทย ภาคเอกชนจังหวัดนครพนม ได้เข้าเยี่ยมเยือนจังหวัดฮ่าติ๋งห์และกว่างบิ่งห์ เมื่อวันที่25-26 กันยายน ที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสนอให้รัฐบาลกลางสนับสนุนการปรับปรุงเส้นทางหลวง R8 เพื่ออำนวยความสะดวกความเชื่อมโยง การขนส่งสินค้าและประชาชนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้แวะเยี่ยมชมเขตเศรษฐกิจพิเศษของท่าเรือน้ำลึกหวุ๋นอ๋าง ที่สามารถเชื่อมโยงได้ทั่วโลก โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงถนนทางหลวง R12 และเสนอให้รัฐบาลนำเส้นทางดังกล่าวเข้าบรรจุในข้อตกลงการอำนวยความสะดวกการขนส่งภายใต้กรอบลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross Border Trade Agreement) เพื่อส่งเสริมการไปมาหาสู่กันและร่นระยะเวลาการขนส่งระหว่างกัน ฝ่ายเวียดนามขอพิจารณาการอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรแก่สินค้าศักยภาพ เช่น อาหารทะเล และเอกอัครราชทูตฯ ขอให้จังหวัดพิจารณาเชิญผู้แทนภาคเอกชนไทย สปป.ลาวและเวียดนาม ร่วมเดินทางกับคณะผู้แทนภาครัฐ เพื่อหารือถึงการร่วมทุนเพื่อเปิดเส้นทางเดินรถโดยสาร ไทย-ลาว-เวียดนาม ผ่านเส้นทาง R12 ทั้งนี้เอกอัครราชทูตฯ และรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หอการค้าได้เข้าร่วมการประชุมผู้บริหารระดับสูง 3 ประเทศ 9 จังหวัด ครั้งที่ 22ประกอบด้วย จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม และสกลนคร แขวงบอลิคำไซ แขวงคำม่วน จังหวัดเหงะอาน ฮาติ๋งห์ และกวางบิ่งห์ ซึ่งที่ประชุมได้รายงานผลการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกมิติ โดยที่ประชุมเอกอัครราชทูตฯ เสนอวาระสำตัญให้มีแนวทางปฏิบัติดังนี้ 1.การพัฒนาให้เส้นทาง R12 เป็นระเบียงเศรษฐกิจโดยผลักดันให้เกิดการลงทุนบนเส้นทาง อาทิ ธุรกิจท่องเที่ยวและสถานีบริการยานพาหนะและผู้เดินทาง เพื่อให้ทั้งสามประเทศได้ประโยชน์ร่วมกัน 2.ให้ภาคเอกชนพิจารณาจัดตั้งบริษัทร่วมทุนการรถโดยสารสามฝ่ายระหว่างไทย สปป. ลาวและเวียดนาม 3.จัดตั้งการหารือกลุ่มย่อยในเรื่องที่ต้องมีการพิจารณารายละเอียดและคัดเลือกประเด็นสำคัญขึ้นหารือระหว่างผู้บริหารจังหวัดในที่ประชุมใหญ่ เพื่อต่อยอดและกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป 4.เพิ่มจังหวัดของไทยที่มีความสัมพันธ์กับเวียดนามและ สปป.ลาวเข้าร่วมประชุมเพิ่มเติม อาทิ จ.อุดรธานีและ จ.อุบลราชธานี และ 5. เชิญให้ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทเดินรถ เข้าร่วมการประชุมเพิ่มเติมและอาจะแยกหารือกันโดยตรงแบบกลุ่มย่อยเป็นเรื่อง ๆ ไป

ที่มา: https://mgronline.com/business/detail/9620000093893

การลงทุน 6 รายการได้รับไฟเขียวจาก MIC

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ผ่านมาคณะกรรมการการลงทุนของเมียนมาร์ (MIC) ได้อนุญาตให้มีการลงทุน 6 รายการมูลค่า 147.903 ล้านเหรียญสหรัฐและ 2,000 ล้านจัต ประกอบด้วยปศุสัตว์, การผลิต, โรงแรมและการท่องเที่ยว, บริการอื่น ๆ และเหมืองแร่สามารถสร้างงาน 1,083 ตำแหน่งสำหรับคนในท้องถิ่น ตั้งแต่ปี 31 ถึงสิงหาคม 2562 จำนวนธุรกิจ 1,806 แห่งจาก 50 ประเทศได้ลงทุน 81,597.743 ล้านใน 12 ภาคธุรกิจ นักลงทุนชั้นนำ ได้แก่ สิงคโปร์ จีน และไทย แบ่งเป็นน้ำมันและก๊าซคิดเป็นสัดส่วน 27.48% การผลิตไฟฟ้าคิดเป็น 25.95% และภาคการผลิต 14.01% ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ถึง 14 ก.ย.ในปี 61-62 การลงทุนจากต่างประเทศ 262 รายมูลค่า 2594.544 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่า FDI รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนถึง 3959.640 ล้านเหรียญสหรัฐ จนถึงวันที่ 14 ก.ย. 61-ปัจจุบัน MIC อนุญาตให้ลงทุนภายใต้กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษมีมูลค่า 362.280 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบัน FDI มีมูลค่ารวม 4321.920 ล้าน

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/six-investments-get-green-light-from-mic