เทคนิคเพิ่มยอดขายสินค้าใน “เมียนมา”

จากการเพิ่มค่าแรงของรัฐบาลเป็น 126 บาทต่อวัน เพิ่มจากปี 2558 ถึง 33% ย่อมส่งผลต่อราคาสินค้า สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการแข่งขันที่สูงของ SME ไทยด้วยกันและคู่แข่ง จีน เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ดังนั้นเทคนิคการเพิ่มยอดขายทั้ง 5 กลยุทธ์นี้เป็นสิ่งที่ SME ไทยควรนำไปปรับใช้คือ ขยายสายการผลิต เพิ่มสายการผลิต ออกแบบสินค้าที่หลากหลายเพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้า ขยายส่วนแบ่งตลาดภายในตลาดเดิม หาคำตอบให้ได้ว่าลูกค้าไม่เลือกสินค้าเราเพราะอะไร นำมาเป็นโจทย์ในการพัฒนาสินค้าเพื่อเจาะกลุ่มให้ได้ ขยายตลาดไปยังนอกประเทศเมียนมา ด้วยเมียนมาถูกขนาบด้วยจีนและอินเดียที่ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาด และอาจได้เห็นโลจิสติกส์หลักในการเชื่อมโยงไทย-เมียนมา-อินเดียเข้าด้วยกัน เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย เพิ่มทางเลือกมากกว่าหน้าร้านขาย โดยเพิ่มสื่อทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น เช่น facebook หรือ LINE@ พัฒนาบริการหลังการขาย ยกระดับโดยการประกันและการให้ข้อมูลสินค้า

ที่มา: https://www.bangkokbanksme.com/article/22539

28 มีนาคม 2561

เคล็ดลับลงทุนในลาวจากเจ้าของ “วิวมอลล์” ศูนย์การค้าไทยที่ดังขีดสุดใน สปป.ลาว!

ดร.ณรงค์ ตนานุวัฒน์ นักธุรกิจไทยจากเชียงใหม่เจ้าของร้านโขงวิว และ วิวมอลล์ คอมมิวนิตี้ไลฟ์สไตล์แห่งแรกในเวียงจันทน์ ได้เผยเคล็ดลับสำคัญในการทำธุรกิจที่น่าสนใจไว้ดังนี้ 1.วิสัยทัศน์ผู้นำ การอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติพลิกจากประเทศ Land Locked เป็น Land Link ได้ 2. สร้างคุณค่าจากที่ดิน ที่ควรใช้ในเชิงพาณิชย์มากที่สุดและเลือกจุดที่เป็นแยกจราจร 3. ต้องเข้าในวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ ต้องรู้เรื่องราวอย่างลึกซึ้ง ถึงเริ่มลงมือ 4.Location เป็นสิ่งสำคัญสุด เช่น การที่ร้านเปิดบนถนนสาย 13 ที่เชื่อมถนน 450 ปี จากเวียงจันทน์ตรงมายังสะพานมิตรภาพไทย – ลาว 5.ดึงวัฒนธรรมมาเป็นสินค้า เช่น บรรยากาศภายในจะประดับไปด้วยภาพศิลปะแบบล้านช้าง 6. สำรวจคู่แข่ง สร้างระดับและมาตรฐานให้เหนือกว่าคู่แข่ง 7. ดัชนีการจดทะเบียนรถยนต์ แขวงไหนจดทะเบียนเยอะให้ไปลงทุนแขวงนั้น บทสรุป สำคัญคือการไปลงทุนที่ใดไม่ควรเอาเปรียบและประเทศนั้นต้องได้รับประโยชน์ด้วย

ที่มา: https://www.bangkokbanksme.com/article/22007

11 มีนาคม 2561

อัพเดท ปัจจัยและโอกาสการลงทุนใน สปป.ลาว

จากบทสัมภาษณ์ของ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายพาณิชย์) สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียงจันทน์ พบว่า ทั้ง 2 ประเทศมีมูลค่าการค้าขายตัว 5% แต่ติดลบในการส่งออกในภาคอุตสาหกรรม เพราะการเข้มงวดและโปร่งใสในโครงการสำคัญๆ เช่น เขื่อนไซยะบุรี ปีที่ผ่านมาได้มีการแก้กฎหมายการลงทุนทำให้มีต่างชาติทะลักเข้ามาลงเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะการคมนาคมและขนส่ง เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูงสปป.ลาว-จีน ที่แล้วเสร็จปี 2021 จากคุนหมิงถึงเวียงจันทร์ คาดว่าจะมีคนจีนเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนต่อปี ทั้งยังให้ความสำคัญกับภาคการเกษตร การศึกษา ระบบสาธารณสุข โดยเพาะด้านวัตถุดิบ SME ไทยควรเข้าไปหนุนด้านการผลิตและแพกเกจจิ้ง จะดีกว่าการนำสินค้าไปขายเอง และยังมีช่องทางลงทุนที่น่าสนใจ คือ การบริการด้านสุขภาพ พบว่าในปีที่จะถึงนี้กลุ่มทุนจากไทยไปเปิดโรงพยาบาลใน สปป.ลาว แล้ว ส่วนสินค้าความงาม และอาหาร พบว่าใช้สินค้าไทยสูง 60-70% และเรื่องของการศึกษาและธุรกิจแฟรนไชส์ยังไปได้ดี โดยปีที่ผ่านมาสมาคมแฟรนไชส์สามารถขายออกไปได้ถึง 10 แบรนด์

ที่มา: https://www.bangkokbanksme.com/article/22146

21 มีนาคม 2561

มีอะไรใหม่ ในหลวงพระบาง

ปี 2561 ที่ผ่านมา สปป.ลาวมีการเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารราชการโดยการยกแขวงหลวงพระบางขึ้นเป็น นครหลวงพระบาง เพื่อยกระดับการพัฒนาและเชื่อมโยงกับเมืองสำคัญของภูมิภาค โดยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การดูแลของ UNESCO มีประชากรทั้งสิ้น 71,812 คน เป็นเกษตรกรเพียง 5% มีศักยภาพในการลงทุน รองรับนักท่องเที่ยวได้ 550,000 คนต่อปี ทุกครัวเรือนสามารถเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคได้ร้อยเปอร์เซ็น ซึ่งหลวงพระบางนั้นเป็นความหวังด้านการท่องเที่ยวของ สปป.ลาว ปัจจุบันเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงจีน – สปป.ลาว โดยมี 1 สถานีของหลวงพระบางเป็นจุดจอดสำคัญ ซึ่งเชื่อมต่อกับการท่องเที่ยวสายวัฒนธรรมภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจ หลวงพระบาง อินโดจีน เมาะลำไย (LIMEC) ที่เชื่อมโยงด้านการค้า การลงทุน โลจิสติกส์ ฯลฯ กับประเทศไทยและเมียนมา เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า สปป.ลาวคาดหวังให้หลวงพระบางนครหลวงพระบางเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว เพราะ 7-8% ของจีดีพี เป็นการท่องเที่ยวที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา: กองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ

30 เมษายน 2561

จับตา “เบียร์คราฟท์”: ธุรกิจเกิดใหม่ที่โดดเด่นในภาคใต้ของเวียดนาม โอกาสของผู้ผลิตเบียร์จากไทย

ปัจจุบันวัฒนธรรมการดื่มเบียร์ที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่ผู้บริโภครุ่นใหม่และจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มมากขึ้น อัตราการบริโภคเบียร์เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย มูลค่า 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ การบริโภคอยู่ที่ 4.84 ล้านลิตรต่อปี ในนครนครโฮจิมินห์เมืองพบว่ามีธุรกิจการผลิต “เบียร์คราฟท์” มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่เป็นของชาวตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอังกฤษ และมีชาวเวียดนามหันมาทำธุรกิจนี้มากขึ้น เพราะการบริโคของชนชั้นกลางหรือรุ่นใหม่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ยังตั้งตัวเองเป็นเมืองหลวงแห่งเบียร์คราฟต์ของภูมิภาคอาเซียน อาศัยความได้เปรียบในการผลิต ต้นทุนไม่สูง ใช้วัตถุดิบในประเทศ โอกาสของผู้ประกอบการคือ การจัดตั้งธุรกิจง่าย ไม่ยุ่งยาก ตลาดสามารถเติบโตได้อีก ที่ตั้งประเทศสามารถกระจายสินค้าได้ดี นักลงทุนไทยสามารถเข้ามาเปิดโรงงานผลิตหรือรับจ้างผลิตลักษณะ OEM เพื่อนำไปขายได้ทั้งในและต่างประเทศได้

ที่มา: ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์

2 มีนาคม 2561

ส่องดู สปป.ลาว อย่าดูถูกตลาดใหม่ที่ยังมีช่องว่างให้เติบโต ก่อนจะคุยเรื่องรุกตลาดจีน

ก่อนที่จะไปบุกตลาดจีน เราควรมาพิเคราะห์ประเทศเพื่อนบ้านเราอย่าง สปป.ลาวกันก่อนว่ามีอะไรโดดเด่นเหมาะแก่การลงทุนกันบ้าง ด้วยความที่ไทยและ สปป.ลาวเป็นเพื่อนบ้านกัน วัฒนธรรม ภาษา การใช้ชีวิต จึงคล้ายคลึงกันและเป็นจุดเชื่อมต่อกับจีนที่กำลังหนุนสารพัดโครงการไม่ว่าจะเป็น ด้านโครงสร้างพื้นฐานและท่าเรือน้ำลึกเพื่อใช้ในการส่งออก การเป็นทางผ่านให้นักท่องเที่ยวจีนมุ่งสู่ไทย และปัจจุบันได้เกิดกลุ่มผู้บริโภคใหม่คือชนชั้นกลางมากขึ้นมีอำนาจซื้อมากขึ้น จึงเป็นโอกาสดีของสินค้าไทยที่การส่งงออกซึ่งชาว สปป.ลาว ให้ความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าและให้อยู่ในระดับเดียวกับสินค้าที่มาจากเกาหลี การจับจ่ายสินค้าส่วนใหญ่ใช้เป็นเงินสดไม่นิยมการผ่อน ไม่นิยมทานข้าวนอกบ้านเพราะมองว่าเป็นการสิ้นเปลือง นับว่าเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ที่มา: https://www.marketingoops.com/reports/industry-insight/laos-blue-ocean/

28 มิถุนายน 2561

จะเข้าไปลงทุนและจ้างงานในกัมพูชา ก็ต้องรู้จักคนของประเทศเขา

ปัจจุบันกัมพูชามีวัยแรงงาน 9 ล้านคน จากประชากร 19 ล้านคน อัตราว่างอยู่ที่ 0.4 % ต่ำเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ก่อสร้าง การท่องเที่ยว และการเกษตร มีกฎหมายแรงงานที่เข้มแข็ง ค่าแรงต่อเดือนอยู่ที่ 170 ดอลล่าร์สหรัฐและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จบขั้นประถมศึกษาและขาดแคลนแรงงานด้านเทคนิคและวิศวกร จากข้อมูลบริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนธุรกิจอาหารและวัสดุก่อสร้างจะนำสินค้ามาขายก่อนแล้วจึงตั้งโรงานเพื่อผลิตและส่งออก และให้คนท้องถิ่นบริหารเอง ทั้งนี้จะส่งบุคลากรไทยเพื่อมาสอนงานและวางระบบองค์กรก่อน ปัญหาที่พบ ขาดทักษะในด้านการปฏิบัติและการทำงานเป็นทีม คิดวิเคราะห์ไม่ได้ ให้ความสำคัญกับวันหยุดและเทศกาลต่างๆ ซึ่งจะไม่นิยมทำงานในวันหยุด และปัญหาคอร์รัปชันสูง ดังนั้นการลงทุนต้องศึกษาและเข้าใจวัฒนธรรมประเพณีและข้อควรปฏิบัติต่างๆ ก่อนการลงทุน

ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/644218

22 มีนาคม 2561

ไขกุญแจความสำเร็จโครงการมิกซ์ยูสในสิงคโปร์ สู่โอกาสการลงทุนในเวียดนาม

โครงการมิกซ์ยูสกำลังเป็นที่น่าสนใจของเวียดนามในตอนนี้ โดยมี 3 ส่วนที่ร่วมกันผลักดันคือ ภาครัฐ ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใช้ชีวิตแบบ (live – work – play) ในสถานที่เดียว สำหรับปัจจัยความสำเร็จคือ การผสมผสานกันของประเภทอสังหาฯ ทำเล และระบบขนส่งสาธารณะ ยกตัวอย่างของ Marina Bay Sands ในสิงคโปร์ โดยรัฐบาลเวียดนามเล็งการพัฒนาโครงการที่แขวงถูเทียม นครโฮจิมินห์ เพื่อรองรับการขยายพื้นที่ CBD (Central Business District) มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมและลดระยะเวลาของเมืองถูเทียมกับ CBD เช่น สร้างอุโมงค์และสะพาน ส่งผลให้ราคาที่ดินพุ่ง 40% แต่สิ่งที่พึงระวังคือ การลงทุนเป็นโครงการขนาดใหญ่ มูลค่าการลงทุนสูงและมีความซับซ้อน ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญในการจัดการเงินทุน เลือกผู้ร่วมลงทุนที่สอดคล้องกับประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุน ส่วนการลงทุนในต่างประเทศควรดูเงื่อนไขการลงทุน กฎหมาย การจัดการที่ดิน และมาตรการการส่งเสริมภาครัฐเป็นสำคัญ

เดินเกมค้าปลีกสมัยใหม่ในเมียนมา

ร้านค้าปลีกและค้าส่งสมัยใหม่ (Modern Trade) เป็นที่น่าจับตามองภายหลังอนุญาตให้ทุนต่างชาติครองสัดส่วนการถือหุ้นได้ 100% ใกล้เคียงกับไทยและเวียดนาม เพื่อให้เกิดการแข่งขันในอุตสาหกรรมและราคาที่เป็นธรรมสำหรับผู้บริโภค เพราะการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางจาก 9% เป็น 15% ในปี 63 อัตราการค้าปลีกเติบโตในปี 55 – 60 ปีละกว่า 8% ทำให้ทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนรวมกับบริษัทท้องถิ่นในรูปแบบร้านค้าปลีกอุปโภคบริโภคสมัยใหม่ (modern grocery store) บริษัทค้าปลีกมีแนวโน้มที่แข่งขันรุนแรงขึ้นหลังจากบริษัทต่างชาติสามารถลงทุนได้เต็มรูปแบบ ร้านค้าปลีกที่มีโอกาสเติบโตสูงคือ มินิซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เน้นประเภทอาหารพร้อมทานแทน เพราะสอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่เน้นความสะดวกและมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ทั้งนี้ ความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคจะเป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จ โดยจากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคชาวเมียนมาในย่างกุ้งและมัณฑะ พบว่าผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญด้านรสชาติและคุณภาพมากขึ้นซึ่งสูงกว่าด้านราคา ส่งผลให้สินค้านำเข้าเป็นที่นิยมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโอกาสในการนำเสนอสินค้าตราห้าง (private label) ถึงแม้ว่าสินค้าจากบริษัทชื่อดังของโลกอย่าง Coca Cola, Unilever หรือ Nestle แต่พบว่า 32% ของสินค้าที่วางขายซึ่งมีทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ต่างประเทศยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ราว 16% เชื่อได้ว่าสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่น่าจดจำได้ โดยเฉพาะสินค้าจากไทยที่ชาวเมียนมาเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าและราคาที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับสินค้าจากยุโรปหรือญี่ปุ่น แต่ความเสี่ยงของผู้ประกอบการคือ ความไม่พร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง ไฟฟ้าที่ไม่เสถียรและไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญในการหาพันธมิตรบริษัทขนส่งของเมียนมา รวมถึงพัฒนาระบบจัดการสินค้าคงคลังและมีการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา: https://www.scbeic.com/th/detail/product/4746

เมียนมาปรับกลยุทธ์อ้าแขนรับนักลงทุน

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาการลงทุนของเมียนมาลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับการเติบโตของเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงได้ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อผ่อนปรนไม่ว่าจะเป็น การจัดตั้งบริษัท Myanmar Credit Bureau Ltd. ขึ้นเป็นแห่งแรกเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้ SME เข้าถึงได้ง่าย เรื่องต่อมาคือการให้ต่างชาติเข้าลงทุนในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งได้ 100% จะเหลือเพียงร้านสะดวกซื้อและมินิมาร์ทที่คงไว้ให้กับคนท้องถิ่น ซึ่งธุรกิจค้าปลีกกำลังเป็นที่จับจ้องของนักลงทุนเพราะด้วยประชากรมากว่า 54 ล้านคนและเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวถึงราว 7% ต่อปี เป็นโอกาสของผู้ประกอบไทยที่เข้าไปลงทุนหรือร่วมค้ากับตัวแทนในท้องถิ่น และปัจจุบัน EXIM BANK ได้เปิดสาขาที่กรุงย่างกุ้งเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในการลงทุนได้อย่างมั่นใจ

ที่มา: http://www.exim.go.th/doc/adn/49741_0.pdf

5 มิถุนายน 2561