เงินเฟ้อเมียนมาผ่อนคลายลงจากอุปสงค์ที่ลดลง

รายงานของCentral Statistical Organization (CSO)ในเดือนมิถุนายน 63 การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงอันเป็นผลมาจาก COVID-19 ได้ส่งผลต่อระดับเงินเฟ้อในเมียนมาลดลงตามไปด้วย สัญญาณของการผ่อนคลายเกิดขึ้นครั้งแรกในเดือนมีนาคมหลังจากมีผู้ติดเชื้อรายแรกในเมียนมา อัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาที่ร้อยละ 7.9 ในเดือนมิถุนายน ในความเป็นจริงแล้วเงินเฟ้อในเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะเกิดการระบาด โดยพุ่งสูงขึ้นในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วเมื่อรัฐบาลเลิกอุดหนุนอัตราค่าไฟฟ้าเป็นครั้งแรก ด้วยราคาไฟฟ้าและสิ่งจำเป็นอื่น ๆ เช่น อาหารและน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอัตราเงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดที่ร้อยละ 9.2 ในเดือนกุมภาพันธ์ 63 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8 ของเดือนกรกฎาคม 62 ธุรกิจในท้องถิ่นได้รับความเดือดร้อนส่วนใหญ่ประสบปัญหายอดขายและกระแสเงินสดลดลงส่งผลให้การเข้าถึงสินเชื่อลดลงไปด้วย จากผลการสำรวจของธนาคารโลก ระบุว่าร้อยละ 16 บริษัทต่างๆ ปิดกิจการชั่วคราวเฉลี่ยแปดสัปดาห์จากการระบาดของ COVID-19 เป็นผลให้อัตราเงินเฟ้อของเมียนมาคาดว่าจะลดลงอีกในปีนี้ประมาณร้อยละ 6 จนถึงปีหน้า ขณะเดียวกันการเติบโตของ GDP คาดว่าจะลดลงจากร้อยละ 6.8 ในปีงบประมาณ 61-62 เหลือเพียงร้อยละ 1.8 ในปีงบประมาณปัจจุบัน การคาดการณ์ของธนาคารโลกนั้นเลวร้ายกว่ามาก GDP ของเมียนมาจะลดเหลือเพียงร้อยละ 0.5 ในปีนี้ ข้อมูลของธนาคารโลกและธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเซียเผยหากควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสในประเทศได้รวดเร็วเท่าใด GDP อาจฟื้นตัวได้ในปีหน้าโดยแตะที่ระดับร้อยละ 6 และร้อยละ 7.2

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/pressure-eases-myanmar-inflation-due-declining-consumer-demand.html