ลิ้นจี่พร้อมออกขาย ที่ตลาดกะตา เขตซะไกง์

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 64 ลิ้นจี่ที่ปลูกในเมืองกะตาเขตซะไกง์พร้อมวางขายในตลาดเมืองซะไกง์ และมีการส่งไปขายที่เมืองมัณฑะเลย์และเมืองที่-กไหย่ง์ (Htigyaing) โดยราคาจะอยู่ที่ ตะกร้าละ 45,000 จัต สำหรับแพ็กเกจขนาดใหญ่และ 35,000 จัต สำหรับแพ็กเกจขนาดเล็ก แม้ลิ้นจี่ที่ปลูกในเขตเมืองกะตาจะไม่ได้ราคาดีเหมือนปีที่แล้ว แต่ยอดขายยังพอไปได้ ทั้งจากกำลังซื้อของผู้ซื้อและผลผลิตลิ้นจี่ที่ลดลงจากปีก่อน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/lychee-for-sale-in-markets-in-katha-sagaing-region/

การยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายส่งผลราคาข้าวโพดเมียนมาตกฮวบ

Myanmar Corn Industrial Association เผย ไทยไฟเขียวนำเข้าข้าวโพดปลอดภาษี (พร้อมยื่น Form D) ผ่านด่านแม่สอด ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ถึง 31  และสถานะการยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายสำหรับการส่งออกข้าวโพดได้สิ้นสุดไปตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมาส่งผลให้ราคาข้าวโพดตกต่ำลง ทั้งนี้เมียนมาตั้งเป้าส่งออกข้าวโพดไปไทย 1 ล้านตันในปีนี้ จนถึงขณะนี้มีการส่งออกไปแล้วประมาณ 600,000 ตัน ในปีประมาณ 62-63 มีการส่งออกข้าวโพด 2.2 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 360 ล้านดอลลาร์ ซึ่งพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดส่วนใหญ่อยู่ในรัฐชาน , คะฉิ่น, กะเหรี่ยง, มัณฑะเลย์, ซะไกง์ และมะกเว ผลผลิตข้าวโพดในประเทศอยู่ที่ประมาณ 2.5-3 ล้านตันต่อปี –

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/revocation-of-withholding-tax-exemption-on-corn-exports-causes-price-downtrend/#article-title

ผู้ผลิตเร่งหาแนวทางผลิตสินค้าเจาะตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ในการประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่างสมาคมสหกรณ์อุตสาหกรรมของเมียนมา กระทรวงเกษตรปศุสัตว์และชลประทาน และกระทรวงสหภาพแรงงาน เมื่อเช้าวันที่ 8 พฤษภาคม 64 ที่ผ่านมา โดยมีความเห็นตรงกันว่าควรส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ที่มีคุณภาพและจำหน่ายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มเพื่อพัฒนาชนบทสร้างโอกาสในการทำงานและยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่น ซึ่งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในห่วงโซ่การผลิตต้องหาแนวทางและวิธีการในการผลิตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของภูมิภาคและเพื่อเจาะตลาดในและต่างประเทศ ทั้งนี้ยังขอความช่วยเหลือทางเทคนิคในการผลิตจากกรมเกษตรและกรมอุตสาหกรรมขนาดเล็กเพื่อการผลิต

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/manufacturers-urged-to-seek-ways-for-commercial-scale-manufacturing-of-products-penetrate-local-and-foreign-markets/#article-title

ฤดูร้อนเกษตรกรเมืองยอง อู ปลูกถั่วเขียวได้ราคาถึง 40,000 จัตต่อตะกร้า

ในฤดูร้อนเกษตรกรจากเขตเมืองยอง อู ประสบผลสำเร็จในการปลูกถั่วเขียวบนพื้นที่กว่า 300 เอเคอร์โดยใช้น้ำจากแม่น้ำ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตและจำหน่ายได้ราคาสูงถึง 42,000 จัตต่อตะกร้า ซึ่งเพิ่มมากขึ้นในกว่าปีที่แล้ว โดยจะเริ่มหว่านในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากปลูกได้ 45 ถั่วเขียวก็เริ่มแตกหน่อและออกดอก หลังจากนั้นสองเดือนก็จะนำผลผลิตไปขายที่นายหน้าที่มารับซื้อ ซึ่งแต่ละเอเคอร์สามารถให้ผลิตตะกร้าได้ถึง 20 ตะกร้า สำหรับต้นทุนการเพาะปลูกจะอยู่ที่ 3,000 จัตต่อเอเคอร์ ในทางตรงกันข้ามการปลูกข้าวในช่วงฤดูร้อนมีต้นทุนสูงถึง 9,000 จัตต่อเอเคอร์ ณ ตอนนี้ราคาถั่วเขียวอยู่ที่ 42,000 จัตต่อตะกร้าในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นช่วงที่ทำกำไรให้กับเกษตรกร

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/cultivation-of-summer-green-gram-succeeds-selling-for-k40000-per-basket/

เดือน เม.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เมียนมา ลดฮวบลง 5 เท่า

ผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิตของเมียนมาลดลงถึง 5 เท่า จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่เผยแพร่โดย IHS Markit เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 64 ที่ผ่านมา ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ตัวแปร ได้แก่ ยอดสั่งซื้อใหม่ ปริมาณสินค้าคงคลัง สายการผลิต การส่งสินค้าซัพพลาย และการจ้างงาน โดยการจัดซื้อลดลงหนักในเดือนเมษายน บริษัทร้อยละ 60% ให้ข้อมูลว่าการผลิตในเดือนเมษายนลดลงจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากการขาดแคลนวัสดุ การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้นล้วนส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของสูงขึ้นนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 การสำรวจดำเนินการโดย IHS Markit ซึ่งได้ข้อมูลจากภาคการผลิตและได้รับการสนับสนุนโดย Nikkei Inc จากประเทศญี่ปุ่น

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/output-and-new-orders-in-april-fall-fivefold-ihs-markit