พาณิชย์เมียนมา เว้นภาษีนำเข้า-ส่งออกชั่วคราว
กรมการค้า กระทรวงพาณิชย์ (MOC) เผยเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 64 ส่งออกและผู้นำเข้าไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตสำหรับสินค้าส่งออกพิกัดศุลกากร (HS Code) 37 รายการ และการนำเข้า 72 รายสำหรับการนำเข้า ระหว่างวันที่ 8 มีนาคมถึง 9 เมษายน 2564 เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า สินค้าส่งออกที่ได้รับการยกเว้น เช่น หอมกระเทียม ข้าว ปลายข้าว น้ำตาลทรายดิบ ยางธรรมชาติ ฯลฯ สินค้านำเข้า เช่น ปลาหั่นบาง (ปลาแซลมอนและปลาทูน่า) แป้ง เมล็ดถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม ฯลฯ ส่วนภาษีหัก ณ ที่จ่าย 2% ยังได้รับการยกเว้นจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 64 เนื่องจากความยากลำบากในการชำระภาษีจากการปิดทำการของธนาคารเอกชน นอกจากนี้ยังไม่สามารถทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศได้ในระหว่างนี้ อย่างไรก็ตามการลดภาษีและการยกเว้นใบอนุญาตจะไม่สามารถรับมือกับการชะลอตัวของการค้าท่ามกลางสภาวะทางการเมืองในปัจจุบัน ด้านผู้ส่งออกชายแดนมูเซเผย แม้การค้าทางทะเลจะหยุดชะงัก แต่การยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะช่วยการค้าชายแดนกับจีนและไทยราบรื่นมากยิ่งขึ้น
ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/moc-grants-temporary-tariff-exemption-for-export-import-items/
การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและจีนลดลงร้อยละ 5.2 ในปี 2020
การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและจีนมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 8,118 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2020 ลดลงร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบเป็นรายปีที่มูลค่า 1,086 พันล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันกัมพูชานำเข้าสินค้าจากจีนรวม 7.031 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับในปี 2019 ซึ่งการนำเข้าจากจีนที่ลดลงส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการชะลอตัวของการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เนื่องจากมีมาตรการปิดกั้นหรือจำกัดการส่งออกของกัมพูชา รวมถึงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก็ส่งผลทำให้กัมพูชานำเข้าสินค้าลดลงไปด้วย ส่วนกัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ ข้าว มะม่วง และมันสำปะหลัง
ผู้เลี้ยงแพะเมืองกะเล่ปลื้ม ราคาพุ่ง ไม่พอขาย
ความต้องการแพะของเนินเขาชิน เมืองกะเล่ เขตเขตซะไกง์ และเขตตะมู่ ส่งผลให้ราคาในตลาดสูงขึ้น ผู้เลี้ยงแพะเผยนมแพะราคาถ้วยละ 1,000 จัต มีรายได้ต่อวันประมาณ 10,000 จัต ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงมีรายได้มากขึ้นเนื่องจากมีผู้ซื้อแพะจำนวนมากในช่วงฤดูกาลนี้ มีผู้เลี้ยงแพะเชิงพาณิชย์เพียง 10 รายเท่านั้นที่ทำธุรกิจธุ์ปศุสัตว์ในเมืองกะเล่ ดังนั้นความต้องการจึงสูงกว่าอุปทานส่งผลให้ราคาสูงขึ้น แพะตัวผู้ขายได้ประมาณ 100,000 จัต ส่วนแพะตัวเมียขายได้ประมาณ 50,000 หรือ 80,000 จัตขึ้นอยู่กับขนาด ปีที่แล้วอินเดียเข้ามาซื้อแพะในเมียนมาร์ นอกจากนี้ยังมีการขายแพะได้ราคาดีหลายร้อยตัวจากเมืองโมนยวา เมืองปะค็อกกู และเมืองมยิงยานแถบชายแดนพม่า – อินเดีย
ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/goat-breeders-earn-good-profit-on-upward-market-in-kalay/
การปลูกมัสตาร์ดด้วยระบบน้ำใต้ดิน เพิ่มรายได้เกษตรกรในเมืองมินบู
นาง Daw Mya Kyi เผยเกษตรกรในท้องถิ่นจากหมู่บ้าน Kyauktan ในเมืองมินบู กำลังปลูกผักโดยใช้ระบบน้ำใต้ดิน โดยในปีนี้ผู้คนปลูกมัสตาร์ดและพืชผลอื่น ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ซึ่งใช้เพียงสมาชิกในครัวขเรือน จึงสามารถประหยัดค่าแรงได้ ค่าใช้จ่ายมีเพียงค่าไถและค่าปุ๋ย ตอนนี้มัสตาร์ดกำลังให้ผลผลิตอย่างมากและสามารถขายได้ทุก 2-3 วัน และยังปลูกพืชอื่น ๆ เพื่อเพิ่มรายได้อีกด้วย
รถบรรทุกแตงโมกว่า 1,300 คันติดค้างที่ด่านมูเซ กระทบผลผลิตล้นตลาด
Khwar Nyo Fruit Depot เผยแม้หลังตรุษจีนแตงโมจะได้ราคาดี แต่ตอนนี้รถบรรทุกประมาณ 1,300 คัน ติดอยู่ในเขตการค้า 105 ไมล์ของด่านมูเซเนื่องจากด่านชายแดนจีนปิด 2 วัน ดังนั้นอุปทานแตงโมจึงเกินความต้องการ ตอนนี้แตงโมหนึ่งตัน (855 สายพันธุ์) ราคาสูงสุดอยู่ที่ 65,000 หยวน ในขณะที่ราคาปกติอยู่ที่ประมาณ 45,000 หยวน นอกจากนี้รถบรรทุกแตงโมประมาณ 200 คันต่อวันต่อคิวเดินทางผ่านด่านมูเซไปยังจีน ก่อนหน้านี้ตลาดแตงโมพึ่งพาจีนมาตลอด เมียนมาส่งแตงโมไร้เมล็ด 45 ตันไปยังตลาดดูไบเมื่อธันวาคม 63 และมกราคม 64 และแผนที่จะขยายตลาดไปยังฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2564 ศูนย์ค้าส่งผลไม้เขตการค้า 105 ไมล์ ได้แถลงการณ์ว่าจำนวนรถบรรทุกส่งออกแตงโมและแตงเมลอนมีกำหนดควบคุมตลาด ในช่วงปีที่ผ่านมาเกษตรกรและผู้ค้าประสบปัญหาขาดทุนเนื่องจากความไม่แน่นอนของราคาและความลำบากในการขนส่งซึ่งเกิดจากการระบาดของ COVID-19 แตงโมและแตงเมลอนจะเก็บเกี่ยวได้จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมทั่วประเทศยกเว้นรัฐคายาห์และชิน เมียนมาส่งออกแตงโมมากกว่า 800,000 ตันต่อปีและแตงเมลอนประมาณ 150,000 ตันไปยังจีน
ต่างประเทศ – อาเซียนจี้พม่าเปิดคุย-หยุดโหด
วันที่ 2 มี.ค. เอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มประเทศอาเซียนมีแนวโน้มจะกดดันคณะรัฐประหารของเมียนมาให้หยุดปราบปรามผู้ประท้วงอย่างนองเลือด หลังจากการปราบปรามเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ก.พ. มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย หลังจากสหประชาชาติประณาม อาเซียนถูกวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างยาวนานกรณีนิ่งเฉยไม่ทำอะไรในยามเผชิญวิกฤต เพราะยึดติดกับหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของสมาชิก กระทั่งสิงคโปร์ ชาติที่ลงทุนใน เมียนมามากที่สุดเริ่มแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลัง นายวิเวียน บาลากริชนัน รมว.การต่างประเทศสิงคโปร์กล่าวต่อรัฐสภาว่าการใช้กำลังอย่างรุนแรงต่อพลเรือนดังกล่าวน่าตกใจอย่างยิ่ง เราเรียกร้องให้ทหารเมียนมาอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด ขณะเดียวกันกระตุ้นให้เมียนมาหวนสู่เส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย สำหรับเวทีการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการวันที่ 2 มี.ค. แหล่งข่าวจากนักการทูตเผยว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหลายคนมีแนวโน้มที่จะขอให้ทหารเมียนมาหยุดความรุนแรง หยุดทำร้ายประชาชน โดยอาเซียนจะขอให้กองทัพพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมถึงพรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตยหรือเอ็นแอลดีของนางออง ซาน ซู จี ผู้นำเมียนมาด้วย
ที่มา : https://www.khaosod.co.th/newspaper/newspaper-inside-pages/news_6059441