ตลาดเซโจ เมืองมัณฑะเลย์พร้อมเปิดอีกครั้ง

นาย U Min Min เลขาธิการคณะกรรมการตลาดเผยกำลังขออนุญาตเปิดตลาด13. ตลาดเซโจ (Zegyo Market) ในเมืองมัณฑะเลย์อีกครั้งหลังปิดมานานกว่าหนึ่งเดือน ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 เพื่อไม่ให้ตลาดหยุดนิ่งหรือปิดลง ซึ่งการค้าขายโดยเฉพาะสินค้าตามฤดูกาล เช่น ผ้าห่มและเสื้อกันหนาวเป็นสิ่งที่ขายในในช่วงเทศกาลตาดิงยุต (Thadingyut Festival of Lights) และเทศกาลตาซองดิน (Tazaungdine Festival of Lights) ตลาดแห่งนี้ใหญ่ที่สุดในเมียนมาตอนเหนือและเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจของประเทศ พบว่ามีปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานและการจ้างงานหากถูกปิดเป็นเวลานาน ทั้งนี้ตลาดจะลดพนักงานลงครึ่งหนึ่งและอนุญาตให้อาคารแค่สี่หลังเปิดทำการตั้งแต่ 8.00 น. ถึงเที่ยงวัน ปัจจุบันมีร้านค้ามากกว่า 5,000 ร้าน ในตลาดแห่งนี้

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/mandalay-zegyo-market-seeks-ok-reopen.html

โควิดพ่นพิษทำราคาเนื้อสัตว์สูงขึ้น กระทบอาหารแช่แข็งในเมียนมา

ตลาดอาหารทะเลแช่แข็งและอาหารจานด่วนกำลังประสบปัญหาในระหว่างการระบาดของโควิด -19 ร้านอาหารในท้องถิ่นปิดตัวลงอุตสาหกรรมจึงต้องพึ่งพาตลาดขนาดเล็กและการค้าปลีกออนไลน์ อาหารทะเลส่วนใหญ่ผลิตในประเทศหรือนำเข้าจากไทยและขายให้กับร้านค้าส่วนใหญ่ เช่น Kyay-Oh, Hot-Pot, Barger, Sushi และ Thai BBQ ผู้ผลิตฟาสต์ฟู้ดลดมีปัญหาด้านโลจิสติกส์และโรงงานอาหารแช่แข็งจึงลดการผลิตลง ในขณะเดียวกันราคาไก่เนื้อเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 2000 จัตต่อ 1.6 กิโลกรัมเนื่องจากลดการเพาะเลี้ยงในช่วงกลางเดือนกันยายน โดยต้นทุนการเลี้ยงไก่อยู่ที่ประมาณ 2700 จัตต่อ 1.6 กิโลกรัม แต่ราคาในตลาดอยู่ที่ประมาณ 2000 จัตต่อ 1.6 กิโลกรัมดังนั้นจึงขาดทุนมากกว่า 700 จัตต่อ 1.6 กิโลกรัม โดยปกติชาวเมียนมาบริโภคไก่ประมาณ 14 ล้านตัวต่อเดือนหรือประมาณ 500,000 ตัวต่อวัน แต่ความต้องการลดลงครึ่งหนึ่งเนื่องจากโรงแรมร้านอาหารและร้านชาปิดตัวลง ปกติในตลาดเคยขายได้ประมาณ 48 กก. ต่อวัน แต่ตอนนี้เหลือวันละ 8 กิโล จึงจำเป็นต้องขายผ่านออนไลน์  ร้านค้าปลีกในเขตเมืองกะลาปาเหนือ (North Okkalapa) ในช่วงต้นเดือนกันยายนราคาไก่หน้าฟาร์มต่ำกว่า 1600 จัตต่อ 1.6 กก. และมีความเสียหายประมาณ 50 ล้านจัตต่อวัน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/rising-prices-hurt-frozen-food-wholesalers-myanmar.html

เกษตรกรเมียนมาได้รับการเยียวยาจากการเวนคืนที่ดิน

กรมจัดการที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเมียนมายืนยันเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 63 ที่ผ่านมาโดยจะมีการจัดสรรที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจำนวน 2 พันล้านจัต โดยจะชดเชยให้แก่เกษตรกรที่สูญเสียที่ดิจากการเวนคืนที่ดินของรัฐบาลที่นำไปสร้างถนนและทางรถไฟ  ภายใต้กฎหมายกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการระดับชาติคาดว่าจะจัดสรรจำนวนเงินเป็นค่าตอบแทนแก่เกษตรกรล่วงหน้าพร้อมจะขอคำยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-farmers-receive-land-compensation.html

เมียนมาคาดราคาน้ำตาลพุ่งตามราคาตลาดโลก

ผู้ค้าน้ำตาลในเมียนมาคาดราคาน้ำตลาดจะสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเนื่องจากความต้องการทั่วโลกที่สูงขึ้นและการระบาดของ COVID-19 ทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักนำไปสู่การขาดแคลนในบางส่วนของโลกรวมถึงจีน เมียนพยายามมานานหลายปีจะต้องการจะเพิ่มการผลิตน้ำตาล แต่ก่อนหน้ามีข้อกำหนดทางศุลกากรที่เข้มงวดการส่งออกน้ำตาลไปยังจีนจึงหยุดชะงักไปเมื่อต้นปี ขณะเดียวกันชาวไร่อ้อยในพื้นที่ก็ต้องลดการผลิตลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สต๊อกน้ำตาลก่อนหน้านี้ที่เมืองชายแดนมูเซถูกขายจนหมด นอกจากนี้ยังมีความต้องการน้ำเชื่อมบางส่วนจากจีนด้วยเช่นกัน ซึ่งปริมาณสำรองน้ำตาลทั่วโลกกำลังลดลงและราคาสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมาได้หารือกับโรงงานน้ำตาลไปเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมเกี่ยวกับการกำหนดราคาขั้นต่ำอ้อยก่อนสิ้นเดือนนี้ก่อนฤดูการหีบอ้อยจะเริ่มขึ้น ปัจจุบันราคาอ้อยอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 42,000 จัตต่อตัน ในอนาคตอาจจะไม่ต่ำกว่า 40,000 จัตต่อตันซึ่งหนุนราคาท้องถิ่นให้สูงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อสต็อกในท้องถิ่นลดลงและพื้นที่เพาะปลูกลดลงราคาอ้อยและน้ำตาลอาจเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า ก่อนหน้านี้เมียนมาส่งออกน้ำตาลทรายดิบไปยังจีนแต่เนื่องจากข้อจำกัดการนำเข้าและการปราบปรามการค้าที่ผิดกฎหมายทำให้ชาวไร่ค่อยๆ เลิกปลูกอ้อยมากขึ้น ในความเป็นจริงคนวงในคาดการณ์การหดตัวของพื้นที่เพาะในปีงบประมาณ 63-64 เหลือเพียง 350,000 เอเคอร์ลดลงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับ 7 ปีที่แล้วและต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะเดียวกันก็มีนำเข้าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์เนื่องจากโรงงานน้ำตาลมีเพียง 2 แห่งจาก 29 แห่งที่สามารถผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ปีงบประมาณ 62-63 มีการนำเข้าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์มากกว่า 57,000 ตันซึ่งน้อยกว่าก่อนหน้านี้ประมาณร้อยละ 40-50 เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นและข้อจำกัดของรัฐบาลเมียนมา

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-anticipates-higher-sugar-prices-demand-rises.html

ผู้ค้าแตงโมรัฐฉาน ขอความช่วยเหลือเมื่อใกล้ฤดูเก็บเกี่ยว

เมื่อใกล้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวแตงโมรัฐบาลของรัฐฉานได้รับการร้องขอจากผู้ค้าผลไม้ในพื้นที่ให้เจรจากับมณฑลยูนนานของจีนเพื่อป้องกันความล่าช้าที่เกิดจากการขนส่งของรถบรรทุกและข้อจำกัดในการเดินทาง พ่อค้าชาวเมียนมาส่งออกแตงโมและ Mukmelon ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเมษายนที่ Wanding Fruit Square ของเมืองจีน ตอนนี้การทำธุรกรรมต้องผ่านทางโทรศัพท์ แต่ไม่สามารถขายสินค้าของตนได้หากไม่มีการประชุมแบบเห็นหน้ากัน ก่อนที่ Covid-17 จะระบาด มีรถบรรทุก 200 ถึง 700 คันข้ามพรมแดนทุกวัน แต่คาดว่าจะลดลงเหลือ 200 ถึง 300 คันต่อวันในฤดูกาลนี้ ทั้งนี้ยังเรียกร้องให้กับยูนนานเพื่ออนุญาตให้ตัวแทนสองถึงห้าคนจากเขตการค้าในเมืองมูเซทำงานที่ตลาดผลไม้ในยูนนานเป็นการชั่วคราว นอกจากนี้รถบรรทุกควรได้รับการตรวจสอบเนื่องจากบรรทุกสินค้าที่เน่าเสียง่าย

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/shan-traders-seek-help-melon-season-nears.html

พาณิชย์เมียนมาคาดภาคการค้าขยายตัว 109.73%

กระทรวงพาณิชย์ เผยเมียนมามีรายได้จากการค้าเกินเป้าหมายสำหรับปีงบประมาณ 2562-2563 ปริมาณการค้ามีมูลค่า 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐและเทียบกับ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณที่แล้ว โดยในปีนี้ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ผลิตและส่งออกผลไม้ดอกไม้และผักของเมียนมาเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดผลไม้ในท้องถิ่นในช่วง COVID-19 นอกจากนี้ยังจัดตั้ง Myanmar Online Expo Park และจัดงาน Myanmar International Expo of Organic and Natural Products ทางออนไลน์ในเดือนสิงหาคม ปีงบประมาณนี้มีการส่งออกมีมูลค่าประมาณ 17,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 18.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2561-2562 โดยการส่งออกพบว่าเพิ่มขึ้น 851 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การค้าต่างประเทศขยายตัวกว่า 10%  ส่วนใหญ่ โดยภาคการส่งออกส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าและสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ในขณะที่การนำเข้าจะเป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลา งวัสดุเสื้อผ้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งอุปสงค์จากต่างประเทศมีแนวโน้มเชิงบวก ตัวอย่างเช่น ความต้องการหัวหอมจากบังกลาเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ด้านการส่งออก ความต้องการสินค้าอื่น ๆ เช่น น้ำผึ้งและกาแฟมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งน้ำผึ้งสามารถส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (EU) ส่วนความต้องการกาแฟจากต่างประเทศก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยมีการถูกส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และยุโรป ในช่วงห้าปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกกาแฟเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าคิดเป็นมูลค่ากว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้จาก 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2557 และเมียนมายังเริ่มส่งออกเบียร์ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว Carlsberg Myanmar ได้เริ่มส่งออกเบียร์ Tuborg Beer ไปยังจีน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/trade-sector-exceeds-10973pc-estimates-minister-commerce.html