แขวงไชยบุรีส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนในการขยายการชลประทาน

เจ้าแขวงไชยบุรีได้ลงนามอนุมัติให้บุคคลและบริษัทเอกชนในการสร้างและดำเนินโครงการชลประทานเชิงพาณิชย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมการผลิตของเกษตรกร การใช้น้ำเพื่อการเกษตรในแขวงไชยบุรี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกษตรกรกลายเป็นผู้ผลิตผลการเกษตรรายใหญ่ ซึ่งปัจจุบันปลูกข้าวและผักเพื่อส่งออกไปยังประเทศไทยและจีน หน่วยงานฯ สนับสนุนการลงทุนภาคเอกชนในการก่อสร้างและขยายการชลประทานควบคู่ไปกับเงินทุนสาธารณะซึ่งขณะนี้มีอยู่จำกัด ทั้งนี้เฉพาะบริษัทเอกชนที่มุ่งมั่นที่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมน้ำตามข้อบังคับของแขวงเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ลงทุนและดำเนินโครงการชลประทานเชิงพาณิชย์ ตามมาตราที่ 12 กำหนดค่าธรรมเนียมน้ำที่เกษตรกรต้องจ่ายให้กับผู้ประกอบการพาณิชย์เอกชนที่ไม่มีอำนาจกำหนดอัตราโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ นอกจากการส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนในเครือข่ายการชลประทานไชยบุรี ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อการก่อสร้างและขยายการชลประทานในแขวง เงินสำหรับกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบชลประทานจะมาจากค่าน้ำประปาเงินช่วยเหลือจากบุคคลผู้บริจาคภาคเอกชนและดอกเบี้ยจากเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Xayaboury139.php

สปป.ลาวยังคงปิดชายแดนแต่อนุญาตให้บางกลุ่มสามารถเดินทางได้

สปป.ลาวยังคงปิดด่านเพื่อให้มั่นใจในการแพร่ระบาดของ COVID-19 ว่าชาวต่างชาติจะไม่นำเชื้อเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศแต่ถึงอย่างไรก็ยังคงมีการเปิดเที่ยวบินสำหรับการเดินทางของแขกพิเศษของรัฐบาลเช่น นักการทูตและนักเรียนต่างชาติโดยต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยหากมีความประสงค์เดินทางออกนอกประเทศต้องแจ้งวัตถุประสงค์เฉพาะและรายละเอียดของการเดินทางของพวกเขามายังหน่วยงาน รวมถึงผู้ป่วยที่แสวงหาการรักษาพยาบาลในต่างประเทศจะได้รับอนุญาตให้ออกจากสปป.ลาวได้แต่จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดในการเข้าประเทศปลายทาง ปัจจุบันเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ดำเนินการคือเที่ยวบินจากเวียงจันทน์ไปยังเมืองคุนหมิงของมณฑลยูนนานในประเทศจีน

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/07/19/laos–borders-remain-closed-to-foreigners-but-resume-flights-on-vientiane-hanoi-route

สปป.ลาว, จีนเพื่อร่วมมือในโครงการลดการปล่อย CO2

สปป.ลาวและจีนจะร่วมมือในโครงการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยการสร้างพื้นที่สาธิตการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ (CO2) ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจไชยเชษฐา (SDZ) นครเวียงจันทน์ บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของสปป.ลาว และกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของจีน โดยลงนามทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งสองฝ่าย ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีทั้งสองและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระหว่างสองประเทศ พื้นที่สาธิตการปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำใน SDZ  โครงการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งรัฐบาลสปป.ลาวและจีนได้มอบหมายให้ SDZ ดำเนินการและพัฒนา มันเป็นหนึ่งใน 10 โครงการสาธิตการปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำของจีนในประเทศกำลังพัฒนา พื้นที่สาธิต SDZ จะดำเนินการตามแผนการปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำเป็นแบบจำลองสำหรับการขนส่งโดยใช้ยานพาหนะไฟฟ้าและช่วยเหลือภาคอื่น ๆ รวมถึงการสื่อสารโครงการสาธารณะเพื่อเสริมสร้างความพยายามในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสปป.ลาวและสนับสนุนแผนการพัฒนาที่ยั่งยืน และจะมีการสนับสนุนพื้นที่ใน SDZ โดยการสร้างแผนโครงการรวมถึงจัดหาอุปกรณ์ก่อสร้างและยกระดับความเชี่ยวชาญในการปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำผ่านการฝึกอบรมและกิจกรรมอื่น ๆ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Lao_China_to138.php

ญี่ปุ่นสนับสนุนเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของสปป.ลาว

รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (317 ล้านเยน) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสปป.ลาวอย่างยั่งยืนโดยเงินจะถูกนำไปใช้ภายใต้ “The Project for Human Resource Development Scholarship” ได้มีพิธีลงนามในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ณ กระทรวงการต่างประเทศในเวียงจันทน์ ภายในงาน Mr. Takewaka เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำสปป.ลาวกล่าวว่า “รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือในการดำเนินโครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และจะมอบทุนการศึกษา 22 ทุนแก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสปป.ลาวเพื่อศึกษาที่มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นโดยจะมีเจ้าหน้าที่มากกว่า 370 คนที่จะทุนการศึกษาในระดับปริญญาโทรวมถึงปริญญาเอกเมื่อโครงการเริ่มต้นขึ้น” ภาคการศึกษาเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจของสปป.ลาวและญี่ปุ่น เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคมซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Japan_137.php

สปป.ลาวจะเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังประเทศจีน

รัฐบาลสปป.ลาวได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ และผู้ประกอบการในการปรับปรุงคุณภาพของสินค้าเกษตรเพื่อเพิ่มการส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งกระทรวงเกษตรและป่าไม้สปป.ลาวรายงานว่าประเทศมีรายรับ 560 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 62 จากการส่งออกสินค้าเกษตรโดย 80% ของสินค้าถูกขายไปยังประเทศจีน ซึ่งได้รับประโยชน์จากโควต้าข้าว 50,000 ตันและวัว 500,000 ตัวต่อปี นอกจากนี้กระทรวงได้เจรจาต่อรองโอกาสทางการตลาดและควบคุมสภาวะสุขอนามัยสำหรับพืชส่งออกและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องไปยังประเทศจีน ขณะนี้กระทรวงกำลังประสานงานกับกรมศุลกากรของจีนเพื่อร่างเงื่อนไขและข้อกำหนดสำหรับการส่งออกใบยาสูบแห้ง เสาวรสและส้ม ทั้งสองฝ่ายยังเตรียมเอกสารเกี่ยวกับการเปิดตลาดสำหรับทุเรียน ลำไย แก้วมังกร ขนุนและลูกเดือย ขณะนี้ 3 บริษัทดำเนินการเสร็จสิ้นไปกว่า 90 % ของศูนย์กักกันปศุสัตว์ที่สามารถประมวลผลสัตว์ 228,000 ตัวต่อปีเพื่อการส่งออกและรอทีมเทคนิคจากจีนเพื่อตรวจสอบและยืนยันสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้งานอย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้า จะประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติและผู้ประกอบการเพื่อร่วมมือกับจีนในการเจรจารายการสินค้าเกษตร และกระทรวงจะร่วมมือกับจีนในการตรวจสอบด่านชายแดนระหว่างประเทศและระดับท้องถิ่นระหว่างสองประเทศ เพื่อให้แน่ใจในการส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งผัก ผลไม้สด

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2020-07/15/c_139214642.htm

นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวให้คำแนะนำแก่รัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวให้แนะนำให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ภายใต้สโลแกน  ‘Leaving No One Behind’ เพื่อยกระดับประเทศออกจากรายชื่อประเทศพัฒนาน้อยที่สุด โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาได้มีการหารือในที่ประชุมของคณะกรรมการระดับชาติเพื่อดำเนินงานด้าน SDGs ตั้งแต่ปี 60-63  ได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี 73 และร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาที่ท้าทายในปัจจุบันตั้งเป้าหมาย SDGs 17 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยื่น SDGs 18  ชีวิตปลอดภัยจาก UXO ที่ประชุมจะพิจารณาและหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าและประเด็นในการดำเนินงาน SDGs ระหว่างปี 60-63 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ซึ่งในระหว่างการประชุมได้มีการเปิดตัว SDGs Mobile Application ใหม่ซึ่งอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลและรวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนของสังคมที่ทำงานเพื่อ SDGsในสปป.ลาว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM136.php

ธนาคารโลกและพันธมิตรมอบเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่สปป.ลาวในการควบคุม COVID-19

กระทรวงสาธารณสุขธนาคารโลกและสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย เยอรมนีและญี่ปุ่นมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่านศูนย์อำนวยการฉุกเฉินโรคระบาด (PEF) เพื่อสนับสนุนการตอบสนองของลาวต่อ COVID-19 ดร. Bounkong Syhavong รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า “รัฐบาลสปป.ลาวกำลังใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อจัดการกับการระบาดของ COVID-19 การสนับสนุนจากพันธมิตรจะช่วยให้สปป.ลาวผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้อย่างดี” เงินช่วยเหลือจะถูกส่งตรงไปยังองค์การยูนิเซฟและองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการรับรองจาก PEF โดยเงินทุนร้อยละ 80 จากกองทุนเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ซึ่งจะดำเนินการจัดหาเงินทุนและการส่งมอบวัคซีนเพื่อให้แน่ใจว่าบริการด้านสุขภาพที่จำเป็นจะดำเนินต่อไป อีกร้อยละ 20 จะไปที่องค์การอนามัยโลกโดยตรงเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรด้านสุขภาพของสปป.ลาวในการตอบสนอง COVID-19

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Worldbank135.php