โรงงานถุงของจีนในเมียนมาปิดตัวลงเพราะพิษ COVID-19
วันจันทร์ที่ผ่านมาโรงงานถุงของจีนในย่างกุ้งประกาศปิดตัวลงเนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศจีน โรงงานถุงลัคกี้สกายในเขตอุตสาหกรรม Mya Sein Yaung เมือง Hlaing Tharyar ปิดตัวลงโดยไม่ได้แจ้งให้พนักงานทราบ ซึ่งเริ่มมีพนักงานประท้วงภายหลังปิดตัวลง หนึ่งในผู้นำของการประท้วงเรียกร้องให้เพิกถอนใบอนุญาตของโรงงานและให้เนรเทศพนักงานชาวจีน 20 คน โรงงานมีคนงาน 642 คน ซึ่งส่งออกกระเป๋าหนังไปยุโรป คนงานนัดหยุดงานตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมถึง 11 กุมภาพันธ์ส่งผลให้คำสั่งซื้อลดลง หลังจากบรรลุข้อตกลงกับโรงงานเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์คนงานกลับมาทำงาน แต่ 10 วันต่อมาเลขาธิการสหภาพแรงงานถูกไล่ออกโดยไม่มีเหตุผลดังนั้นจึงเกิดการประท้วงและโรงงานปิดตัวลง ทั้งนี้ผู้บริหารโรงงานยืนยันว่าจะจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ลัคกี้สกายเป็นบริษั จีนแห่งที่สามที่ต้องปิดตัวลงในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาสมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปเมียนมาแสดงความกังวลว่าครึ่งหนึ่งของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในประเทศอาจปิดตัวลงในเดือนหน้าเนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบจากจีน ซึ่ง 90% ของผ้า สิ่งทอ และซิปที่ใช้ในโรงงานล้วนมาจากจีนทั้งสิ้น
ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/chinese-bag-maker-shuts-down-myanmar-over-covid-19.html
แรงงานเมียนมาไม่หวั่นพิษโคโลน่ากลับเข้าทำงานในจีนเพิ่มขึ้น
ในไม่กี่วันที่ผ่านมาแรงงานเมียนมากลับไปยังประเทศจีนเนื่องจากโรงงานที่ตั้งอยู่ระหว่างสองประเทศยังเปิดทำการปกติ
แม้ว่าภูมิภาคโคโรนาไวรัสจะยังคงปิดอย่างต่อเนื่อง โรงงานในจีนกำลังเรียกคนงานกลับมาที่นี่ ทุกวันมีผู้คนราวหมื่นคนเดินทางกลับประเทศจีนผ่านประตูชายแดนมูเซ นอกจากนี้ยังมีบางคนที่ไปตอนเช้าและกลับตอนเย็น เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 63 ตลาดผลไม้ของเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนมูเซ (Muse 105th Mile Border Trade Zone) มีรถบรรทุก 230 คันบรรทุกแตงโมและบรรทุกเมลอน 219 คัน มาขาย
ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/more-myanmar-workers-returning-to-their-jobs-despite-virus-threat
พิษไวรัส COVID-19 กระทบค้าชายแดนเมียนมา – จีน ลด 209 ดอลลาร์สหรัฐ
การส่งออกแตงโมและผลิตภัณฑ์ทางทะชายแดนเมียนมา – จีนลดลง 209 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 14 กุมภาพันธ์ของปีงบประมาณ 61-62 มูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 14,595 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 2.147 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีนี้ มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 1.053 พันล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การค้าชายแดนลดลงเนื่องจากวันหยุดตรุษจีนและการแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่า ถึง 18 กุมภาพันธ์การค้าชายแดนลดลง 209 ล้านดอลลาร์สหรัฐ – ส่งออก 152 ล้านดอลลาร์สหรัฐและการนำเข้า 57 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีผลกระทบกับแตงโม, แตงโมหวาน, สินค้าที่เน่าเสียได้และผลิตภัณฑ์ทางทะเล การแก้ไขปัญหานี้รัฐบาลย่างกุ้งร่วมมือกับโรงแรมตากอากาศ เจ้าของร้านอาหาร และผู้ผลิตอาหารในการรับซื้อแตงโมและแตงโมหวานและช่วยเพิ่มการบริโภคในท้องถิ่น
โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอาจต้องปิดตัวลงชั่วคราวเนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบหากไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบได้จนถึงเดือนเมษายน ซึ่งต้องนำเข้าวัตถุดิบ CMP ผ่านชายแดนจีน – เมียนมา
ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-china-border-trade-declines-209-m-usd-due-to-covid-19
เมียนมาสร้างลงทุนกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐสร้างเขตอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษเจาะพยู
โครงการเขตอุตสาหกรรมภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษเจาะพยู รัฐยะไข่จะถูกพัฒนาขึ้นเป็นมูลค่า 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย CITIC Consortium จากจีนเป็นเจ้าของ 51% ของเขตอุตสาหกรรมในขณะที่รัฐบาลเมียนมาเป็นเจ้าของ 49% บนพื้นที่ 2,400 เอเคอร์ และโครงการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์จะถูกสร้างบนพื้นที่ 1235 เอเคอร์ ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรม และท่าเรือน้ำลึกพื้นที่ทั้งหมด 4,400 ไร่ เมียนมาจะถือหุ้น 30 ขณะที่ CITIC Consortium จะถือหุ้น 70% ขณะนี้มีการเจรจาเพื่อเริ่มการดำเนินการระยะแรกที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ สิ่งนี้เป็นไปตามข้อตกลงสัมปทานและข้อตกลงของผู้ถือหุ้นสำหรับท่าเรือน้ำลึกระหว่างสองประเทศ การพัฒนาท่าเรือเจาะพยู จะช่วยยกระดับสถานะของจีนในมหาสมุทรอินเดียทำให้การนำเข้าน้ำมันของจีนผ่านช่องแคบมะละกา SEZ เป็นสินทรัพย์อันล้ำค่าของระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road Initiative ที่จีนต้องการจะชื่อมต่อเขตแดนของประเทศต่างๆ ในแถบเอเชียทั้งหมดเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังจะเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญสำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง คุณหมิง-มูเซ-มัณฑะเลย์-เจาะพยู
ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/industrial-zone-kyaukphyu-sez-be-built-30m.html
สี่เดือนครึ่งการลงทุนท้องถิ่น 846 พันล้านจัต
รายงานของคณะกรรมาธิการการลงทุนของเมียนมา (MIC) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 13 กุมภาพันธ์ มีการลงทุนในท้องถิ่นทำการลงทุนมูลค่ากว่า 846 พันล้านจัต รวมถึง 154 ล้านดอลลาร์สหรัฐในภูมิภาคและรัฐอื่นๆ เขตซะไกง์มีการลงทุน 1 ครั้งโดย อันดับสองคืออิรวดี สามารถสร้างงานถึง 894 สำหรับคนในท้องถิ่น โดยธุรกิจ 14 แห่งอยู่ในภาคอุตสาหกรรม สามแห่งเป็นโรงแรม และหนึ่งเป็นธุรกิจไฟฟ้าและเหมืองแร่ และสี่แห่งในภาคอุตสาหกรรมอื่น ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 24 มกราคมการลงทุนรวมมีมูลค่าสูงถึง 647 พันล้านจัตซึ่งรวมถึง 113 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/local-investment-reaches-to-ks846-b-within-four-and-a-half-month
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศรวม 2.693 พันล้านเหรียญสหรัฐ
คณะกรรมการการลงทุนแห่งเมียนมา (MIC) ได้อนุญาตให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ 111 รายคิดเป็นมูลค่า 1.973 พันล้านดอลลาร์ FDI ทั้งหมดรวมถึงการขยายการลงทุนมูลค่า 616.956 ล้านดอลลาร์สหรัฐมีจำนวน 2.693 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะมีการไหลเข้าจากฮ่องกง สิงคโปร์ และไทยมากขึ้นในช่วงปีงบประมาณนี้ ธุรกิจการผลิตคิดเป็น80% ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาล่า ขณะที่การค้าขายคิดเป็น 9% และการขนส่ง 5% ปัจจุบันมี 50 ประเทศที่ลงทุนใน 12 เขตเศรษฐกิจ ภาคน้ำมันและก๊าซคิดเป็น 27% ภาคการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 26% ภาคการผลิตมากกว่า 14% ภาคการขนส่งกว่า 13% ภาคอสังหาริมทรัพย์ 7% ภาคโรงแรมและการท่องเที่ยว 3% และภาคเหมืองแร่ 3%
ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/total-fdi-hits-2693-billion-usd
เมียนมาส่งออกปลาคาร์พไปบังคลาเทศเพิ่มขึ้น
เมียนมาส่งออกปลาคาร์ปไปยังบังคลาเทศผ่านศูนย์กลางการค้าชายแดนมองดอเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมกราคมและกลายเป็นสินค้าส่งออกมากเป็นอันดับสอง เมียนมาส่งออก 180 ตันในเดือนธันวาคม 62 และ 224 ตันของ ในเดือนมกราคม 63 ปริมาณการส่งออกคาร์ปไปยังบังคลาเทศอยู่ที่ 319 ตันในเดือนตุลาคม 62 และ 224 ตันในเดือนพฤศจิกายน 62 สินค้าที่ส่งออกมากที่สุดคือ หัวหอมตามด้วยปลาคาร์ป ปลาคาร์พถูกลำเลียงจากย่างกุ้งไปยังรัฐยะไข่ด้วยรถบรรทุกเก็บความเย็นเพื่อส่งออกจากศูนย์การค้าชายแดนซิตเว และมองดอ ในเดือนมกราคมเมียนมาส่งออกสินค้ามีมูลค่า 1.537 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังบังคลาเทศผ่านศูนย์การค้าชายแดนมองดอ
ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/carp-export-to-bangladesh-increases