MIC อนุมัติการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ 8 แห่งมูลค่าสูงกว่า 270 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่า 150 พันล้านจัต

ในระหว่างการประชุม (ครั้งที่ 19/2562) คณะกรรมาธิการการลงทุนของเมียนมา (MIC) ได้อนุมัติการลงทุนในประเทศและต่างประเทศแปดแห่งมูลค่า 279.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐและสูงกว่า 156 พันล้านจัตสร้างงานในท้องถิ่นได้ถึง 33,279 อัตรา เป็นการลงทุนในที่อยู่อาศัย บริการการศึกษา อุตสาหกรรม และการเกษตร เป้าหมายการลงทุนสำหรับปีงบประมาณ 62-63 จะเกิดขึ้นเนื่องจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานแม้จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า การเลือกตั้งของเราในปีหน้าประชาคมระหว่างประเทศจะรอดูผลการเลือกตั้งและสถานการณ์ของรัฐบาลใหม่ ซึ่งเป็นปกติของ บริษัทข้ามชาติที่รอเฝ้าดูสถานการณ์ อย่างไรก็ตามยังชี้ให้เห็นถึงการมีอยู่ของ Project Bank ที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาล ซึ่งรวมถึงโครงการระดับชาติและโครงการระดับกระทรวง สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานจะเชิญนักลงทุนในปีหน้าโครงการเหล่านั้นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากซางโครงการเหล่านั้นจะมีผลประโยชน์แม้จะมีการเลือกตั้ง เป้าหมายการลงทุนสามารถบรรลุได้หากโครงสร้างพื้นฐาน น้ำมันและก๊าซ และการสื่อสารได้รับการพิจารณา

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/mic-approves-8-local-and-foreign-investments-worth-over-us270m-over-k150bn

เศรษฐกิจเมียนมาขยายตัว 7.1% ในปีนี้

เศรษฐกิจของเมียนมาคาดขยายตัว 6.8% ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 61 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 62 เทียบกับ 6.5 % ในปีที่แล้วตามรายงานของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของอาเซียน +3 (AMRO) ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นทางธุรกิจการเติบโตในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและผลิตภัณฑ์การผลิตอื่น ๆ การบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 6.6% สำหรับปีงบประมาณ 61-62 และ 6.8% ในปี 63-64 ส่วน IMF คาดว่าการเติบโตจะอยู่ที่ 6.4% ในปีงบประมาณ 61-62 และถ้าการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น.ในปี 62-63จะเติบโต 6.6 ผลกระทบจากความต้องการที่ลดลงจากจีนเนื่องจากสงครามการค้า แต่ก็ยังได้รับประโยชน์จากเงินลงทุนเนื่องจากการย้ายฐานการผลิตและหากสามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ แต่โครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งที่ยากลำบาก ธนาคารกลางของเมียนมา (CBM) ควรปรับอัตราแลกเปลี่ยนให้สอดคล้องกับกลไกตลาดและดำเนินการสร้างทุนสำรองระหว่างประเทศเพื่อสานต่อความสามารถในการจัดการกับปัจจัยภายนอก ความเสี่ยงต่อการคาดการณ์ส่วนใหญ่มาจากความตึงเครียดทางชาติพันธุ์ในรัฐยะไข่ ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องการค้าและราคาพลังงาน กล่าวว่าความจำเป็นเร่งด่วนคือแก้ไขปัญหาคอขวดโครงสร้างพื้นฐานและข้อจำกัดด้านทรัพยากรมนุษย์เพื่อเพิ่มการลงทุนภาคเอกชนและเพิ่มศักยภาพการเติบโต  และในขณะที่การเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้าจะช่วยลดภาระทางการคลัง แต่จะช่วยเพิ่มอัตราเงินเฟ้อในระยะสั้น อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะสูงถึง 8.8% ในปีงบประมาณ 61-62 และประมาณ 9% ในปีงบประมาณ 62-63 ส่วนหนึ่งเนื่องจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/economy-expand-much-71-year-amro.html  

ญี่ปุ่นมองหาธุรกิจที่เน้นส่งออกในเมียนมา

ในอุตสาหกรรมท้องถิ่นซึ่งจะผลิตสินค้าและส่งออกไปยังอินเดีย จีน และไทย เนื่องจากมีประชากรจำนวนมากและติดมีชายแดนติดไทย อินเดีย และจีน โดยมีการนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้านและผลิตสินค้าและขายในตลาดท้องถิ่น จากงบประมาณปี 32-33 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 62 การลงทุนรวมของญี่ปุ่นใน 117 ธุรกิจเกิน 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้การลงทุนรวม 39 ธุรกิจในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาลา ได้รับอนุญาตมากกว่า 670 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงขณะนี้การลงทุนรวม 150 ธุรกิจมีมูลค่าราว 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ญี่ปุ่นติดอันดับที่ 10 จาก 50 ประเทศที่ลงทุนและติดอันดับ FDI ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาลา คิดเป็น 36% ของการลงทุนทั้งหมด ซึ่ง FDI รวม 19 ประเทศในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาลา สูงกว่า 1.86 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/japan-is-eyeing-export-oriented-businesses-in-myanmar

เมียนมาคาดปีหน้าการลงทุนน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น

การประชุมคณะกรรมการพัฒนาภาคเอกชนครั้งที่ 30 กับผู้ประกอบการเมียนมาเมื่อวันที่ 19 ต.ค.62 ที่ผ่านมา กระทรวงการลงทุนและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศคาดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งจะเพิ่มขึ้นในปี 63 เมื่อข้อเสนอได้รับการสำรวจและการผลิต กระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน (MOEE) กล่าวกับ The Myanmar Times ว่าการผลิตก๊าซเชิงพาณิชย์จะเริ่มต้นที่การค้นพบครั้งที่ 6 ที่บล็อก Shwe Yee Htun-2 นอกชายฝั่งในปี 66 และสามารถผลิตก๊าซได้ที่บ่อ Shwe Yee Htun-2

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/more-oil-and-gas-investments-expected-next-year.html

ปี 61-62 เมียนมาส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ 360 ล้านเหรียญสหรัฐ

ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 61 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 62 ของปีงบประมาณ 2561-2562 เมียนมามีรายได้ 366.322  ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ในปีงบประมาณ 61-62 มากกว่า 134.831  ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 60-61 ที่มีรายรับ 231.490 ล้านเหรียญสหรัฐ เมียนมาส่วนใหญ่ส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ผลิตภัณฑ์ทางทะเล ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ ผลิตภัณฑ์แร่ อุตสาหกรรมสำเร็จรูป (CMP) และอื่น ๆ รายรับจากการส่งออกคาดว่าจะสูงถึง 15.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณก่อนหน้า แต่จำนวนเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 17 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งสูงกว่า 473.218 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน ในปี 61-62 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศสูงกว่า 34.97 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งสูงกว่าเป้า 31 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามยอดขาดดุลการค้าพุ่งทะลุ 1.39 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/over-360m-earned-from-animal-product-exports-in-2018-2019-fy

ยอดใช้สนามบินนานาชาติเมียนมาโต 6.5% ในรอบ 9 เดือน

ปริมาณการใช้สนามบินนานาชาติย่างกุ้งพุ่งขึ้น 4.6 ล้านคนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 6.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มียอดผู้มาเยือนมากกว่า 4.32 ล้านคน Yangon Aerodrome Company (YACL) ระบุว่าเพราะที่ผ่านมามีการเพิ่มเส้นทางใหม่เพื่อตอบสนองตลาดจีน โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาได้เพิ่ม 2 เส้นทางด้วยสายการบินใหม่ 3 สาย อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลา 9 เดือนผู้โดยสารภายในประเทศลดลง 1.7% เนื่องจากสายการบินท้องถิ่นกำลังยกระดับเครื่องบินให้ใหญ่กว่าเดิม ขณะนี้สนามบินนานาชาติย่างกุ้งให้บริการสายการบินนานาชาติกว่า 30 แห่งเชื่อมต่อกับหลายสิบเมืองในเอเชีย ประเทศจีน ไทย และญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารระหว่างประเทศ นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามามีจำนวนเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการผ่อนปรนวีซ่าโดยอนุญาตให้วีซ่าเดินทางตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ปี 61

ที่มา: http://www.xinhuanet.com/english/2019-10/20/c_138487382.htm

เมียวดี ขุมทรัพย์ที่กำลังเริ่มพัฒนา

จากการไปสำรวจตลาด และพูดคุยเกี่ยวกับการค้าและธุรกิจกับเพื่อนๆ นักธุรกิจในเมียวดี พบเห็นความเปลี่ยนแปลงมากมาย เช่น การค้าคึกคักมาก รถเพิ่มขึ้นมากๆ ถนนเริ่มแออัด ซึ่งเริ่มติดประมาณต้นปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ถนนจากย่างกุ้งดีขึ้นก็มีรถยนต์โดยสารรุ่นใหม่ๆ เริ่มวิ่งวันละไม่ต่ำกว่ายี่สิบเที่ยว วันจะมีชาวย่างกุ้งเดินทางมาเที่ยวแม่สอด มารักษาพยาบาลมากขึ้น ส่วนมากจะมาพบทันตแพทย์ ส่วนรักษาโรคภัยจะเดินทางมาที่กรุงเทพฯ และมาช๊อปปิ้ง และมีบางส่วนเล่นการพนันที่บ่อนคาสิโน บ่อนใหญ่สุดมีทั้งสินค้าปลอดภาษี ร้านอาหารไทย ร้านอาหารฝรั่ง ผับเบียร์สด ร้านกาแฟ ส่วนใหญ่ที่นี้มีแต่คนไทย พนักงานก็เป็นคนไทย และใช้เงินไทยการเล่นพนัน ส่วนการค้าที่พบสินค้าที่บรรทุกมาจากประเทศเมียนมา ส่วนใหญ่เป็นข้าวโพดแห้งหรือข้าวโพดอาหารสัตว์ ส่วนมากมาจากรัฐฉานและปกติจะส่งออกไปยังจีนแต่ผู้ประกอบการจีนได้ระงับการสั่งซื้อ และเนื่องจากเข้าฤดูฝนเกษตรกรจึงจำเป็นต้องขนมาขายที่ชายแดนไทย ดังนั้นหากผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสเข้าไปดำเนินธุรกิจที่เมียนมา โดยนำเอาความสามารถและเทคโนโลยีด้านอาหารสัตว์หรืออาหารมนุษย์เข้าไปเปิดโรงงานอุตสาหกรรมเป็นอีกช่องทางการลงทุนที่ยั่งยืนและได้รับประโยชน์สูงสุด และได้ใจชาวเมียนมาไปเต็มๆ

ที่มา: https://www.posttoday.com/aec/trade/598670

การปรับโฉมของตลาดสดของย่างกุ้ง

ตลาดสดเมียนมาปัจจุบันมักจะสกปรกและยังไม่ถูกสุขลักษณะนัก อนาคตอีกไม่กี่ปีทางการนครย่างกุ้ง ได้ทำโครงการปรับปรุงคุณภาพชีวิตด้วยการให้การปรับปรุงตลาดสดให้ทันสมัยมากขึ้น นี่คือหนึ่งในแผนโครงการ 80 เมกกะโปรเจ็คที่กำลังดำเนินการอยู่ ตลาดสดในย่างกุ้งปัจจุบันนี้มีอยู่ประมาณร้อยกกว่าแห่ง โดยที่พอใช้มี 70 กว่าแห่ง ทุกแห่งจะดำเนินการโดยภาครัฐ คือ คณะกรรมการพัฒนานครย่างกุ้ง (YCDC) ตลาดใหญ่หน่อยจะมีรูปร่าง คือ ด้านหน้าเป็นอาคารที่ขายตั้งแต่เครื่องอุปโภค-บริโภค จนกระทั่งเครื่องสังฆภัณฑ์ ส่วนด้านในจะเป็นอาหารแห้งต่างๆ ต่อด้วยอาหารสดผักผลไม้ ด้านในจะเป็นเนื้อสัตว์ และสัตว์เป็นๆ รวมทั้งปลาและอาหารทะเลเป็นต้น ส่วนตลาดที่เล็กลงมาหน่อยจะไม่มีรูปแบบ พื้นจะเป็นดินสลับคอนกรีต แต่ก็จะสกปรกมากๆ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ร่วมทั้ง YCDC เล็งเห็นการพัฒนาความเป็นอยู่ ต้องเริ่มจากตลาดสดก่อนนั่นเอง จึงได้เริ่มโครงการดังกล่าวนี้ขึ้นมา ตัวอย่างการพัฒนา เช่น ตลาดปะซุ่นตองที่เป็นตลาดสดขนาดใหญ่ที่ และร้านอาหารในย่างกุ้งนิยมมาจ่ายตลาดกันนั้นมีอยู่สองตลาดด้วยกัน คือ ที่นี่กับตลาดตั่งเซ โดยจุดเด่นคือเป็นตลาดที่อยู่ติดกับท่าแพปลา ที่นี่อาคารจะมีทั้งหมดสามอาคารใหญ่ ดังนั้นจะรื้อทิ้งทั้งหมด แล้วสร้างใหม่จากเนื้อที่ 6 เอเคอร์ โดยสร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น ด้านในจะเป็นอาคารที่ทันสมัยและสะอาด โดยแบ่งโซนออกมาชัดเจน รวมทั้งจัดให้เป็นสัดส่วนของสินค้าอุปโภค-บริโภคนำเอาไปไว้ชั้นบนชั้นล่างจะเป็นของสด ขณะนี้อยู่ในระหว่างเขียนแบบและหาผู้เข้าร่วมรับสัมปทานโครงการอยู่ ดังนั้นถ้าผู้ประกอบการไทยที่อยากไปลงทุนที่เมียนมา โดยเฉพาะเมืองท่าสำคัญที่มีประชากรอยู่อาศัยมากที่สุด ก็สามารถติดต่อสอบถามไปที่ YCDC เพื่อขอทราบความชัดเจนของโครงการได้ที่สำนักงานโดยตรงเลย

ที่มา: https://www.posttoday.com/aec/trade/602721