รัฐบาลเมียนมาเสนอเพิ่มค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำเข้า

รัฐบาลมีแผนที่จะเพิ่มค่าธรรมเนียมใบอนุญาตนำเข้าเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป กระทรวงพาณิชย์เสนอโครงสร้างค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในอัตราใหม่เป็น 30,000 ถึงสูงสุด 90,000 จัต จากปัจจุบันที่ 250 ถึง 50,000 จัต สำหรับปีงบ 61-62 ที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. คาดมีรายได้ 4.167 พันล้านจัต และปัจจุบันรวบรวมได้ 3.854 พันล้าน ณ 18 ส.ค.62 การนำเข้าลดลงจากไตรมาสต่อไตรมาสตั้งแต่สิ้นปีงบประมาณ 60-61 แสดงในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 61-62 โดยสินค้าอุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแนวโน้มลดลง การนำเข้าเกือบเก้าในสิบมาจากจีน สิงคโปร์ ไทย ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และเกาหลีใต้ โดยการส่งออก 10 อันดับแรกจากปีที่แล้วเป็น เชื้อเพลิง แร่รวมถึงน้ำมัน เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ยานพาหนะ เหล็กและเหล็กกล้า พลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า ผลผลิตที่ได้จากสัตว์และผัก เส้นใยที่มนุษย์สร้างขึ้นและผ้า การนำเข้าเหล่านี้คิดเป็น 57.4% โดยมูลค่าเงินเหรียญสหรัฐจากการนำเข้าทั้งหมดสำหรับปี 61 อยู่ที่ 24.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/government-proposes-raise-import-licensing-fees.html

โกลเด้นเมียนมาวางแผนขยายเที่ยวบินไปทวายและเกาะสอง

สายการบินโกลเด้นเมียนมาร์แอร์ไลน์กำลังวางแผนที่จะขยายเที่ยวบินไปยังทวายและเกาะสองด้วยเครื่องบิน เอทีอาร์ ใหม่ โดยเครื่องบินมาถึงที่สนามบินนานาชาติย่างกุ้งจากฝรั่งเศสในวันที่ 23 ส.ค ที่ผ่านมา สายการบินให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศไปยังมัณฑะเลย์ ปูเทา มิวกินา ยองอู เฮโฮ ท่าขี้เหล็ก ล่าเสี้ยว ตั่งตแว และซิตเว โดยใช้ชุดเครื่องบินเอทีอาร์ – 72 600 จำนวน 2 ลำ โดยเครื่องบินเอทีอาร์ลำที่หนึ่งและสองเดินทางถึงเมียนมาในวันที่ 15 พ.ค. 57 และเดือนมิ.ย. 57 ตามลำดับ ปัจจุบันกำลังตั้งเป้าที่จะเปิดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศอีกครั้ง

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/golden-myanmar-airlines-plans-to-expand-its-flights-to-dawei-and-kawthoung

ธุรกิจพุ่งหลังกำหนดชำระคืนเงินกู้ใกล้เข้ามา

นักธุรกิจของเมียนมากำลังเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติให้ชำระคืนเงินกู้เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ทางการเงิน มีการคาดเดากันว่าธนาคารจะฟ้องธุรกิจที่ไม่ได้ชำระหนี้เงินกู้เป็นประจำหรือผิดนัดชำระภายในสิ้นเดือนกันยายนหรือทรัพย์สินที่ถูกวางเป็นหลักประกันจะถูกยึด โดยกำหนดเส้นตายสำหรับการผิดนัดชำระหนี้เในปลายเดือน ก.ย.62 นี้ โดยจะมีการดำเนินคดีและการยึดทรัพย์สินต่อไป .ธนาคารทุกแห่งจะดำเนิการฟ้องเว้นแต่จะได้รับการชำระคืนภายในสิ้นเดือน ก.ย.62 โดยมีรายชื่อลูกหนี้กว่า 10,000 คนโดยบางคนเป็นนักธุรกิจอันดับต้น ๆ ที่อาจถูกขึ้นบัญชีดำ เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการก่อสร้างของเมียมากล่าวว่าอาจมีวิกฤติด้านการธนาคารที่รุนแรงหากธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้ชำระคืนเงินกู้ ซึ่งสินเชื่อส่วนใหญ่มาจากธนาคารเอกชน อีกทั้งเมื่อดำเนการยึดทรัพย์อย่างอสังหาริมทรัพย์อาจไม่เป็นผลดีกับธนาคารนักเพราะราคาอยู่ในช่วงตกต่ำ ทั้งนี้ผู้ให้กู้และลูกหนี้จะต้องทำตามเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นในการชำระคืนเพื่อปัญหาจะได้รับการแก้ไข

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/businesses-jumpy-over-impending-loan-repayment-deadline.html

มัณฑะเลย์คาด GDP ต่อหัวจะเพิ่มขึ้น

จีดีพีต่อหัวของภูมิภาคมัณฑะเลย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คาดจะยิ่งเพิ่มด้วยกระแสเงินลงทุนจำนวน 841,600 ล้านจัตในปีงบประมาณปัจจุบันจนถึงเดือนมิ.ย.62 มีนักลงทุนจาก 7 ประเทศที่ลงทุน 445 ล้านเหรียญสหรัฐ (669.59 พันล้านจัต) ในภูมิภาคขณะที่การลงทุนในท้องถิ่นมีมูลค่าทั้งสิ้น 172 พันล้านจัต รัฐบาลของภูมิภาคได้ดำเนินมาตรการเพื่อประกันว่ามัฑะเลย์ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคยังคงเป็นสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจที่สุด เขาเสริมว่าภูมิภาคนี้มีโครงการที่นำโดยรัฐบาล 5 โครงการและอีก 5 โครงการดำเนินการร่วมกันโดยรัฐบาลระดับภูมิภาคและภาคเอกชน รัฐบาลระดับภูมิภาคมีแผนที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับทั้งภูมิภาคภายในปี พ.ศ. 64 แต่ปัจจุบันมีเพียง 38% ของภูมิภาคเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงกระแสไฟฟ้าได้ในปีงบประมาณ 58-59 และเพิ่มขึ้นเป็น 74% ในปีงบประมาณปัจจุบัน นอกจากนี้ถนนบางสายได้ถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ชนบทราว 748 กม. ในปีงบประมาณ 60-62 ในขณะที่สะพานอีก 3,023 เมตรถูกสร้างขึ้นในราคา 25,600 ล้านจัต

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/mandalay-region-expects-capita-gdp-rise.html

การลงทุนจากต่างประเทศ 81,000 ล้านเหรียญสหรัฐและการอนุญาตนักลงทุนในประเทศ 19.049 ล้านล้านจัต

เมียนมาอนุญาตให้การลงทุนจากต่างประเทศมากกว่า 81,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และนักลงทุนของในประเทศ 19.049 ล้าน  ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าธุรกิจการลงทุนต่างประเทศจำนวน 1779 มีมูลค่า 81.249 พันล้านเหรียญสหรัฐและธุรกิจการลงทุนในประเทศที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมาธิการการลงทุนของพม่า (MIC) ถึง 19.049 ล้านล้านจัต (10,353 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) จนถึงสิ้น ก.ค. 62 MIC ได้อนุญาตให้ธุรกิจการลงทุนต่างประเทศ 1,836 ล้านเหรียญสหรัฐมีมูลค่า 1,836 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 30 ปีตั้งแต่ปี 31-32 จนถึงสิ้น พ.ค. 62 ในปี 62 จากตัวเลขของคณะกรรมการการลงทุนและการบริหาร บริษัท (DICA) จากธุรกิจต่างประเทศมีเพียง 1489 แห่งและปริมาณการลงทุนมีมูลค่าประมาณ 67.223 พันล้านเหรียญสหรัฐ ธุรกิจที่เลิกกิจการออกภายใน 30 ปี มีจำนวน 338 ธุรกิจและปริมาณการลงทุนมีมูลค่า 14.712 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภาคน้ำมันและก๊าซอยู่ในอันดับต้น ๆ ด้วยการลงทุนมากกว่า $ 22 พันล้านเหรียญสหรัฐ 27.94% ตามด้วยภาคพลังงานด้วย 21 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ 26.40% ภาคการผลิต 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ 13% การขนส่งและการสื่อสารที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่า 13%, อสังหาริมทรัพย์ 6% โรงแรมและการท่องเที่ยว 4% ภาคเหมืองแร่ 3% และภาคอื่น ๆ 3% ตามลำดับ ในปีงบประมาณปัจจุบันได้อนุมัติธุรกิจการลงทุนจากต่างประเทศจำนวน 207 ล้าน 2.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 61-62 ถึง 10 ก.ค. มีมูลค่ามากกว่า 1.171 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในทำนองเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าวปริมาณการลงทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 208.300 ล้านเหรียญสหรัฐตามกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาลา

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/more-than-us-81-billion-worth-of-foreign-investment-and-k-19049-trillion-worth-of-citizen

รัฐบาลเมียนมาขายบ้านราคาถูกในสี่เมือง

รัฐบาลกำลังขายอพาร์ทเมนท์ราคาถูกในเมืองอย่าง หล่ายธะยา ชเว-ปยีตา Dagon Seikkan และ ตันลยิล-เจ๊าตัน สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนมากกว่า 300,000 จัต ผู้ซื้อต้องเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่อยู่อาศัยในธนาคารเพื่อการพัฒนา การก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน (CHID) และต้องมีน้อย 3 ล้านจัต ในบัญชีของพวกเขาเพื่อให้ได้เงินกู้ก่อสร้างระยะยาวเพื่อซื้ออพาร์ทเมนต้นทุนต่ำ โดยกำลังเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งมอบอพาร์ทเมนท์ให้กับผู้ซื้อในกลุ่มที่สอง ณ สิ้นเดือนก.ย. เงินดาวน์จะเท่ากับ 20% สำหรับอพาร์ทเมนท์ราคาถูกและ 30 เปอร์เซ็นต์สำหรับอพาร์ทเมนท์ราคาไม่แพง อัตราดอกเบี้ย 8.5% และระยะเวลากู้ 15 ปี มีอพาร์ทเมนท์ทั้งหมด 325 ห้องที่ถูกจับฉลากและขายเป็นชุดที่สองในวันที่ 4 มิถุนายน การขายอพาร์ทเมนท์ราคาถูกและราคาไม่แพงนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางในเขตย่างกุ้ง

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/govt-sells-low-cost-housing-units-in-four-townships

ธุรกิจขนส่งและยานยนต์

ธุรกิจขนส่งและธุรกิจยานยนต์เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ เป็นปกติที่ประเทศเปิดใหม่ มักจะต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะก่อน ในเมียนมาทุกอย่างกำลังเริ่มต้นใหม่ เพียงแต่ต่างจากไทยอาจเวลาถึง 30 ปีกว่าจะเปลี่ยนเป็นประเทศกำลังพัฒนา ในเมียนมาใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 ปี ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ที่เปลี่ยนแปลงเร็วเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไปก่อนล่วงที่เมียนมาเปลี่ยน จึงทำให้เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เหมือนเวียดนามนั่นเอง แต่ในชนบทยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะไม่มีเงินทุนสำรองมากนัก จึงเปิดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากกันมากขึ้น ในแง่ของธุรกิจยานยนต์ ที่นี่ในอดีตที่ผ่านมา ไม่อนุญาตให้นำเข้ารถยนต์ ตั้งแต่ ปี 2000 เพราะในยุคก่อนนั้นมีการนำเข้ารถเก่าญี่ปุ่นจากประเทศไทยเข้าไปเยอะ และเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันจะได้รับการอุ้มจากรัฐบาล ราคาตลาดมืดลิตรละประมาณ 1,000-1,200 Ks/ลิตร แต่ราคารัฐบาลขายให้ประชาชนที่มีรถยนต์ โดยการจำกัดรถ 1 คัน ให้เติมวันละ 4 แกลลอน/ละ 400-600 Ks รถ 1 คัน สามารถวิ่งเข้าไปเติมน้ำมันแล้วเก็บไว้ขายสามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้เลย ดังนั้นจึงห้ามนำเข้ารถยนต์ พอในเดือน ส.ค. 2007 รัฐบาลทนต่อการขาดทุนไม่ไหวจึงประกาศงดการสนับสนุนอีกต่อไป

ที่มา: https://www.posttoday.com/aec/scoop/561437