เวียดนามอาจก้าวเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูงในปี 2566

ศูนย์เพื่อการวิจัยเศรษฐกิจของญี่ปุ่น (Japan Center for Economic Research – JCER) คาดการณ์เศรษฐกิจในระยะกลางในภูมิภาคเอเชีย หัวข้อ “พิษโควิด-19 ในเอเชีย” ผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และส่องเศรษฐกิจในเอเชียเมื่อเทียบกับประเทศทั่วโลก ในสถานการณ์ปกตินั้น ทางศูนย์ฯ มองว่าการระบาดของไวรัสเป็นแค่เหตุการณ์ชั่วคราว ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลาง ภายใต้การตั้งสมมติฐานว่ามีเพียงประเทศจีน เวียดนามและไต้หวัน ที่สามารถรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในทิศทางเป็นบวกในปี 2563 ทั้งนี้ เวียดนามมีอัตราการเติบโตร้อยละ 6 ในปี 2578 เนื่องมาจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้จะช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนาม ทั้งในแง่ของขนาดเศรษฐกิจและผลักดันให้ก้าวเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย อีกทั้ง เวียดนามมีความพร้อมในเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับบนในปี 2566 โดยมีรายได้ต่อหัวอยู่ที่ 11,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนในปี 2578

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-may-become-uppermiddleincome-country-in-2023-japanese-centre/193135.vnp

เวียดนามตั้งเป้ายอดส่งออกเสื้อผ้า 55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568

สมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าภาคเครื่องนุ่งห่มได้ตั้งเป้ามูลค่าการส่งออก 55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างแรงงานกว่า 3 ล้านคนในปี 2568 ซึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวนั้น อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มต้องใช้ประโยชน์จากผลของข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามร่วมลงนามกับประเทศพันธมิตร ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป (EVFTA),  ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก, ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ฯลฯ เป็นต้น รวมถึงทางสมาคมฯ จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงธุรกิจกับองค์กรระหว่างประเทศและลูกค้า เพื่อยกระดับตำแหน่งของเครื่องนุ่งห่มเวียดนามในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก นอกจากนี้ การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกกระโดดจาก 28.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2559 เป็น 38.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 อัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 9.55 ต่อปี และคาดว่าในปี 2563 จะมีมูลค่าส่งออกถึง 3.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/garment-sector-targets-55-billion-usd-from-exports-by-2025/193053.vnp

ด่งนายหวังดึงดูดเม็ดเงินลงทุน FDI เพื่อยกระดับสภาพแวดล้อมการลงทุน

คณะกรรมการประชาชนจังหวัด ระบุว่าการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เป็นปัจจัยสำคัญของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัด ในปี 2563-2568 โดยเป้าหมายดังกล่าว เพื่อให้จังหวัดเป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนต่างชาติในภาคตะวันออกเฉียงใต้ และให้ความสำคัญกับโครงการที่เกี่ยวข้องด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้แรงงานน้อยและผลิตสินค้าที่สามารถแข่งขันกับเจ้าอื่นได้ อีกทั้ง ทางจังหวัดจะเร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ทักษะแรงงานและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงปฏิรูปการบริหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการลงทุน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/dong-nai-hopes-to-attract-fdi-by-improving-investment-climate/193063.vnp

เอสแอนด์พี โกลบอล คาดเศรษฐกิจเวียดนามโตสูงที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก ปี 64 โต 10.9%

เวียดนามจะกลับมาบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจในปีหน้า คาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ปี 2564 อยู่ที่ร้อยละ 10.9 นับว่าสูงที่สุดในภูมิภาคนี้ นาย Vishrut Rana นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P) กล่าวว่าถึงว่าแม้มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัววัคซันในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ส่งผลไปในทิศทางที่เป็นบวกแก่กลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก แต่เวียดนามก็ยังคงเป็นประเทศที่ขยายตัวได้ดีกว่าในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยสำคัญของเศรษฐกิจ ด้วยสัดส่วนร้อยละ 6 ของ GDP และคาดว่าจะเผชิญกับความท้าทายในปีหน้า ในส่วนของการบริโภคภาคเอกชนนั้น จะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติเร็วๆนี้ แต่การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวยังคงหดตัวลงอยู่ จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตาม กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจเวียดนาม เนื่องมาจากความต้องการสินค้าเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 2.5-3 ในปีนี้ และจะพุ่งขึ้นร้อยละ 6 ในปี 2564

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-gdp-to-record-highest-growth-in-asia-pacific-at-109-in-2021-sp-315173.html

ราคาส่งออกข้าวของเวียดนาม ปรับตัวพุ่งแตะ 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

หน่วยงานด้านการแปรรูปและพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวทั้งหมด 5.74 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในแง่ของปริมาณ ลดลงร้อยละ 2.2 ในขณะที่ ด้านมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ตลาดส่งออกสำคัญของเวียดนามในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด มีสัดส่วน 32.9% ของส่วนแบ่งการตลาดรวม ตามมาด้วยอินโดนีเซียและจีน อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวขาว 5% ในเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 495 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 498 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ ราคาข้าวขาว 5% ของไทย พุ่งสูงขึ้นจาก 466 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 480 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ส่งผลให้การส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสหภาพยุโรปให้โควต้าสำหรับข้าวของเวียดนาม 80,000 ตันต่อปี ด้วยอัตราภาษีร้อยละ 0

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/rice-export-price-soars-to-roughly-us500-per-tonne-822735.vov

สปป.ลาวและเวียดนามเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือแบบทวิภาคี

สปป.ลาวและเวียดนามได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ 17 ฉบับโดยตั้งใจที่จะกระชับความสัมพันธ์และความเป็นปึกแผ่นระหว่างสองประเทศทั้งสองฝ่ายกล่าวว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับความสำเร็จของความร่วมมือทวิภาคีในช่วงปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะในด้านการเมือง การต่างประเทศและด้านที่สำคัญอย่างความมั่นคงเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนเวียดนามเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับสามในสปป.ลาวรองจากจีนและไทย การลงทุนทั้งหมดของเวียดนามในสปป.ลาวเพิ่มขึ้นเป็น 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 รวมถึงยังเป็นคู่ค้าที่สำคัญของสปป.ลาวโดยมีมูลค่าการค้าที่เกิดจากการร่วมมือทวิภาคีถึง 815 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ รัฐบาลทั้งสองยังตกลงที่จะขยายความร่วมมือในด้านการสื่อสารและการขนส่งรวมถึงการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำ การส่งกระแสไฟฟ้า การซื้อพลังงาน ประเด็นหนึ่งที่สำคัญทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงความสำคัญของความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยทางสังคมตามแนวพรมแดนร่วมกันโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างพรมแดนแห่งมิตรภาพความร่วมมือและการพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Natural_238.php

เวียดนามเผยดัชนีผลผลิตอุตฯ พ.ย. ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เผยว่าเวียดนามรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี และผลของข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-สหภาพยุโรป ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมกลับมาฟื้นตัวและการดำเนินธุรกิจในทิศทางใหม่ ด้วยเหตุนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปที่พุ่งสูงขึ้นร้อยละ 11.9 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IIP) คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 ในขณะที่การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2

  ที่มา : https://vietreader.com/business/finance/25931-industrial-production-continues-to-rise-in-november.html