บริษัทจากดูไบมองกัมพูชาเป็นตลาดชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนตะวันออก

หอการค้าดูไบประกาศว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งในตลาดอันดับต้นๆในอาเซียนสำหรับผู้ส่งออกดูไบ โดยกัมพูชาได้รับการระบุว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียนตามแถลงการณ์ที่ออกโดยหอการค้าดูไบ ซึ่งหอการค้าแห่งดูไบได้จัดสัมมนาทางธุรกิจในดูไบเพื่อมองหาแนวโน้มการค้าโลกและโอกาสทางการตลาด โดยการจัดตั้งเส้นทางการบินระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มการไหลเวียนทางการค้าระดับทวิภาคีและลดต้นทุนการค้าทำให้ตลาดอาเซียนน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับผู้ส่งออกในดูไบ ซึ่งหน่วยงานด้านการค้าได้เน้นถึงความต้องการของผู้ค้าในดูไบมุ่งเน้นไปที่ตลาดนอกเหนือจากตะวันออกกลางและภูมิภาคแอฟริกาเหนือ โดยหอการค้ากล่าวว่าประชากรที่เติบโตอย่างรวดเร็วในอาเซียนและการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งการส่งออกหลักของกัมพูชาไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คือเสื้อผ้าและรองเท้า โดย Mubadala Petroleum ซึ่งเป็น บริษัท สำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซระหว่างประเทศได้เปิดเผยแผนการที่จะลงทุนในประเทศกัมพูชา บริษัท เป็น บริษัท ในเครือของ Mubadala Investment Company

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50670252/cambodia-identified-as-a-top-asean-market-for-dubai-firms/

รัฐมนตรีชื่นชมการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯในการพัฒนาเศรษฐกิจในกัมพูชา

กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินของกัมพูชากล่าวว่าความร่วมมือระหว่างกัมพูชาและสหรัฐอเมริกามีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของกัมพูชาโดยให้เงินช่วยเหลือสนับสนุนหลายล้านเหรียญสหรัฐ โดยความช่วยเหลือนี้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นในหลายภาค ซึ่งโดยเฉพาะด้านการศึกษา สุขภาพ การเกษตรและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันบริษัทจากสหรัฐฯจำนวนมากทำการลงทุนและการค้าเพิ่มขึ้นทุกปีในกัมพูชา โดยจากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯการค้าระหว่างกัมพูชาและสหรัฐอเมริกามีมูลค่าสูงถึง 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งข้อมูลจากการจัดส่งของกัมพูชาไปยังสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 38% สู่ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่มูลค่าการนำเข้าจากสหรัฐฯอยู่ที่ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 24% ซึ่งกัมพูชาส่วนใหญ่ส่งออกสิ่งทอ, รองเท้า, สินค้าการท่องเที่ยวและสินค้าเกษตรไปยังสหรัฐอเมริกาในขณะที่การนำเข้าส่วนใหญ่ของกัมพูชาเป็นยานพาหนะ, อาหารสัตว์และเครื่องจักรมายังกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50670375/minister-praises-us-contribution-to-kingdoms-economic-development/

แกรนด์ไชน่าประกันชีวิตรวมพัฒนาภาคประกันภัยในกัมพูชา

บริษัท Grand China Life Insurance และ Chief (Cambodia) Commercial Bank Plc. ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อพัฒนาภาคประกันภัยในประเทศกัมพูชา โดยบันทึกความเข้าใจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางกฎหมายระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Chief Bank กล่าวว่าอุตสาหกรรมประกันภัยในประเทศกัมพูชามีการพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยการร่วมมือกับ Grand China Life Insurance จะช่วยกระตุ้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้ประชาชาติของกัมพูชาอยู่เพียง 288 เหรียญสหรัฐ ในปี 2000 แต่เพิ่มขึ้นเป็น 830 เหรียญสหรัฐ ในปี 2010 และสูงถึง 1,548 เหรียญสหรัฐ ในปี 2018 โดย Morarith กล่าวว่าด้วยกฎหมายที่มีการปรับปรุงและหน่วยงานกำกับดูแลที่รับผิดชอบตอนนี้กัมพูชามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความสำคัญของการภาคประกันภัย ซึ่ง Yu Li Qun ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Grand China Life จะคอยช่วยแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมให้กับผู้ต้องการทำประกัน ทั้งนี้ Grand China Life Insurance ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังในปี 2560 และเริ่มดำเนินการในเดือนมีนาคม 2561

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50670383/grand-china-life-insurance-chief-bank-team-up-to-develop-insurance-sector/

โรงงานผลิตและแปรรูปมะม่วงในกัมพูชา 3 แห่งจะเริ่มเปิดทำการในปีหน้า

กระทรวงเกษตรระบุว่าจะมีการเปิดโรงงานแปรรูปมะม่วงอย่างน้อยสามแห่งในปี 2563 โดยโรงงานแห่งใหม่จะส่งเสริมการผลิตมะม่วงในกัมพูชาและช่วยให้เกษตรกรค้นหาตลาดใหม่สำหรับผลผลิตของพวกเขาซึ่งขณะนี้กัมพูชามีโรงงาน 8 แห่ง ที่ดำเนินการแปรรูปมะม่วง โดยสินค้าส่วนใหญ่ของการผลิตถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์จากมะม่วงยังคงส่งออกในระดับที่ต่ำ ซึ่งโรงงานแห่งใหม่นี้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนในภาคการผลิตมะม่วงภายในประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าเขาขอให้เจ้าของโรงงานทำข้อตกลงการทำสัญญากับเกษตรกรเพื่อช่วยลดความเสี่ยงระหว่างกัน นอกจากนี้กระทรวงยังได้ขอให้หน่วยงานพาณิชย์จังหวัดอำนวยความสะดวกในกระบวนการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับบริษัทที่ต้องการส่งออกผลิตภัณฑ์จากโรงงานเหล่านี้ ซึ่งกัมพูชากำลังดำเนินการเพื่อเริ่มส่งมะม่วงไปยังเกาหลีใต้และจีน โดยถือว่าเป็นตลาดใหญ่สำหรับตลาดผลไม้ และจากข้อมูลของกระทรวงเกษตรระบุว่าพื้นที่เพาะปลูกมะม่วงมีมากกว่า 100,000 เฮกตาร์ทั่วประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50670405/three-mango-factories-to-open-next-year-ministry/

การค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามเพิ่มขึ้น 13.8%

การค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามมีมูลค่าถึง 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 13.8% จากเดือนมกราคมถึงตุลาคม โดยการเพิ่มขึ้นของอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งทั้งสองประเทศมีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณการค้าให้ถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 โดยหอการค้าเวียดนามและหอการค้ากัมพูชาร่วมกันจัดเวทีธุรกิจในกรุงพนมเปญ ซึ่งฟอรัมในครั้งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดยพวกเขาได้หารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของการแลกเปลี่ยนการค้าและการปกป้องผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายขององค์กร ซึ่งเวียดนามรายงานว่าขณะนี้มีโครงการลงทุน 214 แห่ง ในกัมพูชาด้วยการลงทุนมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ สิ่งนี้ทำให้เวียดนามเป็นผู้ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับห้าในกัมพูชา ขณะเดียวกันกัมพูชามีโครงการลงทุน 21 โครงการในเวียดนามด้วยมูลค่าการลงทุนเกือบ 64 ล้านเหรียญสหรัฐติดอันดับ 54 ใน 132 ประเทศที่ลงทุนในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50669272/kingdoms-trade-with-vietnam-rises-13-8/

กัมพูชาอาจได้รับเอกสิทธิ์ทางการค้าจากอังกฤษหลัง Brexit

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าวถึงสหราชอาณาจักรได้ให้คำมั่นที่จะรักษาสิทธิพิเศษของกัมพูชาในการเข้าถึงตลาดของตนแม้จะออกจากสหภาพยุโรป โดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซนกำลังติดตามสถานการณ์ในสหราชอาณาจักรอย่างใกล้ชิดเนื่องจากประเทศเตรียมที่จะออกจากสหภาพยุโรป ซึ่งสหราชอาณาจักรเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งออกของกัมพูชาภายในกลุ่มยุโรป โดยการค้าระหว่างกัมพูชาและสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นจาก 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2555 เป็นมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2561 จากตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกัมพูชาส่งออกเสื้อผ้า, รองเท้า, ข้าวสารและจักรยานไปอังกฤษเป็นหลัก โดยในระหว่างการเยือนกัมพูชาในช่วงกลางเดือนกันยายนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและเครือจักรภพอังกฤษแห่งเอเชียกล่าวว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งใน 48 ประเทศ ที่พัฒนาน้อยที่จะได้รับการรักษาสิทธิพิเศษทางการค้าในตลาดสหราชอาณาจักร ซึ่งสหราชอาณาจักรจะยังคงจัดให้มีโครงการการค้าพิเศษแก่กัมพูชาและประเทศที่พัฒนาน้อยอีกกว่า 48 ประเทศ แม้หลังออกจาก EU ในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50669270/cambodia-to-keep-trade-privileges-in-the-uk-after-brexit-hun-sen/

2 จังหวัดในกัมพูชาได้รับการอนุมัติให้ออกหนังสือ Form D ได้

กระทรวงพาณิชย์ประกาศว่าอีกสองจังหวัดได้เริ่มออกหนังสือ Form D หรือใบรับรองแหล่งกำเนิดของสินค้าในแต่ละพื้นที่ โดยตอนนี้จังหวัดเขาพระวิหารและจังหวัดโพธิสัตว์สามารถออกฟอร์มได้แล้ว ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ส่งออก โดยกระทรวงกำลังมอบหมายการออกแบบฟอร์ม ไปยังแผนกพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจและการส่งออกรวมถึงช่วยให้บริษัทประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งโครงการนี้มาถึง 16 จังหวัด เจ้าหน้าที่ในจังหวัดพระวิหารและจังหวัดโพธิสัตว์สามารถออกหนังสือ Form D ได้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม เป็นต้นไป โดยผู้ผลิตผู้ค้าและผู้ส่งออกในจังหวัดสามารถทำการสมัครออนไลน์เพื่อขอใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อการส่งออกโดยส่งใบสมัครผ่านทางเว็บไซต์ของแผนกการค้าจังหวัด ซึ่งผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของปราสาทเขาพระวิหารกล่าวว่านี่คือการพัฒนาที่สำคัญที่จะช่วยให้ผู้ส่งออกในท้องถิ่นส่งสินค้าเกษตรไปยังตลาดเพื่อนบ้านได้ง่ายขึ้น โดยผู้ส่งออกไม่ต้องเดินทางไปที่กระทรวงในพนมเปญอีกต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50668982/two-more-provinces-get-to-issue-d-forms/