INFOGRAPHIC : เวียดนามไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกัน 92 วัน

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. คณะกรรมการระดับชาติว่าด้วยการป้องกันและควบคุมโควิด-19 แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The National Steering Committee for COVID-19 Prevention and Control) เปิดเผยว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในเวียดนาม นับเป็นเวลา 92 วันติดต่อกันแล้วไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-enters-92nd-day-without-covid19-community-transmission/178726.vnp

ออสเตรเลียเริ่มทำการสอบสวนการทุ่มตลาดเหล็กของเวียดนาม

คณะกรรมการตรวจสอบการทุ่มตลาดของออสเตรเลีย (Anti-Dumping Commission: ADC) เริ่มดำเนินการตรวจสอบ 2 คดีที่เกี่ยวกับมาตรการป้องกันการทุ่มตลาดและการตอบโต้การอุดหนุนแก่เหล็กเคลือบโลหะผสมจากเวียดนามและอีกหลายประเทศ ซึ่งรหัสสินค้าข้างต้น “7210.61” และ “7225.99” ที่มีความกว้างอย่างน้อย 600 มม.หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับการตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2562 – 31 มี.ค. 2563 ขณะที่  ระยะเวลาในการสอบสวนตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2016 จนถึงปัจจุบัน พบว่าเวียดนาม ไต้หวันและเกาหลีได้ถูกดำเนินการสอบสวนเรื่องการทุ่มตลาด โดยเฉพาะเวียดนามและจีนที่ถูกดำเนินเรื่องการตอบโต้การอุดหนุนและการทุ่มตลาดในหมวดหมู่นี้ ทั้งนี้ หน่วยงานกำกับดูแลด้านมาตรการค้าของเวียดนาม แนะนำให้ทางสมาคมหัตถกรรมและธุรกิจเพื่อส่งออกร่วมมือกับคณะกรรมการ ADC อย่างใกล้ชิด รวมถึงเร่งการตรวจสอบเนื้อหาจากมาตรการดังกล่าว

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/australia-initiates-dumping-probe-into-vietnamese-steel-416169.vov

เวียดนามหันมานำเข้าถ่านหินจากสหรัฐฯ

บริษัท Vinacomin ผู้ผลิตถ่านหินหลักของเวียดนาม แถลงการณ์เมื่อวันพุธถึงปริมาณการนำเข้าถ่านหินจากแคลิฟอร์เนียไปยังจังหวัดกว่างนิญ ในเดือนนี้กว่า 21,700 ตัน ซึ่งจากข้อมูลของกรมศุลกากร ระบุว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ การนำเข้าถ่านหินของเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว แตะระดับสูงสุด 31.57 ล้านตัน ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากออสเตรเลีย อินโดนีเซียและรัสเซีย เป็นต้น ถึงแม้ว่ารัฐบาลพยายามที่จะลดการพึ่งพาถ่านหิน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งนี้ สมาคมพลังงานเวียดนาม ระบุว่าในปีที่แล้ว เวียดนามผลิตกระแสไฟฟ้าร้อยละ 36.1 จากโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน เวียดนามหันจากผู้ส่งออกถ่านหินเป็นผู้นำเข้าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมีจำนวนเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นและอีกเหตุผลหนึ่ง คือการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เวียดนามมีความต้องการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมากยิ่งขึ้น เนื่องมาจากจำเป็นที่จะต้องรักษาเสถียรภาพทางการค้าระหว่างสองประเทศ

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/vietnam-begins-coal-import-from-us-4131170.html

เวียดนามเผยครึ่งแรกของปี 63 ผลผลิตประมงสูงถึง 3.86 ล้านตัน

กรมประมง เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ผลผลิตประมงของเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยปริมาณ 3.86 ล้านตัน ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับการระบาดของไวรัส COVID-19 ในทิศทางเชิงลบต่อการผลิตและการส่งออก ข้อมูลข้างต้นนั้นได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 ก.ค. โดยทำการตรวจสอบกิจกรรมทางการประมงและดำเนินงานที่สำคัญหลายด้านในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทั้งนี้ ผลผลิตที่ได้จากการใช้ประโยชน์จากแหล่งประมงเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 ด้วยปริมาณ 1.88 ล้านตัน ในขณะที่ ผลผลิตการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 ด้วยปริมาณ 1.97 ล้านตัน นอกจากนี้ กรมประมงจะทำการตรวจสอบสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดและจะแจ้งข้อมูลทางด้านทรัพยากรน้ำ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์จากแหล่งประมงอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/fisheries-output-reaches-386-million-tonnes-in-first-half-416124.vov

“เวียดนาม-สหรัฐฯ” เสริมความแข็งแกร่งด้านความร่วมมือของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน

กระทรวงการคลังเวียดนาม (MoF) ได้ลงนามเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ในกรอบเสริมความแข็งแกร่งด้านความร่วมมือของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินกับกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยให้เวียดนามตระหนักถึงความสำคัญของประเด็นดังกล่าว ซึ่งกระทรวบความร่วมมือจะประกอบไปด้วย 5 สาขาสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ให้มีสภาพคล่องสูงขึ้น ตามมาด้วยการสร้างเครื่องมือทางการเงินที่สามารถแก้ไขปัญหาต่อการลงทุนภาคเอกชนและโครงสร้างพื้นฐาน, ส่งเสริมนวัตกรรมและความยั่งยืนผ่านเครื่องมือทางการเงิน, การเสริมสร้างศักยภาพและโครงการช่วยเหลือเทคนิคทางการเงิน และการวิเคราะห์ภาระหนี้สินและประเด็นอื่นๆจากมุมมองของภาครัฐ ทั้งนี้ เวียดนามต้องการเงินทุนจำนวนมากในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่ ผลการศึกษาของกระทรวงวางแผนและการลงทุน ระบุว่าเวียดนามต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 195,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงสร้างพื้นฐานในปี 2560-2563 โดยเฉพาะด้านพลังงาน การขนส่งทางถนน ทางอากาศและการบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น “การดำเนินการตามกรอบความร่วมมือกับสหรัฐฯ จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือทวีภาคี”

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-us-cooperate-to-strengthen-infrastructure-finance-300081.html

เวียดนามเผยยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ดิ่งลงไตรมาสสองของปี 2563

สมาคมผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เวียดนาม (VAMM) เปิดเผยตัวเลขยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ อยู่ที่ราว 518,000 คัน ลดลงร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และร้อยละ 30.77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยฮอนด้ายังคงครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดร้อยละ 80 ถึงแม้ว่าในไตรมาสที่สองจะลดลงร้อยละ 32 จากปีที่แล้ว ทั้งนี้ ผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ของประเทศ มียอดจำหน่ายเพียง 61,700 คัน ในเดือนเม.ย. ลดลงร้อยละ 61 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว  นอกจากนี้ ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศเข้าสู่จุดอิ่มตัวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบให้ธุรกิจและผู้ผลิตประสบปัญหามากมาย อีกทั้ง ผู้บริโภคหันมาใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าตลาดรถจักรยานยนต์เข้าสู่ยุคอิ่มตัวและแบ่งสัดส่วนการตลาดให้กับยานยนต์ประเภทอื่นๆ เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือระบบขนส่งสาธารณะ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/77601/motorbike-sales-plunge-in-q2.html

“เวียดนาม-ไทย” มุ่งมั่นกระชับความร่วมมือทางการค้า

สำนักงานส่งเสริมการค้าไทยที่นครโฮจิมินห์ เป็นเจ้าภาพในงานส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการค้า ณ วันที่ 14 กรกฎาคม เพื่อหาช่องทางแก่ผู้ประกอบการท้องถิ่นในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและโอกาสสำคัญในการยกระดับความร่วมมือระหว่างไทยกับเวียดนาม ทั้งนี้ คุณสภาพร สุขมาก ผู้อำนวยการสำนักงานการค้าในต่างประเทศที่นครโฮจิมินห์ กล่าวว่าสำนักงานฯ ได้จัดงานส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการค้าผ่านทางออนไลน์และโดยตรง เพื่อให้การสนับสนุนแก่บริษัทต่างๆ ในขณะที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ยังคงมุ่งสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ สภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจระหว่างไทยกับเวียดนาม อีกทั้ง คุณศรัณยา สกลธนารักษ์ ประธานสมาคมนักธุรกิจไทยในเวียดนาม กล่าวว่าในฐานะสมาชิกของอาเซียน ไทยและเวียดนามควรส่งเสริมความหลากหลายทางเศรษฐกิจในหลายด้านด้วยกัน เพื่อที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นและสร้างซัพพลายเชนทั่วภูมิภาค เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่จะกลายเป็นประตูสำคัญสู่อาเซียน รวมถึงปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน การลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์และการเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเสรี เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-thailand-strive-to-intensify-trade-exchange-activities-416087.vov