‘เวียดนาม’ เผย ม.ค.-พ.ย. เม็ดเงินลงทุนใหม่จากต่างประเทศ พุ่ง 14.8%

กระทรวงการวางแผนและการลงทุน (MPI) เปิดเผยว่ายอดเงินลงทุนใหม่จากต่างประเทศในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย.66 อยู่ที่ 28.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งจากจำนวนเงินลงทุนข้างต้น พบว่าโครงการที่จดทะเบียนใหม่ ยอดปรับเพิ่มเงินทุนและการเข้าซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน การเบิกจ่ายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเวียดนาม ทำสถิติสูงสุดที่ 20.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากการสนับสนุนและความร่วมมือของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหากฎหมาย นอกจากนี้ สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีมูลค่าลงทุนมากกว่า 4.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาฮ่องกงและเกาหลีใต้

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/new-foreign-investments-in-jan-nov-rise-14-8-y-o-y/

‘ฝรั่งเศส-ลาว’ เตรียมจัดประชุมเวทีเศรษฐกิจ ฉลองความสัมพันธ์ 70 ปี ทางการทูตและธุรกิจ

คณะกรรมการที่ปรึกษาการค้าต่างประเทศของฝรั่งเศสในลาว เตรียมจัดการประชุมเวทีเศรษฐกิจระหว่างฝรั่งเศสและลาว ระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2566 ที่เวียงจันทน์และสะหวันนะเขต เพื่อเป็นเวทีพบปะพูดคุยทางการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการ นักธุรกิจและนักลงทุนฝรั่งเศสที่สนใจลงทุนในประเทศลาว โดยการประชุมครั้งนี้กำหนดให้มีการพูดคุยและนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับตลาดการค้าของลาว โอกาสในการสร้างเครือข่ายการค้าการลงทุน และเวทีการประชุมเชิงกลยุทธ์และปฏิบัติการทางธุรกิจที่ออกแบบมาเพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจในประเทศลาว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/10/19/france-laos-economic-forum-celebrates-70-years-of-diplomatic-business-ties/

‘อสังหาฯ เวียดนาม’ ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ดึงดูดเงิน FDI ได้กว่า 1.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

หน่วยงานการลงทุนต่างประเทศ กระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม เปิดเผยว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 1.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนราว 9.6% ของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงาน พบว่าตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงวันที่ 20 ก.ย. เวียดนามดึงดูดการลงทุน FDI ประมาณ 20.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ดี ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นผู้นำที่ดึงดูด FDI ในเวียดนามได้มากที่สุด มูลค่ามากกว่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 5.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี รองลงมาภาคอสังหาฯ ที่ 1.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 45% และการเงินการธนาคาร 1.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/real-estate-attracts-1-94-billion-usd-in-fdi-in-nine-months-2198057.html

‘เวียดนาม’ แม่เหล็กดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ

‘Global Finance’ นิตยสารการเงินการธนาคารชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่าเวียดนามกลายเป็นหนึ่งประเทศชั้นนำของการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผลมาจากเวียดนามมีข้อได้เปรียบหลายประการ รวมไปถึงประชากรของเวียดนามกว่า 100 ล้านคนที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี

ทั้งนี้ เธียร์รี่ เมอร์เม็ท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท SOA กล่าวว่าบริษัทมองหาโอกาสทางการธุรกิจในเวียดนามและอาเซียน เนื่องมาจากเวียดนามแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และเม็ดเงินจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มีมูลค่าราว 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 0.5% อีกทั้ง ตัวชี้วัดที่สำคัญที่มีความได้เปรียบของเวียดนาม คือ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศ เหตุจากการที่บริษัท VinFast เพิ่งกลายมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และเมื่อพิจารณามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด พบว่าตามหลังเพียงแค่เทสลา (Tesla) และโตโยต้า (Toyota)

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnam-powerful-magnet-for-foreign-direct-investment-post129700.html

‘เวิลด์แบงก์’ ชี้การลงทุน FDI ในเวียดนามยังคงทรงตัว ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก

ธนาคารโลก (WB) ได้ออกรายงาน Vietnam Macro Monitoring ประจำเดือน ส.ค. 2566 ระบุว่ากระแสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการเบิกจ่ายงบประมาณ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่จะมองหาโอกาสทางธุรกิจในตลาดเวียดนาม ทั้งนี้ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี เหตุจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมในประเทศและการส่งออก ในขณะที่ยอดค้าปลีก ปรับตัวดีขึ้น 7.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด อีกทั้ง การลงทุน FDI ยังคงอยู่ในระดับทรงตัว ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก ด้วยเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าไปยังเวียดนาม มีมูลค่ากว่า 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 32% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-fdi-performance-remains-steady-amid-global-uncertainties-wb-post1046850.vov

ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ ‘เวียดนาม’ ดาวรุ่งแห่งเอเชีย

ศาสตราจารย์ คาร์ล เทเยอร์ (Carl Thayer) นักวิชาการด้านการศึกษาในเวียดนาม ได้เขียนหนังสือที่เกี่ยวกับปัจจัยหรือสาเหตุใดที่จะผลักดันให้เวียดนามกลายมาเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่แห่งเอเชีย โดยเรื่องราวจะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของเวียดนามในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมาว่าเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ ด้วยอัตราการเติบโตทางการค้าเป็นตัวเลขสองหลัก และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มีนัยยะสำคัญ ทั้งนี้ ธนาคารโลก (WB) แสดงความคิดเห็นว่าเวียดนามยังคงเป็นจุดสว่างทางด้านเศรษฐกิจ ในขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ชี้ว่าเวียดนามกลายมาเป็นดาวเด่นของเศรษฐกิจโลก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-is-a-rising-star-in-asia-professor-2187344.html

‘สิงคโปร์’ นักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเมียนมา

จากสถิติของคณะกรรมการการลงทุนและการบริหารเมียนมา เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือน (เม.ย.-ก.ค.) ของปีงบประมาณ 2566-2567 สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเมียนมา มีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ที่ 335 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยธุรกิจสิงคโปร์ส่วนใหญ่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พลังงานและภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่จีนเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับ 2 ในเมียนมา ด้วยเงินลงทุนประมาณ 124 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เมียนมาดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ 467.793 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตได้รับเงินทุนจากต่างประเทศมากที่สุด และอนุมัติโครงการจากต่างประเทศ จำนวน 18 โครงการ จาก 6 ประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/singapore-leads-myanmars-fdi-rankings-over-last-4-months/#article-title

FDI ในกัมพูชาพุ่งแตะ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของกัมพูชา ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 พุ่งแตะ 4.58 หมื่นล้านดอลลาร์ รายงานโดยธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ซึ่งเม็ดเงินลงทุนส่วนใหญ่มาจากจีนคิดเป็นกว่าร้อยละ 45 ของการลงทุนทั้งหมด ตามมาด้วยเกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย ไทย และสหราชอาณาจักร ขณะเดียวกัน FDI ที่ไหลเข้ามายังกัมพูชาครอบคลุมภาคส่วนสำคัญต่างๆ เช่น ภาคการเงิน อุตสาหกรรมการผลิต อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม รีสอร์ต เกษตรกรรม และภาคการก่อสร้าง เป็นสำคัญ โดยภาคการผลิตมีสัดส่วนสูงสุดที่ร้อยละ 31.6 ของการลงทุนทั้งหมด ด้าน Heng Sokkung เลขาธิการแห่งรัฐและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รายงานเสริมว่า ภายใต้กฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ รวมถึงการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆ ของกัมพูชา จะเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูด FDI ในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501324951/cambodia-fdi-registered-capital-at-45-billion/

Q1 FDI กัมพูชาขยายตัวกว่า 9% คิดเป็นมูลค่ากว่า 45.8 พันล้านดอลลาร์

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในกัมพูชา ในช่วงไตรมาสแรกของปีมีมูลค่าแตะ 45.8 พันล้านดอลลาร์ ตามการรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยแหล่งเงินทุนหลักมาจากจีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย ไทย และสหราชอาณาจักร ด้าน NBC กล่าวเสริมว่า การไหลเข้าของการลงทุนส่วนใหญ่ไหลไปยังภาคส่วนหลักๆ ของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมทางด้านการเงิน อุตสาหกรรมการผลิต ภาคอสังหาริมทรัพย์ เกษตรกรรม โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และอุตสาหกรรมการก่อสร้างเป็นสำคัญ โดยการเพิ่มขึ้นของ FDI สะท้อนถึงเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501324528/fdi-in-cambodia-increases-by-9-percent-in-q1-to-45-8-billion/

‘สื่ออังกฤษ’ ตีบทความ โอกาสครั้งสำคัญของเศรษฐกิจเวียดนาม

สื่ออังกฤษด้านธุรกิจและการเงิน ‘Financial Times’ ลงบทความที่ทำการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจเวียดนามในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่นำไปสู่การผลักดันให้สัญญาต่างๆ และในโอกาสครั้งสำคัญของเศรษฐกิจเวียดนามที่จะไปสู่การเติบโตสูงสุด และการใช้ความได้เปรียบทางด้านการผลิต เพื่อการส่งเสริมประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลเข้ามาในประเทศสูงที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา มูลค่ากว่า 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่เข้ามาลงทุน อาทิเช่น เดลล์ (Dell), กูเกิล (Google), ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และ แอปเปิล (Apple) บริษัททั้งหมดในข้างต้นทำการย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปยังเวียดนามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และมองหาโอกาสที่จะพัฒนามากขึ้นในอนาคตข้างหน้า นอกจากนี้ เวียดนามจำเป็นที่จะต้องยกระดับขีดความสามารถในการผลิตให้ดีขึ้น เพื่อตอบสนอบความต้องการที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-economic-moment-has-arrived-financial-times/256097.vnp