ACV คาดผลกำไรลดลง 6 ล้านล้านดองในปี 63 จากโควิด-19

จากข้อมูลขององค์กรท่าอากาศยานเวียดนาม (ACV) คาดว่ากำไรในปีนี้จะสูงถึง 1.7 ล้านล้านดอง (73.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลงมากกว่า 6 ล้านล้านดองเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องมาจากผลกระทบของสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยในปีที่แล้ว บริษัทมีรายได้สุทธิอยู่ที่ 18.3 ล้านล้านดองและกำไรหลังหักภาษีอยู่ที่ 8.3 ล้านล้านดอง เป็นผลมาจากการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งในระหว่างการประชุมกับคณะรัฐมนตรี ระบุว่าทาง ACV ได้เสนอให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีทำการพิจารณาความคืบหน้าของโครงการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการพัฒนาระบบดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบินในท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ตและท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย ทั้งนี้ เอกสารทางกฎหมายนั้น เป็นแนวทางในการกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศเวียดนามปัจจุบัน ไม่ได้กำหนดบทบาทของผู้ประกอบการท่าอากาศยานอย่างชัดเจนในด้านการลงทุน พัฒนาและขยายธุรกิจท่าอากาศยาน ซึ่งมอบหมายให้ธุรกิจได้บริหารและการใช้หาประโยชน์ ซึ่งจากข้อมูลข้างต้นส่งผลต่อการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของท่าอากาศยานเวียดนาม (ACV) นอกจากนี้ ในวันที่ 31 ธ.ค. 62 บริษัทมีเงินฝากระยะสั้นราว 31.2 ล้านล้านดอง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น ด้วยปัญหาข้างต้น จึงดำเนินการร่างแก้ไขพระราชกฤษฎีกา 102/2015 เกี่ยวกับการดำเนินงานของท่าอากาศยาน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/ha-tinhs-cage-fish-farmers-restore-production/169071.vnp

ราคาทองคำพุ่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ราคาทองคำในประเทศเพิ่มขึ้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะที่ ราคาทองคำโลกทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยบริษัทไซง่อน จิเวลรี (SJC) ระบุว่าราคาขายทองคำอยู่ที่ 45.68 ล้านดอง (1,970.2 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อตำลึง ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่ 630,000 ดอง ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่าราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี และเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 6 เดือน เนื่องมาจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น หลังผู้เสียชีวิตจากโคโรนา ซึ่งในตลาดท้องถิ่น บริษัท Bao Tin Minh Chau Jewelry ในกรุงฮานอย เปิดเผยว่าในช่วงเวลาข้างต้น มีการทำธุรกรรมทองคำสำหรับผู้ซื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 และผู้ขายร้อยละ 45 ขณะเดียวกัน ทางบริษัทระบุในเว็บไซต์ว่านับเป็นโอกาสที่ดีแก่นักลงทุนในการทำกำไร อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าทองคำส่วนใหญ่มองว่าไม่เห็นถึงความแตกต่างอย่างมากกับจำนวนลูกค้าที่ซื้อทองคำ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/gold-prices-soar-at-home-and-abroad/169035.vnp

เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในจ.ห่าติ๋ญ ได้ฟื้นฟูการผลิต

เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในจ.ห่าติ๋ญ ได้ดำเนินการลงทุนเพื่อฟื้นฟูการผลิต หลังจากเผชิญกับอุปสรรคอย่างหนักในช่วงต้นเดือนกันยายนของปีนี้ เนื่องมาจากฝนตกหนักและน้ำท่วม ทำให้ปลาหลายสิบตันตาย ซึ่งชาวเกษตรกรท้องถิ่นที่ใช้กรงกรงเพาะพันธุ์ปลา หันมาใช้ประโยชน์จากแม่น้ำ ‘Do Diem’ โดยสินค้าส่วนใหญ่ใช้ในการบริโภคภายในจังหวัดและตลาดขนาดใหญ่ ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรและพัฒนาชนบท ระบุว่าจะดำเนินการป้องกันจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วมในปีที่แล้ว ส่งผลให้คณะกรรมจังหวัดได้ตัดสินใจที่จะผลักดันเงินรวม 707 ล้านดอง (30,400 ดอลลาร์สหรัฐ) แก่ชาวเกษตรกรที่ใช้กรงดักจับปลา ซึ่งการเลี้ยงปลาที่ใช้กรงเพาะพันธุ์ปลาในพื้นที่เปิดของแม่น้ำจะมีข้อได้เปรียบมากกว่าลักษณะเพาะพันธุ์ปลาแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านคุณภาพและผลผลิตของปลา ดังนั้น นักเพาะพันธุ์ปลาจำเป็นต้องติดตามปฏิทินฤดูกาลและสภาพอากาศ เพื่อที่จะลดความเสียหายให้น้อยที่สุด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/ha-tinhs-cage-fish-farmers-restore-production/169071.vnp

ส่งออกผักผลไม้เวียดนามลดลง ในเดือนมกราคม

จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในเดือนมกราคม เวียดนามส่งออกผักผลไม้กว่า 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 20.6 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งทางกรมการนำเข้าและส่งออกภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าในเดือน ม.ค. ยอดส่งออกผักผลไม้ไปยังจีนลดลงมากกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มูลค่าส่งออกลดลงดังกล่าวเกิดจากการประกาศปิดด่านชั่วคราว เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ กระทรวงฯ ได้เสนอให้ธุรกิจปรับการผลิตและส่งออกไปยังตลาดอื่นเพิ่มขึ้น อาทิ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ทั้งนี้ ทางสมาคมผักผลไม้เวียดนาม (VINAFRUIT) ตั้งเป้ายอดส่งออกรวมในปี 2563 อยู่ที่ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากข้อตกลงการค้าเสรี นอกจากนี้ ข้อตกลง CPTPP จะช่วยให้เปิดตลาดใหม่แก่สินค้าเวียดนาม รวมถึงตลาดส่งออกสำคัญที่มีการเติบโต ได้แก่ อาเซียน (26.6%), สหรัฐอเมริกา (10.7%) และสหภาพยุโรป (32.2%)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fruit-veggie-exports-decline-in-january/168921.vnp

อุตฯป่าไม้ของเวียดนาม มียอดส่งออกเพิ่มขึ้น 10% ในปีนี้

จากข้อมูลของสมาคมผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ไม้เวียดนาม (VIFORES) เผยว่าในปีนี้ การส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ไม้รวม มีมูลค่า 12.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยตลาดรายใหญ่ที่สุด คือ สหรัฐอเมริกาที่มีมูลค่า 6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รองลงมาญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและจีน ตามลำดับ ทั้งนี้ แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯมีทิศทางในเชิงบวกในปีนี้ จากการที่ความต้องการเฟอร์นิเจอร์เพิ่มขึ้น นับว่าเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไม้เวียดนามในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในตลาดดังกล่าว ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าสหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น ธุรกิจสหรัฐฯ จะเพิ่มการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์จากตลาดอื่นๆ รวมถึงเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังคงเผชิญกับการฉ้อโกงทางการค้าด้วยการปลอมแปลงแหล่งกำเนิดสินค้า เนื่องจากสินค้าที่ผลิตในจีนได้ถูกส่งออกมายังเวียดนาม และจากนั้นส่งออกไปยังสหรัฐฯ พร้อมกับติดฉลากสินค้าที่ผลิตในเวียดนาม (made-in-Viet Nam) เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า นอกจากนี้ กระบวนการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าควรตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าใบรับรองดังกล่าวได้รับอนุมัติให้ใช้กับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/602457/forestry-industry-to-gain-export-value-growth-of-10-this-year.html

ราคาสินค้าเกษตรลดลง จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

การระงับค้าขายอาหารทะเลและสินค้าเกษตรในด่านชายแดนทางตอนเหนือของประเทศจีน เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวราโควิด-19 ส่งผลเกิดความไม่สมดุลระหว่างความต้องการซื้อและผลผลิตที่ต้องการขาย สำหรับภาคการประมงยังคงเผชิญกับอุปสรรคหลายด้านด้วยกัน เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่ายอดส่งออกสินค้าประมงไปยังจีน ในเดือน ม.ค.อยู่ที่ 51.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 45 โดยมูลค่าส่งออกที่ลดลงนั้น ส่วนหนึ่งอยู่ในช่วงวันปีใหม่ของเวียดนาม นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ธุรกิจขนส่ง การท่องเที่ยวและค้าปลีก เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ ทางสมาคมฯแนะนำธุรกิจให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากคู่ค้าชาวจีนและเสนอให้กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท และหน่วยงานรัฐฯที่เกี่ยวข้อง ควรใช้นโยบายในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และขยายกำหนดเวลาการชำระเงิน

ที่มา :https://vietnamnews.vn/economy/602415/farm-produce-prices-slump-as-covid-19-hits-exports.html

ยอดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติของเวียดนามขยายตัว หลังจากการแพร่ระบาดไวรัส

ในฐานะจีนเป็นประเทศศูนย์กลางการลงทุนจากต่างชาติ แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างหนัก ปัจจัยนี้ถือว่าเป็นโอกาสแก่ประเทศอื่นๆที่จะพยายามเร่งดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะ นำไปสู่การหันไปลงทุนตลาดอื่น ซึ่งทางบริษัทสหรัฐฯรายใหญ่แห่งหนึ่งได้วางแผนโครงการ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย และคาดว่าไม่จีนก็เวียดนามที่เป็นฐานการลงทุน ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าเวียดนามอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติเพิ่มขึ้น รวมถึงต่างชาติย้ายฐานการผลิตในจีน จากผลกระทบของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีของเวียดนาม ได้แก่ CPTPP และ EU-Vietnam FTA เป็นต้น ซึ่งหากควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้ในไตรมาสแรก เวียดนามจะดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติในปีนี้ อยู่ที่ 38.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ถ้าการแพร่ระบาดสิ้นสุดในไตรมาสสอง เวียดนามจะดึงดูด FDI ได้เพียง 38.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยโอกาสนี้ เวียดนามควรปรับนโยบายเพื่อดึงดูดนักลงทุนที่ลดกำลังการผลิตในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและหันมาลงทุนในเวียดนาม รวมถึงส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติที่มีแผนลงทุนเชิงรุก อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวนั้น เวียดนามจำเป็นต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการลงทุนและการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติที่มีคุณภาพ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/602424/fdi-in-viet-nam-expected-to-surge-after-the-epidemic.html