ราคาสินค้าเกษตรลดลง จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

การระงับค้าขายอาหารทะเลและสินค้าเกษตรในด่านชายแดนทางตอนเหนือของประเทศจีน เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวราโควิด-19 ส่งผลเกิดความไม่สมดุลระหว่างความต้องการซื้อและผลผลิตที่ต้องการขาย สำหรับภาคการประมงยังคงเผชิญกับอุปสรรคหลายด้านด้วยกัน เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่ายอดส่งออกสินค้าประมงไปยังจีน ในเดือน ม.ค.อยู่ที่ 51.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 45 โดยมูลค่าส่งออกที่ลดลงนั้น ส่วนหนึ่งอยู่ในช่วงวันปีใหม่ของเวียดนาม นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ธุรกิจขนส่ง การท่องเที่ยวและค้าปลีก เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ ทางสมาคมฯแนะนำธุรกิจให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากคู่ค้าชาวจีนและเสนอให้กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท และหน่วยงานรัฐฯที่เกี่ยวข้อง ควรใช้นโยบายในการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และขยายกำหนดเวลาการชำระเงิน

ที่มา :https://vietnamnews.vn/economy/602415/farm-produce-prices-slump-as-covid-19-hits-exports.html

ยอดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติของเวียดนามขยายตัว หลังจากการแพร่ระบาดไวรัส

ในฐานะจีนเป็นประเทศศูนย์กลางการลงทุนจากต่างชาติ แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างหนัก ปัจจัยนี้ถือว่าเป็นโอกาสแก่ประเทศอื่นๆที่จะพยายามเร่งดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะ นำไปสู่การหันไปลงทุนตลาดอื่น ซึ่งทางบริษัทสหรัฐฯรายใหญ่แห่งหนึ่งได้วางแผนโครงการ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย และคาดว่าไม่จีนก็เวียดนามที่เป็นฐานการลงทุน ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ระบุว่าเวียดนามอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติเพิ่มขึ้น รวมถึงต่างชาติย้ายฐานการผลิตในจีน จากผลกระทบของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีของเวียดนาม ได้แก่ CPTPP และ EU-Vietnam FTA เป็นต้น ซึ่งหากควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้ในไตรมาสแรก เวียดนามจะดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติในปีนี้ อยู่ที่ 38.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ถ้าการแพร่ระบาดสิ้นสุดในไตรมาสสอง เวียดนามจะดึงดูด FDI ได้เพียง 38.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยโอกาสนี้ เวียดนามควรปรับนโยบายเพื่อดึงดูดนักลงทุนที่ลดกำลังการผลิตในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและหันมาลงทุนในเวียดนาม รวมถึงส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติที่มีแผนลงทุนเชิงรุก อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวนั้น เวียดนามจำเป็นต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการลงทุนและการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติที่มีคุณภาพ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/602424/fdi-in-viet-nam-expected-to-surge-after-the-epidemic.html

เวียดนามคาดความต้องการใช้ปูนซีเมนต์โต 4-5% ในปีนี้

จากข้อมูลของกระทรวงก่อสร้างเวียดนาม คาดความต้องการใช้ซีเมนต์ในปีนี้เติบโตร้อยละ 4-5 จากการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยความต้องการใช้ซีเมนต์คาดอยู่ที่ 101-103 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4-5 ในปีก่อน หากจำแนกแหล่งที่มาของการใช้ซีเมนต์ พบว่าปริมาณการใช้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศราว 69-70 ล้านตัน และส่งออกไปยังต่างประเทศ 32-34 ล้านตัน ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมวัสดุก่อสร้างคาดว่ามีปูนซีเมนต์อยู่ 2 สายการผลิตในปีนี้ ส่งผลให้จำนวนสายการผลิตซีเมนต์ทั้งหมดของเวียดนามอยู่ที่ 86 ของผลผลิตรวม หรือปริมาณผลผลิต 105.84 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้ยังคงอยู่ในสถานการณ์ปกติ/ไม่เปลี่ยนแปลงจากในปีก่อนและอาจชะลอตัว สำหรับอุปสรรคของผู้ประกอบการซีเมนต์ในปัจจุบัน ได้แก่ ราคาเชื้อเพลิงและค่าแรงงานที่สูงขึ้น รวมถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี เป็นต้น ซึ่งมีการหยิบข้อเสนอการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้ผลิตซีเมนต์ นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯ ระบุว่าการส่งออกซีเมนต์จากจีนและไทยจะเพิ่มขึ้น ดังนั้น เวียดนามจะเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดโลก

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592356/cement-demand-forecast-to-climb-4-5-this-year.html

“สนามบินก่าเมา” ตั้งเป้ารองรับผู้โดยสาร 1 ล้านคนต่อปี

จากข้อมูลขององค์การบริหารการบินพลเรือนเวียดนาม (CAAV) ได้เตรียมยกระดับขีดความสามารถของสนามบินก่าเมา (Ca Mau) ที่อยู่ในทางตอนใต้ของเวียดนามและตั้งเป้ารองรับผู้โดยสาร 1 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2573 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สนามบินมีความจุเพิ่มขึ้นสองเท่าจากแผนก่อนหน้า เพื่อที่จะรองรับผู้โดยสาร 1 ล้านคนต่อปี สำหรับแผนการอนุมัติในปี 2557 ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ในแผนการปี 2573 นั้น จะได้รับใบอนุญาตประเภท 4-C Category ตามมาตรฐานขององค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และยังสามารถให้บริการสนามบินทหารได้

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/ca-mau-airport-planned-to-serve-1-million-passengers-per-year-410162.vov

ผู้เชี่ยวชาญชี้เวียดนามจำเป็นหาตลาดข้าวใหม่ แทนตลาดจีน

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-2019) จะส่งผลต่อการส่งออกของเวียดนามไปยังประเทศจีน สำหรับการเก็บเกี่ยวข้าวฤดูหนาว-ใบไม้ผลิที่จะเริ่มต้นเก็บเกี่ยวในพื้นที่กู๋ลองยาง (ราบลุ่มแม่น้ำโขง) ทั้งนี้ ในจังหวัดเหิ่วซางมีพื้นที่เพาะปลูกอยู่ที่ 1,000 เฮกตาร์ ได้รับผลกระทบจากการรุกตัวของน้ำเค็ม แต่ชาวเกษตรได้เก็บเกี่ยวข้าวก่อนที่จะได้รับผลกระทบอยู่หลายร้อยเฮกตาร์และผลผลิตเก็บเกี่ยวอยู่ที่ 7.7 ตันต่อเฮกตาร์ ในส่วนราคาสินค้าเกษตรยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากต้องหาตลาดใหม่ นอกจากนี้ ทางบริษัท VinaFood เปิดเผยว่าเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดจีนเป็นตลาดข้าวของเวียดนามรายใหญ่ที่สุด แต่ในปัจจุบันมีการขยายตัวส่งออกไปยังหลายๆประเทศ แสดงให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของไวรัสอาจไม่กระทบมากนักต่อการส่งออกของเวียดนาม ซึ่งในปีที่แล้ว ตลาดฟิลิปปินส์ถือเป็นตลาดส่งออกข้าวรายใหญ่ที่วุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 885 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงควรขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ ได้แก่ แอฟริกาและตะวันออกลาง เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592304/viet-nam-needs-to-find-new-rice-markets-to-replace-china-experts.html

การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมเวียดนามในไตรมาสที่ 1 คาดว่าขยายตัว 3%

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 2.68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถ้าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า (COVID-19) อยู่ในการควบคุมได้ ซึ่งอุตสาหกรรมการแปรรูปและการผลิตเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศและมีส่วนแบ่งของสาขาอุตสาหกรรมมากที่สุด มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 2.38 สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้ส่วนประกอบนำเข้าจากประเทศจีน จะได้รับผลกระทบอย่างมากเนื่องจากจีนเป็นแหล่งซัพพลายเออร์วัสดุและส่วนประกอบรายใหญ่ของเวียดนาม ขณะเดียวกัน อุตฯการผลิตที่ได้รับผลกระทบในทิศทางลบ ได้แก่ กลุ่มเครื่องนุ่งห่ม กลุ่มผลิตยานยนต์และโลหะ เป็นต้น ทั้งนี้ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าวดำเนินไปจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 2 ซึ่งแนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 7 ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ นอกจากนี้ ทางสำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) ได้เสนอให้รัฐบาลสนับสนุนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส ได้แก่ การหาซัพพลายเออร์ ลดอัตราภาษีการส่งออก-นำเข้าและกระตุ้นการบริโภคในประเทศ รวมไปถึงควบคุมเงินเฟ้อและรักษาเสียรภาพเศรษฐกิจมหภาคและตลาดการเงิน

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/592301/industrial-sectors-growth-likely-to-hit-almost-3-in-q1.html

กลุ่มเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม เตรียมผลิตหน้ากากในเดือน ก.พ. อยู่ที่ 6 ล้านชิ้น กัน ‘โคโรน่า’

กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม (Vinatex) เปิดเผยว่าในเดือน ก.พ. ได้เร่งการผลิตหน้ากากอนามัย 6 ล้านชิ้น เพื่อตอบสนองความต้องการในช่วงที่มีสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่  (COVID-19) ซึ่งมีกำลังการผลิต 10 ตันต่อวันที่ใช้ในทางการแพทย์ เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ของสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสได้และทางสมาชิกสิ่งทอยังคงมุ่งเน้นในการผลิตหน้ากาก โดยในเดือน มี.ค. บริษัททำการผลิตอยู่ที่ 12 ล้านชิ้น ทั้งนี้ องค์กรอนามันโลก (WHO) ประกาศให้การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ในขณะนี้เป็น “ความฉุกเฉินด้านสาธารณะสุขระหว่างประเทศ” เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสและขอให้ประชาชนควรสวมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคและล้างมือบ่อยๆ นอกจากนี้ เวียดนามตรวจพบผู้ติดเชื้อ 16 ราย รวมถึงผู้ติดเชื้อ 11 รายที่อยู่ในจังหวัดหวิญฟุก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/garment-group-to-provide-6-million-face-masks-in-february-amid-covid-19/168710.vnp