สปป.ลาว-เวียดนามลงนามความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ระหว่างประเทศ

ระหว่างวันที่ 2-4 มกราคม 63 นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวและนายกรัฐมนตรี​เวียดนามมีการลงนามสนธิสัญญาความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยในหัวข้อที่มีการทำสนธิสัญญากันมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกันคือเพื่อครอบคลุมผลประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศโดยมีการลงนามในสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน สนธิสัญญาการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในสปป.ลาว สนธิสัญญาด้านการค้าเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนรวมทั้งยังมีส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อีกด้วย ที่ผ่านมาเวียดนามลงทุนในโครงการในสปป.ลาว 413 โครงการมูลค่ารวม 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ตั้งแต่ปี59 ถึงปัจจุบันเวียดนามให้เงินช่วยเหลือแก่สปป.ลาวเป็นจำนวน 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยเหลือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ดังนั้นสนธิสัญญาจะเป็นข้อตกลงที่จะช่วยยกระดับมิตรภาพที่ดีและความร่วมมือที่ครอบคลุมผลประโยชน์ระหว่างประเทศทั้งความมั่นคงและเศรษฐกิจสปป.ลาว

ที่มา http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Lao_vietnam_3.php

เวียดนามจะซื้อพลังงาน 1.5 พันล้าน kWh ต่อปีจากสปป.ลาว

Vietnam Electricity (EVN) จะซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาวประมาณ 1.5 พันล้าน kWh ต่อปีเป็นระยะเวลา 2 ปี เริ่มในปี 64 ภายใต้สัญญาที่ลงนาม Vietnam Electricity (EVN) จะซื้อไฟฟ้ามากกว่า 596 ล้าน kWh ต่อปีจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำสองแห่งของกลุ่ม  Phongsubthavy และในปี 65 จะซื้อไฟฟ้า 632 ล้าน kWh จากโรงงานสองแห่งที่อยู่ในกลุ่ม Chealun Sekong อีกทั้งในปี 64 จะเริ่มซื้อไฟฟ้า 263 ล้าน kWh ต่อปีจากบริษัทอื่น การนำเข้าได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเวียดนามเพื่อลดปัญหาการขาดแคลนพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าประมาณการในปี 64 การขาดแคลน 3.7 พันล้าน kWh และเกือบ 10 พันล้าน kWh ในปีต่อไป ในปี 66 คาดว่าปัญหาการขาดแคลนจะอยู่ที่ประมาณ 15 พันล้าน kWh จากนั้นจะลดลง เนื่องจากการขาดแคลนคาดว่าจะลดลงถึง 7 พันล้าน kWh และ 3.5 พันล้าน kWh ในปี 67 และ 68 ตามลำดับ กระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวว่าสามารถอนุรักษ์กระแสไฟฟ้าได้ไม่เกิน 5-8% และทางออกเดียวคือการนำเข้ามากขึ้นจากสปป.ลาวและจีน แต่การซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาด้วยคลื่นความถี่และในระยะยาวมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความเร็วในการทำงานในโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/industries/vietnam-to-buy-1-5-billion-kwh-of-power-annually-from-laos-4037485.html

เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตรหลัก ลดลง 5.3% ในปี 62

จากรายงานของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในปี 2562 มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรหลักอยู่ที่ 18.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าประมงและสินค้าป่าไม้ ขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 2.7 และ 19.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามลำดับ โดยตลาดส่งออกสินค้าเกษตรกรรมสำคัญของเวียดนาม ได้แก่ จีนและฮ่องกง (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.8 ของการส่งออกสินค้าเกษตรรวม) รองลงมาสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อาเซียน และญี่ปุ่น ตามลำดับ ทั้งนี้ หากจำแนกสินค้าเกษตรสำคัญ พบว่าข้าว ผักผลไม้ กาแฟและพริกไทย มีมูลค่าการส่งออกลดลง แต่ว่ามันสำปะหลังและใบชา มีมูลค่าการส่งออกขยับตัวเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกัน มูลค่าการนำเข้าสินค้าเกษตรกรรมของเวียดนามรวมอยู่ที่ 30.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้าราว 10.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/export-of-main-agricultural-products-down-53-percent-in-2019-408382.vov

เวียดนามประสบความสำเร็จในการขยายตัวการท่องเที่ยว

ในปีที่ผ่านมา เวียดนามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามามากกว่า 18 ล้านคน นับว่าเป็นตัวเลขทางสถิติสูงที่สุดและมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ร้อยละ 16.2 รวมไปถึงได้รับรางวัลการันตีการท่องเที่ยวระดับนานาชาติอีกด้วย จากข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าภายในปี 2562 เวียดนามเป็น 1 ใน 10 ประเทศทั่วโลกที่มีอัตราการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวสูงที่สุดและเป็นจุดมุ่งหมายที่ดีที่สุดในการเดินทางมายังเอเชีย ซึ่งผู้อำนวยการบริษัท Inmarc ระบุว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเวียดนาม มีศักยภาพอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศที่สวยงาม อาหารหลากหลาย และโรงแรมที่ยอดเยี่ยม เป็นต้น นอกจากนี้ ทางกระทรวงวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว ได้ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 20.5 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศ 90 ล้านคน ภายในปีนี้ โดยเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เวียดนามยังคงผลักดันการใช้ IT การปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวและโปรโมตการท่องเที่ยวเพิ่มมากยิ่งขึ้น

18 ล้านคน นับว่าเป็นตัวเลขทางสถิติส

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-achieves-stellar-tourism-growth-408391.vov

เวียดนามตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 20.5 ล้านคน ในปี 2563

จากการประชุมขององค์การบริหารการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) ณ กรุงฮานอย ในวันที่ 23 ธันวาคม เปิดเผยว่าภาคการท่องเที่ยวเวียดนามตั้งเป้าปี 2563 จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 20.5 ล้านคน และอีก 90 ล้านคนที่เป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ โดยในปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังเวียดนามอยู่ที่ 18 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและสัดส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศอยู่ที่ 85 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวมีรายได้รวมมากกว่า 720 ล้านล้านดอง เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และในปีหน้า เวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดงานสำคัญ ได้แก่ รายการ Formula 1 Vietnam Grand Prix และงานการท่องเที่ยวระดับชาติแห่งปี 2563 (National Tourism Year 2020)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-aims-for-205-million-foreign-tourists-in-2020/166003.vnp

เวียดนามคาดว่าภาคเกษตรกรรมจะขยายตัว 3% ในปีหน้า : PM

จากการประชุมในกรุงฮานอย ณ วันที่ 23 ธันวาคม นายกรัฐมนตรีเหงียนชวนฟุ๊ก ระบุว่าภาคเกษตรและพัฒนาชนบทจะเติบโตร้อยละ 3 ในปีหน้า รวมไปถึงการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้และประมง จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้าเกษตรมากกว่า 5 รายการที่มีมูลค่าการส่งออก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 ทำให้ยอดการส่งออกรวมปรับตัวสูงขึ้นราว 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและส่งผลให้เวียดนามเป็นผู้นำทางด้านการค้าในกลุ่มสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จของภาคการเกษตรเวียดนามในปีนี้ เป็นผลมาจากการขจัดอุปสรรคทางการค้าที่จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เป็นต้น รวมไปถึงการจัดการกับไข้หวัดหมูแอฟริกา (ASF) นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวว่าภาคการเกษตรจะดำเนินปรับโครงสร้างใหม่และสร้างมูลค่าสินค้าให้สูงขึ้น รวมไปถึงเพิ่มขีดความสามารถการผลิตสินค้าเกษตรและการแก้ไขปัญหาประมงอย่างเข็มงวด จากสหภาพยุโรปได้ให้ใบเหลือง (Yellow Card)

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/agriculture-sector-must-grow-by-3-pct-next-year-pm-407946.vov

เวียดนามตั้งเป้ายอดส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563

ตามข้อมูลของสมาคมเม็ดมะม่วงหิมพานต์เวียดนาม (Vinacas) เปิดเผยว่าภาคอุตสาหกรรมเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะมุ่งเน้นไปที่การแปรรูป ปรับปรุงคุณภาพและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยในปี 2562 มีการนำเข้าวัตถุดิบอยู่ที่ 1.5 ล้านตัน และแหล่งน้ำเข้าวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากแอฟริกา ทั้งนี้ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปริมาณส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์มากกว่า 418,000 ตัน ด้วยมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับผู้นำเข้าเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คือ สหรัฐอเมริกา รองลงมาจีนและเนเธอแลนด์ เป็นต้น นอกจากนี้ จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ระบุว่าภาคเกษตรกรรมมียอดเกินดุลการค้าราว 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ สำหรับแหล่งส่งออกสินค้าเกษตรของเวียดนามรายใหญ่ที่สุด คือ จีน (26.9% ของการส่งออกรวม) รองลงมาสหรัฐฯ สหภาพยุโรป อาเซียนและญี่ปุ่น ตามลำดับ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-targets-4-billion-usd-from-cashew-exports-in-2020-407924.vov