เวียดนามเผยยอดส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปยังจีนพุ่งสูงขึ้น

เวียดนามส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปยังจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าสินค้าเกษตรหลายรายการของเวียดนามจะขนส่งไปยังตลาดใกล้เคียง ปัจจุบันเวียดนามเผชิญกับความท้าทายในการส่งออกสินค้าไปยังจีน เนื่องมาจากการเข็มงวดของคุณภาพสินค้าและการค้าข้ามพรมแดน อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม ระบุว่าปริมาณส่งออกเม็ดม่วงหิมพานต์ไปยังจีนเพิ่มสูงขึ้นกว่า 58,100 ตัน คิดเป็นมูลค่า 447.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ที่มีการเพิ่มขึ้นทั้งในด้านปริมาณและมูลค่า ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกา จีน และเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้นำเข้าเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ของเวียดนาม ซึ่งจีนยังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 26.9 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด รองลงมาสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อาเซียน และญี่ปุ่น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/cashew-nut-exports-to-china-rise-sharply-407644.vov

อุตสาหกรรมนมโคเวียดนาม มีอัตราการเติบโต 10% ต่อปี

ตามข้อมูลของสมาคมนมโคเวียดนาม คาดว่าอุตสาหกรรมนมเวียดนามจะมีอัตราการเติบโตร้อยละ 9-10 ในปีหน้า และปริมาณการบริโภคนมของคนเวียดนามต่อหัวจะเพิ่มขึ้นเป็น 28 ลิตร ภายในปี 2563 โดยการขยายตัวของอุตสาหกรรมดังกล่าวนั้น เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้และการพัฒนาระบบโซ่อุปทานที่ทันสมัย และการเพิ่มขึ้นของประชากรในวัยหนุ่มสาวและชนชั้นกลางในเขตพื้นที่เมือง อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์นมที่บริโภคส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะนมเหลว นมผง โยเกิร์ต และนมข้นหวาน เป็นต้น ขณะที่ การบริโภคผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ ชีส และเนยไขมันต่ำ เป็นต้น ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์หลัก 2 กลุ่มของตลาดนมภายในประเทศ คือ นมเหลวและนมผง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 3 ใน 4 ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ด้วยการผลิตนมโคสด 1.5 ล้านลิตร และปริมาณการผลิตนมผง 138,000 ตัน นอกจากนี้ อุตสาหกรรมนมในประเทศมีการขยายตัวได้ดี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจได้มีการปรับปรุงเครื่องมือการผลิตและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาคุณภาพการผลิตนมและผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnamese-dairy-industry-to-gain-annual-growth-rate-of-10-per-cent-407656.vov

รัฐบาลเวียดนามยังคงสนับสนุนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง

จากคำแถลงการณ์ในที่ประชุมผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมของรองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดในประเทศ ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่ากองทุนเสถียรภาพราคาเชื้อเพลิง ช่วยให้รัฐบาลกลางเวียดนามสามารถบริหารราคาเชื้อเพลิงในประเทศได้ สำหรับอนาคตเร็วๆนี้ โดยผู้ค้าน้ำมันและกลุ่มบริษัทขนส่งได้โต้แย้งถึงกองทุนว่าการบริหารกองทุนนั้น จะต้องคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นส่วนสำคัญที่สุดและการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง จะไม่ส่งผลประโยชน์หรือได้รับประโยชน์ที่น้อยมากทั้งผู้ค้าและผู้บริโภค รวมไปถึงจะสร้างช่องว่างระหว่างราคาเชื้อเพลิงในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการฉ้อโกงและการลักลอบขนส่งข้ามพรมแดน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงใช้กองทุนเป็นเครื่องมือในการบริหารราคาน้ำมันในประเทศ เพื่อให้สามารถควบคุมเงินเฟ้อและสร้างความมั่งคงทางเศรษฐกิจมหภาค นอกจากนี้ ตามรายงานของกระทรวง ระบุว่ากองทุนดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายราว 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาเชื้อเพลิง ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2562

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/state-to-continue-support-for-fuel-price-fund-407614.vov

ภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม มียอดเกินดุลการค้า 16.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานของสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มียอดเกินดุลการค้า 16.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อยู่ที่ 2.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสิ่งที่น่าสนใจ คือ ตัวเลขมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดทั้งปี ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.55 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ มูลค่าการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ อยู่ที่ประมาณ 22.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เวียดนามอยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศที่ส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่ที่สุดทั่วโลก รองจากจีนและอินเดียเท่านั้น รวมถึงยังสามารถสร้างงานได้อีกประมาณ 3 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของกำลังแรงงานทั้งหมดของอุตสาหกรรม

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/garment-and-textile-sector-enjoys-trade-surplus-of-us166-billion-407615.vov

GDP เวียดนามขยายตัว 25.4% ต่อปี ในช่วงปี 2010-2017 หลังจากปรับปรุงวิธีนับใหม่

จากคำแถลงการณ์ของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ว่าหลังจากการปรับปรุงวิธีการวัดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศใหม่ ส่งผลให้ GDP เวียดนามขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 25.4 ต่อปี ในช่วงปี 2010-2017 ซึ่งวัตถุประสงค์ในการปรับขนาด GDP เพื่อให้สะท้อนถึงภาพรวมของเศรษฐกิจและประสิทธิภาพของการใช้นโยบายเศรษฐกิจ รวมไปถึงส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเศรษฐกิจ ทั้งด้านภาคการเกษตรปรับขนาดลดลง ส่วนภาคอุตสาหกรรมและการบริการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ จากตัวเลข GDP ที่ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นนั้น เป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่างประกอบรวมกัน รวมไปถึงการปรับปรุงของโครงสร้างเศรษฐกิจ และวิธีการการวัดที่ทันสมัย (Methodology)

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/8223202-vietnam%E2%80%99s-gdp-up-by-25-4-per-year-during-2010-2017-after-revision.html

เวียดนามอยู่อันดับ 2 ของการลงทุนธุรกิจ FinTech ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จากรายงาน ‘FinTech in ASEAN’ ที่เผยแพร่โดยธนาคารยูโอบี (UOB) เปิดเผยว่าเวียดนามดึงดูดเงินทุนในธุรกิจฟินเทค คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36 ของการลงทุนรวมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงดึงดูดเงินทุนเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 0.4 ในปีที่แล้ว โดยสิงคโปร์ยังคงเป็นประเทศที่ดึงดูดเงินทุนจากทั่วโลกมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51 ส่วนประเทศอินโดนีเซีย (12%) ไทย และมาเลเซีย มีสัดส่วนน้อยกว่า 2 ของการลงทุนรวมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ เวียดนามเป็นผู้นำการร่วมลงทุน (VC) ในธุรกิจ FinTech นอกจากนี้ บริษัทฟินเทคได้ตั้งตลาดเป้าหมายกว่า 300 ล้านคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร หรือคนที่กำลังมองหาการลงทุนและการให้บริการประกันชีวิต ซึ่งตลาดการชำระเงินผ่านโมบายของเวียดนาม คาดว่าจะเติบโตสูงถึง 70.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568

จำนวนคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-ranks-second-in-fintech-investment-in-southeast-asia-407593.vov