ค่าเช่าสำนักงานในกรุงฮานอยพุ่งสูงขึ้นในรอบ 6 ปี ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

จากรายงานของบริษัทอสังหาฯ ซาวิลส์ (Savills) เปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ค่าเช่าสำนักงานเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6 ปี มีอัตราการเข้าพักอาศัยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากสำนักงานมีจำนวนน้อย (หรืออุปทานมีอยู่อย่างจำกัด) โดยค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 21 เหรียญสหรัฐฯต่อตารางเมตรต่อเดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอัตราการเข้าพักอาศัยมีสัดส่วนร้อยละ 91 ลดลงร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากอยู่ในช่วงการเปิดตัวของโครงการใหม่ นอกจากนี้ จากตัวเลขสถิติของจำนวนธุรกิจจดทะเบียนใหม่ พบว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีธุรกิจเปิดตัวใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็นจำนวนผู้ประกอบการกว่า 20,562 ราย

ที่มา :  https://e.vnexpress.net/news/business/industries/hanoi-office-rents-reach-6-year-high-in-q3-3999332.html

สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกสัตว์น้ำรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม

จากรายงานของกรมศุลกากรเวียดนาม (General Department of Vietnam Customs) เปิดเผยว่าเวียดนามส่งออกสัตว์น้ำไปยังสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 1.08 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ถึงแม้ว่ามูลค่าการส่งออกจะลดลงอย่างมากก็ตาม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในเดือนกันยายน 2562 การส่งออกสัตว์น้ำ มีมูลค่า 731 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 10.1 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว และลดลงร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (กันยายน 2561) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดส่งออกสำคัญ พบว่าการส่งออกอาหารทะเลไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ลดลง ในขณะที่ การส่งออกไปยังประเทศจีน ไทย และไต้หวัน (จีน) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทางด้านรายงานสถิติศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) ระบุว่าอาหารทะเลเวียดนามมีส่วนแบ่งการตลาดสูงในตลาดอังกฤษ ได้แก่ กุ้งแช่แข็งทุกประเภท (HS 030617) ปลาดุกแช่แข็ง (HS 030462) รวมไปถึงกุ้งแปรูปทุกประเภท ซึ่งข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าสหราชอาณาจักรพยายามมองหาแหล่งอาหารทะเลที่มีความหลากหลาย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทางทะเลกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง จากตลาดที่มีโอกาสกำไรสูง

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/us-remains-vietnams-largest-aquatic-export-market-404970.vov

บริษัท TH Milk เป็นผู้ส่งออกนมรายแรกไปยังประเทศจีน

TH Milk Joint Stock Company เป็นบริษัทเวียดนามแห่งแรกที่ได้รับการอนุมัติจากกรมศุลกากรจีน ในการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปตลาดจีน เมื่อในวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารทั่วไปของกรมศุลกากรจีนระบุว่าผลิตภัณฑ์นมของบริษัท TH Milk ผ่านการฆ่าเชื้อโรคและดัดแปลงสูตรสำหรับการส่งออไปยังจีน รวมไปถึงข้อกำหนดรายละเอียดในการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยผลิตภัณฑ์นมที่ได้รับอนุญาตจากจีน จะรวมถึงอาหารแปรรูป ซึ่งมีส่วนประกอบจากนมวัวแปรรูปพาสเจอร์ไรส์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้ว, ผลิตภัณฑ์นมผง, นมข้นหวาน และอื่น ๆ เป็นต้น โดยทางการจีนกำหนดให้ผู้ส่งออกเวียดนามต้องได้รับใบอนุญาตจากทางการเวียดนาม และดำเนินจดทะเบียนกับกรมศุลกากรจีน หลังจากนั้นจึงทำการตรวจสอบกักกัน เพื่อขอใบอนุญาตกักกันโรค ก่อนที่จะส่งออกไปยังตลาดจีนได้อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ เวียดนามตั้งเป้าในการส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปยังตลาดจีน ด้วยมูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2563

ที่มา :  https://en.vietnamplus.vn/th-milk-becomes-first-exporter-of-milk-to-china/162302.vnp

ผู้ส่งออกปลาดุกเวียดนามเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่ง

จากรายงานของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการส่งออกอาหารทะเลอยู่ที่ 6.23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีใต้ ยังคงเป็นผู้นำเข้าอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งบริโภคร้อยละ 56.8 ของมูลค่าการส่งออกอาหารทะเลโดยรวม ทางด้านสถานการณ์สินค้ากุ้งทะเล ปลาสวายและหมึกกระดอง มีมูลค่าลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องมาจากภาวการณ์แข่งขันที่รุนแรงจากประเทศอินเดีย เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย และไทย ส่วนตลาดในประเทศนั้น ราคาปลาดุกปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นผลมาจากอุปทานเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าเป้าในการส่งออกอาหารทะเล จะไม่สามารถบรรลุระดับ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปีนี้ เนื่องจากประเทศจีน มาเลเซีย สามารถเริ่มเพาะปลาดุกในประเทศได้ ในขณะเดียวกัน ไทย อินเดีย สามารถควบคุมโรคระบาดได้แล้ว รวมทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะชะลอตัว

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnamese-catfish-exporters-struggle-to-compete-with-rivals-404934.vov

เวียดนามดำเนินสร้างระบบนิเวศดิจิทัล สำหรับระบบการชำระเงินที่ไม่ใช่เงินสด

ประเทศเวียดนามได้จัดการประชุมสุดยอดระบบการชำระเงิน (The Payment Summit 2019) ในหัวข้อ “มุ่งสร้างระบบนิเวศน์การชำระเงินดิจิทัล” ภายใต้สมาคมธนาคารเวียดนาม และ OpenWay Group ได้ดึงผู้เชี่ยวชาญมากมายให้เข้ามีส่วนร่วมในการจัดตั้งระบบดังกล่าว ซึ่งคุณ Pham Tien Dung เป็นผู้อำนวยการฝ่ายระบบการชำระเงินของธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ระบุว่าระบบนิเวศน์การชำระเงินไร้เงินสดจะทำให้สามารถดึงดูดความต้องการให้ครอบคลุมการชำระเงินในทุกด้านของชีวิต โดยจากข้อมูลทางสถิติในปี 2560 พบว่าร้อยละ 87.57 ได้รับรายได้จากการโอนเงินผ่านธนาคารและกระเป๋าเงินออนไลน์ (E-wallet) และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การให้บริการของธนาคารได้รับความนิยมอย่างมาก หากสังเกตได้จากจำนวนการเปิดบัญชีส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 83.9 ล้าน (ณ เดือนสิงหาคม 2562) นอกจากนี้ ระบบการชำระเงินดิจิทัลจะช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ในเวลาเพียงครึ่งนาที ซึ่งสะดวกสบายและมีความปลอดภัยมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการชำระเงินได้อย่างเหมาะสม

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/building-a-digital-ecosystem-for-noncash-payment-404783.vov

เวียดนามเผยยอดส่งออกผักผลไม้ลดลง ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62

จากรายงานทางสถิติของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าการส่งออกผักและผลไม้ลดลงร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยมูลค่า 2.81 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ในขณะเดียวกัน กรมการนำเข้าและส่งออก ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าการส่งออกผักและผลไม้ไปยังตลาดต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน ฮ่องกง และไทย ล้วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การส่งออกที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยการส่งออกไปยังตลาดจีน ที่ยังคงชะลอตัว ซึ่งสาเหตุดังกล่าวมาจากสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ทำให้จีนส่งออกสินค้าเกษตรไปยังตลาดสหรัฐฯลดลง และกลุ่มประเทศที่มีความได้เปรียบสินค้าเกษตรนั้น หันมาบริโภคภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเกษตรกรรมต่างประเทศสามารถได้รับประโยชน์ทางการค้า ด้วยอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 0 รวมไปถึงมีการส่งสัญญาเป็นบวก สำหรับกลุ่มธุรกิจผักและผลไม้ในประเทศในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/fruit-and-vegetable-exports-plummet-in-nine-months-404787.vov

รัฐบาลสปป.ลาวไฟเขียว PetroTrade เพื่อการพัฒนาทางรถไฟสปป.ลาว – เวียดนาม

รัฐบาลสปป.ลาวได้มอบหมายและให้สิทธิแก่ the Petroleum Trading Lao Public Company (PetroTrade) ในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการรถไฟสปป.ลาว – ​​เวียดนาม กระทรวงแผนการและการลงทุนในนามของรัฐบาลและ PetroTrade ได้ลงนาม MOU เพื่อศึกษาและออกแบบรายละเอียดทางรถไฟให้เสร็จสมบูรณ์ การพัฒนาทางรถไฟสปป.ลาว – ​​เวียดนาม จากท่าแขกไปยังท่าเรือวุงอ่างในเวียดนามมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากรัฐบาลให้ความไว้วางใจและสิทธิ PetroTrade เพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้โดยละเอียด ทางรถไฟจะเชื่อมต่อสปป.ลาวกับภูมิภาคอาเซียนและเปิดใช้งานการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการค้าการลงทุนและการเกษตรซึ่งจะทำให้สปป.ลาวมีศักยภาพที่จะกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังจะเปลี่ยนสปป.ลาวจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นประเทศที่เชื่อมโยงกับพื้นที่เชื่อมโยงภูมิภาคเพื่อให้บรรลุแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-gov%E2%80%99t-gives-green-light-petrotrade-laos-vietnam-railway-development-106395