ผู้ประกอบการหนุนรัฐ ปรับขึ้น‘ดีเซล’แบบขั้นบันได

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย แสดงความเห็นต่อทิศทางราคาน้ำมันว่า การใช้เงิน กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลยังเป็นแนวทางที่รัฐต้องพิจารณา แม้ว่าจะมีแผนค่อยๆ ทยอยลดภาระด้วยการปรับขึ้นแบบขั้นบันไดก็ตามเพราะหากปรับขึ้นทันทีจะกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนทันที ดังนั้นประเด็นสำคัญอยู่ที่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่เป็นแพ็กเกจไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบ “คิดไปทำไป” ควรทำให้ครอบคลุมทั้งปี ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า แนวทางอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงจะลดการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 50% จากราคาอุดหนุนปัจจุบันเฉลี่ย 11 บาทต่อลิตร วันที่ 1 พ.ค.2565 นี้ แต่กระทรวงพลังงานจะปรับขึ้นแบบขั้นบันได 1-3 บาทต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบเช่นเดียวกับ LPG ที่จะขึ้นอีกพ.ค.กิโลกรัมละ 1 บาท (15 บาทต่อถัง 15 กก.) เหล่านี้ล้วนกดดันต่อระดับราคาสินค้าและแรงซื้อของประชาชน

ที่มา: https://www.naewna.com/business/649398

จี้รัฐเร่งเปิดด่านชายแดน ฟื้นฟูเศรษฐกิจเชียงราย

สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทำให้รัฐบาลไทยสั่งปิดด่านชายแดนแม่สาย เชียงแสน และเชียงของ จ.เชียงราย มานานกว่า 2 ปี สภาพเศรษฐกิจด้านนี้ย่ำแย่ และได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนอีก ล่าสุด ตัวแทนภาคธุรกิจเมืองเศรษฐกิจการค้าชายแดน จ.เชียงราย ออกมาเรียกร้องให้รัฐเร่งเปิดด่านโดยเร็ว ก่อนที่ร้านรวงจะล้มหายตายจากไปจนหมด ด้าน น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงรายและประธานหอการค้าแม่สาย เปิดเผยว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจชายแดนอย่างเร่งด่วน ด้วยการตั้งคณะกรรมการทั้งภาครัฐและเอกชนที่รู้ปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา-สปป.ลาว-จีน เพื่อเจรจาระดับภาคีขอเปิดด่านพรมแดน ซึ่งตอนนี้โควิด-19 เริ่มดีขึ้นบ้าง ประเทศเพื่อนบ้านต่างมีมาตรการดูแลประชาชน ซึ่งอยากให้เร่งพิจารณาเมื่อพื้นที่ไหนพร้อมก็ควรเปิด โดยเฉพาะ อ.แม่สาย เป็นเส้นทางถนนเอเชียไฮเวย์ 2 (เส้นทาง R3B) เชื่อมต่อ 8 ประเทศ เข้าจากทางภาคใต้ด่าน จ.สงขลา ไปออกแม่สาย ผ่านสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 1 เชื่อมโยงไปจีนตอนใต้ ตามเส้นทาง จ.ท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง-เมืองลา เขตโกกั้ง เมืองตองจี เมืองมัณฑะเลย์ ถึงชายแดนเมียนมา-จีน ที่ด่านมูเซ-รุ่ยลี่ แต่ละปีสินค้าไทยและสินค้าเกษตรของเมียนมาเข้า-ออกจีนที่ด่านนี้ มีมูลค่าการค้านับแสนล้านบาท ชายแดนฝั่งตรงข้ามไทยไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม เขายังพึ่งพาอาหารและสินค้าไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดชายแดนจีน

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/north/2372316

ไทยเตรียมส่งออกทุเรียนล็อตใหม่ ผ่านรถไฟจีน-ลาว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยความคืบหน้าการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ด่านโม่ฮานของจีน ได้เปิดนำเข้าทุเรียนไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากระงับการนำเข้าทุเรียนไทย 3 วัน ระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน จากเหตุพบการปนเปื้อนโควิดในรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ และช่วงกลางสัปดาห์นี้ไทยจะมีการส่งออกทุเรียนอีกล็อตหนึ่ง โดยใช้เส้นทางรถไฟจีน-ลาว ด้วยการขนส่งระบบผสมราง-รถ ซึ่งจะต้องคุมเข้มมาตรการขจัดทุเรียนอ่อนและป้องกันการปนเปื้อนโควิด-19 อย่างต่อเนื่อ ให้มีมาตรฐานตามข้อกำหนด

ที่มา : https://news.ch7.com/detail/563786

‘ฟู้ดเดลิเวอรี’ปีนี้ส่อโต 7.9 หมื่นล.

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรทางธุรกิจ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยคาดว่าในปี 2565 นี้ ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 7.9 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารก็หันมาใช้ช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรีมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเห็นได้จากจำนวนพาร์ทเนอร์ร้านอาหารของแกร็บฟู้ดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 800% (เปรียบเทียบจากช่วงสิ้นปี 2562 จนถึงปี 2564) จนมีจำนวนมากกว่า 200,000 ร้านในปัจจุบัน

ที่มา: https://www.naewna.com/business/648201

ชายแดนเกาะสอง-ระนอง ส่งออกประมงมากที่สุดของเขตตะนาวศรี

รายงานของกรมประมงเมืองเกาะสอง เผย ด่านชายแดนเกาะสอง-ระนอง มีการส่งออกสินค้าประมงมากที่สุด ของเขตตะนาวศรี โดย 6 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2564 ถึง 31 มี.ค. 2565 มีการส่งออกสินค้าประมงจากเกาะสองไปยังประเทศไทย คิดมูลค่ากว่า 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากปริมาณสินค้าประมงประมาณ 161,283 ตัน แม้ชายแดนเกาะสองจะมีความต้องการสินค้าประมงในปริมาณมาก แต่พบว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาลดลงกว่า 18,000 ตันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าการส่งออกลดลง 1.245 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การส่งออกปลามีแนวโน้มลดลงในฤดูสัตว์น้ำวางไข่ (เมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน) ซึ่งธุรกิจประมงชายฝั่งถือเป็นหัวใจหลักทางเศรษฐกิจของเกาะสอง

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/kawthoung-ranong-border-post-sees-highest-fishery-exports-in-taninthayi-region/#article-title

ธุรกิจท่องเที่ยวคึกคัก นักวิชาการชี้อานิสงส์ เปิดประเทศ

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และอดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ ม.รังสิตเปิดเผยว่า เศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้นหลังสงกรานต์เงินสะพัดมากกว่าที่หลายสำนักวิจัยคาดการณ์ สะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น ขณะที่การขยายเพดานเงินกู้เป็น 70% ต่อจีดีพี มีความจำเป็น เพราะในความจริง เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพมาหลายปีแล้ว และยังต้องกู้เงินมาชดเชยงบประมาณเพิ่มขึ้นทุกปี อย่างไรก็ตาม ยังมีความน่าเป็นห่วงว่าความเสี่ยงของการที่ไทยจะถูกลดอันดับเครดิตหรือความน่าเชื่อถือนั้น มีความเป็นไปได้ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า หากหนี้สาธารณะทะลุระดับ 70% ของจีดีพีและระบบเศรษฐกิจไม่สามารถหารายได้มากพอที่ทำให้การชำระหนี้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น รวมทั้งไม่สามารถเพิ่มรายได้การจัดเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม ฐานะทางการคลังของไทยยังพอไปได้เพราะยังมีหนี้ต่างประเทศในระดับต่ำมาก

ที่มา: https://www.naewna.com/business/647982

ครัวเรือนกังวลค่าครองชีพสูง วอนรัฐตรึงราคาสินค้า-ขอคนละครึ่งเฟส5

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลให้ระดับราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตและส่งออกอยู่ในระดับสูง ส่งผลภาวะดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน (KR-ECI) มี.ค. 65 ปัจจุบันขยับลงอยู่ที่ 33.4 จาก 33.9 ในเดือนก.พ.65 ขณะที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนใน 3 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในระดับต่ำที่ 36.1 จาก 36.0 ในเดือนก.พ. 65 แม้อัตราการเลิกจ้างในเดือนมี.ค. 65 ปรับลดลงแต่การลดเวลาการทำงานล่วงเวลา (OT) และการชะลอรับพนักงานใหม่ยังปรับสูงขึ้น เมื่อสอบถามครัวเรือนถึงมาตรการภาครัฐว่าควรออกมาในรูปแบบใดพบว่า ส่วนมาก อยากให้ตรึงราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น (39.2%) ขณะที่ 23.9% อยากให้ต่อมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 5 หลังมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 4 จะหมดลงในวันที่ 30 เมษายน 2565

ที่มา: https://www.naewna.com/business/647079

‘จุรินทร์’ลงใต้กระต้นศก. เอกชนเสนอประเด็นให้รัฐช่วย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมทีมเซลส์แมนจ.ยะลา ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่โรงแรมแกรนด์แมนดาริน เบตง อำเภอเบตง มีข้อสรุปดังนี้ โดยประเด็นที่ 1 ต้องการให้ผ่อนปรนผังเมืองยะลา ให้สามารถสร้างห้องเย็นเก็บทุเรียนหรือผลไม้ได้โดยสะดวกขึ้น ไม่ต้องฝากเช่าห้องเย็นที่จังหวัดอื่น ประเด็นที่ 2 ขอให้ภาครัฐช่วยต่ออายุโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ที่ธนาคารออมสินปล่อยกู้ผ่านธนาคารพาณิชย์ และธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดนใต้ในอัตรา 1.5% ต่อปี วงเงิน 25,000 ล้านบาท จะหมดอายุในปีนี้ ขอต่อไปอีก 5 ปี คือ 2566-70 ขณะที่ความต้องการแรงงานต่างด้าวเมียนมาและกัมพูชา ได้มีการชี้แจงว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2564 อนุญาตให้ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวโดยต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน เนื่องจากเงื่อนไขที่ ศบค. กำหนดเรื่องสถานการณ์โควิด-19

ที่มา: https://www.naewna.com/business/646851

‘เอดีบี’ หั่นจีดีพีไทยปี 65 เหลือ 3% โอมิครอน-สงครามทุบ ศก.ไม่พัก

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ลงมาอยู่ที่ระดับ 3% จากคาดการณ์เดิมที่ 4% ขณะที่ปี 2566 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 4.5% เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างช้าๆ ตั้งแต่ช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของปี 2564 โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทั้งนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงขาลง ทั้งจากการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสายพันธุ์ใหม่ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมทั้งค่าครองชีพและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นในประเทศไทย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ คาดว่าจะปรับสูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยในปี 2565 จะอยู่ที่ระดับ 3.3% ก่อนจะลดลงในปี 2566 มาอยู่ที่ 2.2% หากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อ จะยิ่งทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

ที่มา : https://www.thaipost.net/economy-news/119331/

ตลาดระยะใกล้เที่ยวไทย “ททท.-แอร์เอเชีย” จัดโปรโมชันดึงต่างชาติ

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ เปิดเผยว่า ททท.ได้ร่วมกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย ส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากตลาด ระยะใกล้ที่สอดคล้องกับแผนการบินภายในภูมิภาคของแอร์เอเชีย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศไทยให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 10 ล้านคนในปีนี้ เพื่อสร้างรายได้ 625,800 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนของตลาดระยะใกล้จากภูมิภาคอาเซียน 1.1 ล้านคน จากแปซิฟิกใต้ (ประเทศออสเตรเลีย) 200,000 คน และเอเชียใต้ (อินเดีย) ประมาณ 450,000 คน ที่คาดว่าจะเริ่มเดินทางได้ในเดือน เม.ย.นี้ ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชียได้ทยอยเปิดเส้นทางบิน ระหว่างประเทศต่อเนื่องครอบคลุมตลาดอาเซียนและเอเชียใต้ 7 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มัลดีฟส์ และอินเดีย รวม 18 เส้นทาง

ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/economics/2360055