รถไฟจีน-ลาว เริ่มให้บริการนักท่องเที่ยวจาก ‘กรุงปักกิ่ง-นครหลวงเวียงจันทน์’

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รถไฟจีน-ลาว ได้เริ่มเปิดให้บริการรถไฟท่องเที่ยวข้ามพรมแดนจากกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยมีป้ายจอดหลายสถานีตั้งแต่เมืองหลวงพระบางและวังเวียง ขากลับจะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวของจีน เช่น สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน และเมืองจิบิ มณฑลหูเป่ย รวมเวลาไป-กลับ 15 วัน ทั้งนี้ รถไฟสายนี้ได้ขนส่งสินค้าแล้วกว่า 9.62 ล้านตัน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้น 94.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีปริมาณสินค้าข้ามพรมแดนมากกว่าสามเท่าอยู่ที่ 2.3 ล้านตัน (ไชน่านิวส์รายงาน) สินค้าหลักที่บรรทุกบนทางรถไฟสายนี้ ได้แก่ ผลไม้ แป้งมัน ข้าวบาร์เลย์ ยางพารา เบียร์ แร่เหล็ก และปุ๋ยเคมี นอกจากนี้ นับตั้งแต่เริ่มให้บริการรถไฟจีน-ลาวได้ขนส่งผู้โดยสารไปแล้วกว่า 3 ล้านคน เฉพาะแปดเดือนกว่าของปี 2566 ขนส่งผู้โดยสารไปแล้ว 1,759,900 คน

ที่มา : https://news.cgtn.com/news/2023-11-13/Tourism-train-service-from-Beijing-to-Vientiane-begins-1oH7tCQQNUc/index.html?fbclid=IwAR0g6s1-g2ck3bAU4kcP3n4ZFSA8Dde0soivCj5FalcSAcAlh7_XT23rl-s

รัฐบาล สปป.ลาว กำหนด ‘แผนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางถนน’

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและคมนาคม สปป.ลาว กล่าวถึงแผนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางถนนด้วยการจัดสรรงบประมาณประจำปีในปัจจุบันสำหรับการบำรุงรักษาและการซ่อมแซมถนนอยู่ที่ 700 ล้านกีบ หรือประมาณ 33,714 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวนเงินที่ครอบคลุมการซ่อมแซมทางหลวงและถนนระดับชาติประมาณ 6,500 กม. จาก 46,000 กม.ทั่วประเทศ ซึ่งครอบคลุมทั้งใจกลางเมืองและชุมชนท้องถิ่น ตามการประเมินความสามารถด้านโลจิสติกส์ (LCA) พบว่า มีถนนเพียง 28% เท่านั้นที่มีสภาพดี ส่วนอีก 62% ของถนนใน สปป.ลาว จัดว่ามีสภาพย่ำแย่ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลกำลังทำงานเพื่อปรับปรุงมาตรฐานทางเทคนิคและเพิ่มจำนวนสถานีชั่งน้ำหนักทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 14 แห่งที่เปิดดำเนินการอยู่ สถานีเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นจุดตรวจควบคุมรถบรรทุกที่บรรทุกหนักเกิน เพื่อให้มั่นใจว่าปฏิบัติตามขีดจำกัดของน้ำหนักที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ทั้งนี้ รัฐบาลให้คำมั่นที่จะสนับสนุนกองทุนซ่อมแซมถนนเพิ่มขึ้น แต่อาจเจอความท้าทายในการจัดสรรเงินทุน โดยชี้ไปที่ปัญหาทรัพยากรที่ไม่เพียงพอ และการอ่อนค่าของเงินกีบลาว รวมถึงจำนวนถนนที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/11/10/government-unveils-plan-to-revamp-road-infrastructure/

สปป.ลาว กำหนดเป้าหมาย ‘แผนพัฒนาพลังงานและเหมืองแร่ระยะ 5 ปี’

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ สปป.ลาว กล่าวในการประชุมสามัญสมัยสามัญครั้งที่ 6 ถึงข้อมูลการออกใบอนุญาตให้กับบริษัทขุดแร่หายาก จำนวน 15 บริษัทที่ถือใบอนุญาตแบบไม่เร่งด่วนสำหรับขั้นตอนการสำรวจ และอีกจำนวน 13 บริษัท มีใบอนุญาตสำหรับการดำเนินการขุด แต่ใน 13 บริษัท มีเพียง 3 บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตในการขายแร่ปริมาณ 19,500 ตัน โดย 5,409 ตัน มีสิทธิ์ส่งออกไปยังจีนได้ นอกจากนี้ มีเพียง 4 ใน 15 บริษัท ที่ได้รับใบอนุญาตแบบไม่เร่งด่วนเท่านั้นที่เสร็จสิ้นการประเมินและสำรวจทรัพยากรเบื้องต้น เพื่อจัดการกับปัญหาเหล่านี้ กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ได้ร่างแผนงานที่ครอบคลุม โดยกำหนดเป้าหมาย 6 ประการสำหรับแผนพัฒนาพลังงานและเหมืองแร่ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2564-2568) โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาที่ยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของชุมชน รวมถึงการสร้างข้อมูลทางธรณีวิทยาขั้นพื้นฐาน การกำหนดนโยบายแร่ การพัฒนากลไกการบริหาร การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน การเสริมสร้างความเข้มแข็งของรัฐวิสาหกิจการพัฒนาแร่ และการบูรณาการการพัฒนาที่ยั่งยืนและการเติบโตสีเขียวเข้าไปในแผนฯ นอกจากนี้ กระทรวงกำลังพิจารณาที่จะรวมกฎหมายดังกล่าวเข้ากับกฎหมายฉบับปรับปรุงใหม่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในต้นปี 2567

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/11/10/laos-sets-targets-in-5-year-energy-mines-development-plan/

‘GSM เปิดตัวบริการแท็กซี่ไฟฟ้าใน สปป.ลาว’ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเดินทางสีเขียวในอาเซียน

บริษัท JSC Green and Smart Mobility ของเวียดนาม (GSM) ได้เปิดตัวบริการแท็กซี่ไฟฟ้าในเวียงจันทน์ สปป.ลาว ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Xanh SM” ขยายสู่ตลาดต่างประเทศแห่งแรกถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในกลยุทธ์ “Go Green Global” ของ GSM เพื่อสร้างตัวเองในฐานะผู้ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าระดับสากล และส่งเสริมการนำยานยนต์สีเขียวมาใช้นอกขอบเขต ทั้งนี้ Xanh SM Laos ยอมรับแนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางของคู่ค้าชาวเวียดนาม และให้คำมั่นที่จะให้บริการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัทมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าด้วยรถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์ 100% และมาตรฐานการบริการระดับ 5 ดาว รวมถึงคุณภาพรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม และทีมงานนักขับมืออาชีพที่ทุ่มเท ซึ่งมีส่วนในการยกระดับมาตรฐานการบริการขนส่งผู้โดยสารใน “ดินแดนแห่งล้านช้าง” นอกจากนี้ Xanh SM Laos กำลังวางแผนที่จะขยายการดำเนินงานไปทั่วประเทศ และคาดว่าจะสร้างโอกาสงานใหม่นับพันตำแหน่งให้กับผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น โอกาสเหล่านี้นำโอกาสในการพัฒนาอาชีพที่น่าสนใจโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มแรก ในขณะเดียวกันก็มีรายได้ที่เหมาะสมและการฝึกอบรมทางวิชาชีพด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ขับขี่ Green SM จะได้รับการมุ่งเน้นให้เป็น “ทูตสีเขียว” ที่เชื่อมโยงแบรนด์กับลูกค้าโดยตรง และมีส่วนช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของลาว

ที่มา : https://www.taiwannews.com.tw/en/news/5036912

‘สปป.ลาว แสวงหาความร่วมมือจากอินโดนีเซีย’ ลุยส่งออกไม้แปรรูปไปสหภาพยุโรป

นายคำพล มูลละไม อธิบดีกรมตรวจสอบป่าไม้ กระทรวงเกษตรและป่าไม้ สปป.ลาว ร่วมประชุมกับคณะผู้แทนอินโดนีเซีย ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดย สปป.ลาว มีความมุ่งหวังที่จะบรรลุข้อตกลงความร่วมมือในการส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปไปยังสหภาพยุโรปที่เป็นลักษณะคล้ายกับการที่สหภาพยุโรปนำเข้าผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปจากอินโดนีเซีย สปป.ลาว จึงแสวงหาความร่วมมือจากอินโดนีเซีย เนื่องจากมองว่าอินโดนีเซียประสบความสำเร็จในการขยายตลาดส่งออกที่มีมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปทำลายสถิติ ถึง 14.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2565 แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผลลัพธ์นี้นำไปสู่การลงนามข้อตกลงความร่วมมือโดยสมัครใจกับสหภาพยุโรป เพื่ออำนวยความสะดวกในการออกใบอนุญาตยกเว้นผลิตภัณฑ์ไม้ของอินโดนีเซีย จากกระบวนการตรวจสอบสถานะภายใต้กฎระเบียบของสหภาพยุโรป

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/11/08/laos-explores-growth-opportunities-in-wood-processing-industry-through-eu-regional-cooperation/

‘สปป.ลาว ประสบปัญหาขาดดุลการค้า’ 7 เดือนจาก 9 เดือนแรกของปี 2566

สปป.ลาว ประสบปัญหาขาดดุลการค้า 7 เดือนจาก 9 เดือนแรกของปี 2566 มูลค่ารวม 675 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และข้อมูลล่าสุดดุลการค้าในเดือนกันยายน ขาดดุล 218 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการขาดดุลสูงสุดในรอบ 9 เดือนของปีนี้ โดยสาเหตุหลักเกิดจากการนำเข้าที่ยังคงแซงหน้าการส่งออก โดยมูลค่าการส่งออกมีเพียง 394 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าสูงถึง 612 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญ คือ ทองคำผสมและทองคำแท่งที่มีมูลค่าส่งออกรวม 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญรายการอื่นๆ ได้แก่ กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ แร่ทองคำ เกลือโพแทสเซียม ยาง เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ แร่เหล็ก น้ำตาล เสื้อผ้า และกล้วย ตลาดส่งออกหลัก คือ จีน เวียดนาม ไทย ออสเตรเลีย และอินเดีย ในขณะสินค้าการนำเข้ามากที่สุด คือ น้ำมันดีเซลที่มีมูลค่า 69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  สินค้านำเข้าที่สำคัญรายการอื่นๆ เช่น อุปกรณ์เครื่องจักรกล ยานพาหนะทางบก ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ พลาสติก น้ำมันเบนซิน และเยื่อและเศษกระดาษ ตลาดนำเข้าหลัก คือ ไทย โดยมีมูลค่า 264 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยจีน เวียดนาม สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/11/07/laos-records-seven-months-of-trade-deficit-in-2023-totaling-usd-675-million/

สปป.ลาว สร้างสถิติ ‘จำนวนนักท่องเที่ยวพุ่ง 285% ในปี 2566’

กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว เผยยอดจำนวนนักท่องเที่ยว 9 เดือนแรกปี 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวใน สปป.ลาว มากกว่า 2.4 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 285% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงความน่าดึงดูดที่เพิ่มขึ้นของลาวในเวทีโลก โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศในกลุ่มอาเซียนมากกว่า 1.6 ล้านคน และอื่นๆ มาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยสาเหตุของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เกิดจากสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางที่รวดเร็วขึ้นบนทางหลวงและทางรถไฟลาว-จีน ซึ่งกลายเป็นวิธีเดินทางยอดนิยมในปัจจุบัน ทั้งนี้ สปป.ลาวได้กำหนดแผนการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสำหรับการเยือน สปป.ลาว ปี 2567 ในวาระที่ สปป.ลาว ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน โดยตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2567 ไว้ที่ 4.6 ล้านคน สร้างรายได้ 712 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/11/07/laos-sets-tourism-record-boasting-285-percent-surge-in-2023/